“พิพัฒน์“ หารือกงสุลใหญ่ฮ่องกง ดันแรงงานไทยบุกตลาดฮ่องกง-มาเก๊า เร่งนำเข้าพ่อครัว-แม่ครัวและภาคบริการ”ซึ่งเป็นที่ ต้องการ เปิดตำแหน่งนับ 18,000 อัตรา

26 กุมภาพันธ์ 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน เข้าพบ นายจาตุรนต์ ไชยะคำ กงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง และ ทีมประเทศไทย ได้แก่ นางสาวพรรณกาญจน์ เจียมสุชน กงสุล(พาณิชย์) นายจารุภัทร รัตนเสรี กงสุล (ศุลกากร) และ นางพรมมนต์ จันทร์ศรี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมแรงงานไทยในฮ่องกง ภายใต้โครงการ MOL Overseas Matching ซึ่งมุ่งขยายตลาดแรงงานไทยไปต่างประเทศ

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เป้าหมายขยายตลาดแรงงานไทยในฮ่องกงและมาเก๊า ในปี 2568 คาดว่าจะสามารถเปิดตำแหน่งงานได้กว่า 18,000 อัตรา ครอบคลุมหลายภาคอุตสาหกรรม โดยจากการหารือมีข้อเสนอจากนายจาตุรนต์ ไชยะคำ กงสุลใหญ่ฮ่องกง ให้ความเห็นในหลากหลายด้านเพื่อสนับสนุนแรงงานไทย ว่าในด้านสิทธิแรงงาน ขอให้ช่วยผลักดัน ให้ยกเว้นหักค่าเช่าบ้านของพนักงานหลังทำงานครบ 7 ปี ด้านความต้องการแรงงานร้านอาหารไทย ซึ่ง ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยกว่า 251 ร้าน และยังต้องการพ่อครัว-แม่ครัว พนักงานเสิร์ฟ และล้างจาน รวมกว่า 2,000 ตำแหน่ง ด้านเร่งรัดการนำเข้าพ่อครัวไทย กระบวนการขออนุมัติแรงงานใช้เวลานาน ถึง 10 เดือน ทำให้ร้านอาหารขาดแคลนบุคลากร ขอให้กระทรวงแรงงานช่วยผลักดันให้รัฐบาลฮ่องกงลดระยะเวลาดังกล่าว ด้านมาตรฐานฝีมือแรงงานไทย ยังขอขอบคุณกระทรวงแรงงานที่จัด ทดสอบฝีมือแรงงานผู้ประกอบอาหารไทยในฮ่องกงทุกปี ช่วยเพิ่มโอกาสจ้างงานและค่าตอบแทนที่สูงขึ้น

นาย พิพัฒน์ เน้นย้ำว่า การได้รับใบรับรองฝีมือแรงงานช่วยเพิ่มโอกาสให้แรงงานไทยได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมและทำงานได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญชวนเครือข่ายร้านอาหารไทยในฮ่องกง ร่วมกันรักษามาตรฐานอาหารไทย ภายใต้มาตรฐาน “ไทยซีเล็กส์” กระทรวงแรงงานพร้อมสนับสนุนแรงงานไทยให้มีมาตรฐาน และขยายโอกาสทำงานในต่างประเทศอย่างมั่นคง นายพิพัฒน์ กล่าว

Written By
More from pp
คอร์รัปชันในหน้าที่ – ผักกาดหอม
ผักกาดหอม อัปยศ! การปกปิดความจริง คือการคอร์รัปชันชนิดหนึ่ง และคอร์รัปชัน ก็เป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่ง
Read More
0 replies on ““พิพัฒน์“ หารือกงสุลใหญ่ฮ่องกง ดันแรงงานไทยบุกตลาดฮ่องกง-มาเก๊า เร่งนำเข้าพ่อครัว-แม่ครัวและภาคบริการ”ซึ่งเป็นที่ ต้องการ เปิดตำแหน่งนับ 18,000 อัตรา”