เปลว สีเงิน
เมื่อวาน…คุยไม่ไหว
เป็นไข้ จมูกตัน ไอจนเครื่องในรวน กินยาก็โงกหงับ แต่หลับไม่ได้ เพราะหายใจติดๆ ขัดๆ สมองมึนงง เบลอไปหมด
เบลอจนจำสับสน
ว่านายกฯ ผู้ควบคุมกลไกบริหารประเทศไทยวันนี้ชื่อ
“หลิว จง อี้” หรือชื่อ “อุ๊งอิ๊ง!?
ใจจริง ผมชอบนะ ที่จีนส่ง นายหลิว จง อี้ เข้ามาทลายห้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งสแกมเมอร์ แก๊งค้ามนุษย์ในพม่าริมแดนไทย ที่เมียวดี ชเวก๊กโก ท่าขี้เหล็ก และปอยเปต
แต่ในอีกทาง…อายโลก จนถึงอายหมา
เพราะในขณะที่จีนรู้หมด แก๊งค้ามนุษย์จีนเทาใช้ไทยเป็นประตูเข้า-ออก เป็นฐานธุรกรรมทางการเงิน
และไทยก็บริการอุปกรณ์ประกอบอาชญากรรมทางไซเบอร์ “ไฟ-เน็ต-ซิม” ให้แก๊งเหล่านั้น ชนิด ไม่ขาดตกบกพร่อง
แต่รัฐบาลไทย ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ข้าราชการพื้นที่ กลับไม่รู้สึก-รู้สา สะกดคำว่า “สำนึก-ละอาย” ไม่เป็นเลย
ปฎิบัติการ “หลิว จง อี้” จึงไม่ต่าง “ฝ่ามือทิพย์” ลูบหน้าคนทั้งประเทศ
“อำนาจอธิปไตยไทย” ถูกจีน “เปิดบริสุทธิ์” ไปต่อหน้า-ต่อตา แทนที่รัฐบาล โดยเฉพาะนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ จะตระหนักพิทักษ์ศักดิ์ศรีอธิปไตยชาติ
กลับหลงไหลได้ปลื้ม ถือเป็นความสำเร็จ-เป็นผลงาน จากที่ไปเยือนจีน แล้วได้ “หลิว จง อี้” เข้ามากำกับ-สั่งการในประเทศ ล้างบาง “จีนเทา” ซะงั้น
รัฐบาลเพื่อไทย โดยนางสาวแพทองธาร กำลังนำความยุ่งยากมาสู่ประเทศ ในด้านปัญหาระหว่าง ๒ ขั้วมหาอำนาจ ต่อจากนี้
ปัญหาชนเผ่าต่างๆ ในพม่าริมแดนไทย ปฎิเสธไม่ได้ว่า มีทั้งสหรัฐและจีนเข้าไปเกี่ยวข้องทางการเมือง
เมื่อไทย ยอมให้จีนส่งคนเข้ามาปฎิบัติการได้
เชื่อเถอะ อีกไม่นาน สหรัฐฯ ก็จะขอเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานปฎิบัติการได้เช่นกัน!
สหรัฐฯ นั้น เขามีพรรค “บางพรรค” เป็นมือ-เป็นตีน คอยรายงานความเคลื่อนไหว “หลิว จงอี้” และเรื่องในระบบรัฐให้ทราบทุกขณะอยู่แล้ว
ก็คอยดูเหอะ รัฐบาลจะเข้าตาจน ในเมื่อ “จีนได้-สหรัฐฯก็ต้องได้” รัฐบาลเพื่อไทยน่ะ ไม่เดือดร้อนหรอก เพราะเดี๋ยวก็ต้องไป
แต่ประเทศนี่ซี จะเดือดร้อน….
จากการบริหาร “ดุลประเทศ” แบบเด็กไม่ประสา บวกกับแนวคิดพ่อที่จะ “แปลงประเทศเป็นทุน”
“อธิปไตยไทย” จึงตกอยู่ใน “ตีนซ้าย-ตีนขวา” ของสองประเทศมหาอำนาจจนได้!
นี่…วันนี้ ที่คุยกับท่าน ผมก็ยังก่งก๊งด้วยเมายาแก้ไออยู่ ดังนั้น รู้เรื่องบ้าง-ไม่รู้เรื่องบ้าง อย่าถือสากัน
โรคไอนี่ มันแสนจะทรมาน เช้าวันนี้ จะไปไออวดหมออีกซักที ว่ายูรักษายังไง ไอจึงยังไอ จนตับ ไต ไส้ พุง ซี่โครง รวนไปหมด?
แต่ตอนนี้ มาคุยเรื่องประธานรัฐสภา “นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” กับท่านประธานป.ป.ช. “นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข” กันก่อน
เพราะคบคนอย่าง “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” เป็นเพื่อนแท้ๆ ท่านทั้งสองจึงต้องตกเป็น “เหยื่อธรรม” ไปโดยปริยาย
จากที่พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พานายสุชาติ กรรมการป.ป.ช.ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็น “ประธานป.ป.ช.” ตอนนี้ ไปพบประธานวันนอร์ที่บ้าน
บิ๊กโจ๊กก็แอบอัดเทปขณะประธานวันนอร์สนทนากับประธานป.ป.ช.มาให้สื่อออกรายการโทรทัศน์
พอเป็นข่าวโครมคราม บิ๊กโจ๊ก ปฎิเสธหน้าตาย “เปล่าอัด ทั้งเขาไม่ได้ไปด้วยในวันนั้น”
รุ่งขึ้น พอท่านประธานวันนอร์บอก ที่บ้านมีตำรวจทำหน้าที่บันทึกภาพทุกคนที่มาหาที่บ้านอยู่แล้วเท่านั้นแหละ
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เป็นเจ้าของฟาร์ม “เด็กเลี้ยงแกะ” ไปเลย!
พูดภาษาตำรวจก็ต้องใช้คำว่า “เมื่อจำนนต่อหลักฐาน” บิ๊กโจ๊กก็รับสารภาพ เป็นผู้พานายสุชาติไปพบประธานวันนอร์ที่บ้านจริง
แอบอัดคลิปภาพและเสียงที่นำไปให้สื่อออกอากาศจริง!
แต่ในทันที-ทันควันนั้น มีนักร้องอย่างน้อย ๒ ท่าน ยื่นคำร้องให้ตรวจสอบ “ประธานวันนอร์” ผิดมาตรฐานจริยธรรมบ้าง ให้นายสุชาติลาออกจากประธานป.ป.ช.บ้าง
ผมว่า มันฉาบฉวยไปหน่อยนะ ที่สรุปว่า การที่ประธานรัฐสภากับประธานป.ป.ช.พบกัน ผิดมาตรฐานจริยธรรมต้องให้ลาออก!
เรื่องนี้ ถ้าประธานวันนอร์และนายสุชาติจะผิด ก็ผิดตรง “คบคนพาลเป็นมิตร” เท่านั้น
นายวันนอร์ท่านอยู่ที่บ้านของท่าน บิ๊กโจ๊กโทรไปบอกขอมาอวยพรปีใหม่และคุยเรื่องสมาคมปักษ์ใต้ “ขอพบถึงสองครั้ง” จึงได้พบ
พอมา กลับพาคนไปด้วยอีก ๑ คนและบิ๊กโจ๊กแนะนำว่าเป็นท่านสุชาติ กรรมการป.ป.ช.
สรุปเป็นข้อสังเกต ตรงนี้ว่า
๑. บิ๊กโจ๊กลวงอาจารย์วันนอร์ว่า จะมาอวยพรปีใหม่และคุยเรื่องสมาคมปักษ์ใต้ ไม่ได้บอก จะพานายสุชาติที่ตัวเขาเองยื่นเรื่องถอดถอนไว้กับประธานวันนอร์มาพบ เพื่อขอถอนเรื่อง
๒.สถานที่พบ เป็นบ้านพักท่านวันนอร์ นั่นคือนายวันนอร์อยู่ในสถานะเจ้าบ้าน บิ๊กโจ๊กและนายสุชาติ ฐานะแขกมาเยือน
๓.เมื่อแขกมาเยือน เป็นปกติเจ้าบ้าน ต้องโอภาปราศรัย ยกเรื่องขึ้นมาถามไถ่สนทนากันตามมรรยาท
๔.ประธานวันนอร์เล่าให้นักข่าวฟังถึงการที่นายสุชาติมาพบว่า
“ทางท่านสุชาตินั่งเฉยๆ…..ท่านสุชาติคงไม่ได้อัดและหน้าตาท่านก็ไม่ได้อยากมาเท่าไหร่”
๕.เมื่อบิ๊กโจ๊กหลอกนายวันนอร์ให้นายสุชาติมาพบ ทำให้อยากรู้ต่อว่า บิ๊กโจ๊กหลอกนายสุชาติว่าอย่างไร จึงมาพบประธานวันนอร์”
เนี่ย ผมจึงว่า ไร้สาระที่จะไปตั้งแง่-ตั่งประเด็นกับประธานรัฐสภาและประธานป.ป.ช.
ฟังการสนทนาในคลิปเรื่องถอดถอนก็ไม่เข้าประเด็นการวิ่งเต้นหรือช่วยเหลือกันตรงไหน เป็นเรื่องดาดๆ พื้นๆ ทั่วไป
ถ้าจะเป็นการวิ่งเต้น-ช่วยเหลือแบบ “มีนอก-มีใน” น่ะนะ
โน่น…ต้องไปพบกันตามเซฟเฮาส์หรือบินไปคุยกันต่างประเทศ
มีอย่างที่ไหน ที่ประธานสภาและประธานป.ป.ช.จะมาคุยเรื่องทุจริตผิดกฎหมายกันในบ้านตัวเอง ที่มีทั้งกล้องวงจรปิด
ทั้งตำรวจที่คอยบันทึกภาพและรายงานความเคลื่อนไหวว่าใครบ้างมาพบ-มาคุยกับประธานรัฐสภาในแต่ละวัน
และสำคัญเหนือสิ่งใดทั้งหมด……..
เรื่องกล่าวหาประธานรัฐสภา, ประธานป.ป.ช.มาจากบุคคลล้มละลายทางความเชื่อ คือ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล”
พูดทางการไต่สวนได้ว่า “พยานเชื่อถือไม่ได้”
ทั้งคลิปเสียงและภาพนั้น ได้มาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ตัดต่อดัดแปลงด้วยก็เป็นได้ จึงไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงทางคดีความได้
มี “พุทธวจนะ” คือคำจากโอษฐ์พระพุทธองค์ ตรัสไว้ว่า
“นัตถิ อะการิยัง ปาปัง มุสาวาทิสสะ ชันตุโน”
แปลความว่า “คนพูดเท็จ ไม่ทำชั่วนั้น ไม่มี”
ปกติ ผมก็ติดตาม “ความเจริญรุ่งเรือง-ความเสื่อมสลาย” ของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไปตามเหตุปัจจัย
เขาได้ดี ก็ดีด้วย ได้ทุกข์ ผมก็เอาใจช่วย
แต่กรณีพาประธานป.ป.ช.ไปพบประธานรัฐสภาแอบอัดคลิปแล้วนำเผยแพร่ เพื่อทำลายผู้อื่น เมื่อเห็นว่าผู้นั้นไม่อำนวยประโยชน์ให้กับตนเช่นนี้
บิ๊กโจ๊ก…คุณอาจได้กลับมาเป็นตำรวจ แต่อย่าหวังได้เป็นผบ.ตร.เพราะคุณไม่มีคุณสมบัติใดๆ เหลือให้สังคมเชื่อถือในสิ่งที่คุณทำได้อีกแล้ว
“คนพูดเท็จ ที่ไม่ทำชั่วนั้น ไม่มี” นั่นหมายถึงคุณกลับมาเป็นตำรวจอีก การทำชั่วกับคุณ มันแยกจากกันไม่ได้ เพราะมันเป็นเนื้อเดียวกันไปแล้ว
“ผู้ร้ายปากเข็ง” นั่นผู้ร้าย แต่คุณเป็นนายตำรวจ กล้าทำกับประธานรัฐสภา-ประธานป.ป.ช.คุณนี่ มันยิ่งกว่าผู้ร้ายซะอีก
ต่อจากนี้ ใครเขาจะคบกับคุณ…เขากลัว เพราะคุณไม่ต่างพวกโรคจิต ชอบแอบถ่ายคลิปไปปล่อยสื่อ ลักษณะแบล็กเมลทางสังคม!?
วันแรกที่คุณปฎิเสธว่าไม่ได้ไป ไม่ได้เป็นคนแอบถ่ายคลิป บอกว่า พรุ่งนี้ คือ ๑๓ กุมภา.๑๐ โมงเช้า จะไปยื่นขอถอดถอดใหม่ที่รัฐสภา
ผมยังหลงเชื่อไปครึ่งตัว ในเมื่อคุณกล้าไปเผชิญหน้าประธานวันนอร์ ใครพูดจริง-พูดเท็จ มันก็ ๕๐/๕๐ ไปทันที
เอาเข้าจริง ๕๐+๕๐ เท็จทั้งร้อยก็คือพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์!
ฉะนั้น ประเด็นประธานป.ป.ช.เป็นแขกเยือนประธานรัฐสภาที่บ้าน ไม่เห็นเสียหายตรงไหน ทำไม..คนมีตำแหน่งแล้วจะพบใครไม่ได้เลยหรือไง?
อีกอย่าง เรื่องสนทนาในคลิป เป็นเรื่องว่าไปตามเนื้อผ้า ตามมรรยาท ไม่มีลับลมคมในอะไรในทางวิ่งเต้น-สมยอม
ที่ผิด ก็อย่างที่บอก…
ท่านทั้ง ๒ ผิดตรงที่ “คบคนชั่วเป็นมิตร” เท่านั้นแหละ!
เปลว สีเงิน
๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
