30 มกราคม 2568 ที่ห้องพิจารณา 914 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.3694/2566 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา7 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก อายุ 37 ปี อดีตกำนันชื่อดังใน จ.นครปฐม เป็นจำเลยในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ,ใช้ หรือจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 68, 80, 84, 288
อัยการโจทก์ ฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.66 เวลากลางคืนจำเลย ได้ใช้ จ้างวานให้นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือหน่อง ท่าผา คนสนิท (ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญในเวลาต่อมา)ใช้อาวุธปืน ยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรศิว สว.กก.2 บก.ทล. ในงานเลี้ยงวันเกิดภายในบ้านพักของจำเลย บ้านเลขที่ 55/1 หมู่ 2 ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตเวลาต่อมา และกระสุนยังถูกพ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. ได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.66 เวลา 18.00 น. จำเลยได้จัดงานเลี้ยงขึ้นที่บ้านเลขที่ 55/1 หมู่ 2 ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม โดยมีการเชิญนายตำรวจและข้าราชการตำรวจชั้นประทวนมาร่วมงานเลี้ยง โดยจัดวางโต๊ะ 2 ฝั่ง ฝั่งขวาเป็นโต๊ะ VIP มี พ.ต.ท.ศิวกรผู้เสียชีวิตนั่งร่วมโต๊ะด้วย โดยจำเลยได้นั่งหัวโต๊ะทั้งฝั่ง VIP และฝั่งซ้ายเป็นโต๊ะยาวที่มีโต๊ะตั้งเรียงอยู่ 5 ตัว
ก่อนเกิดเหตุจำเลยได้ขอให้ผู้ตายช่วยย้าย จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา หรือจ่าอาร์ต มีศักดิ์เป็นหลานชายของจำเลย ให้ไปเป็นสายตรวจรถจักรยานยนต์ โดยผู้เสียชีวิตบอกว่า ขอให้รอดูช่วงเดือนตุลาคมนี้ก่อน เป็นช่วงที่มีการเกษียณอายุราชการของตำรวจในหน่วย ทำให้กำนันนกจำเลยไม่พอใจ และมีการท้าดวลดื่มสุรากัน
โดยในการดื่มสุรานั้นมีการใช้ผ้าผูกแขนผู้ตายกับจำเลยไว้ในทำนองว่าไม่ให้ลุกหนี โดยฝ่ายจำเลยดื่มแพ้ ทางผู้ตายได้พูดในทำนองว่าดื่มหมดก่อนทุกครั้งทำให้จำเลยรู้สึกเสียหน้า ท่าทีนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นตบโต๊ะจากนั้นได้ลุกออกจากโต๊ะ VIP เดินกลับไปที่โต๊ะนั่งหัวโต๊ะของฝั่งโต๊ะยาว และมีอาการฉุนเฉียว โดย จ.ส.ต.พิสิฐและผู้เสียชีวิตได้เดินตามมาขอโทษ โดยจ.ส.ต.พิสิฐ ได้นั่งยองๆ กอดที่เอวของจำเลย ขณะที่ผู้ตายได้นั่งอยู่ข้างๆ และพูดทำนองว่า ดื่มกันสนุกๆ เฉ ๆ ฝ่ายจำเลยได้บอกกับทาง จ.ส.ต.พิสิฐว่า ให้รีบเดินทางกลับไปเดี๋ยวเลือดเปื้อนหน้า จากนั้น จ.ส.ต.พิสิฐ ได้เดินทางกลับ ขณะที่ผู้เสียชีวิตกลับไปนั่งที่โต๊ะ VIP ในตำแหน่งหัวโต๊ะที่จำเลยนั่ง
โดยในระหว่างนั้นนายธนัญชัย หรือหน่องท่าผา ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของจำเลยได้เห็นเหตุการณ์ รับทราบว่ามีความไม่พอใจกันอยู่ระหว่างระหว่างจำเลยกับผู้ตาย รวมถึงได้ยินจำเลยถามหาอาวุธปืนและได้ยินจำเลยพูดว่า แบบนี้เอาไว้ไม่ได้ ซึ่งคนปกติทั่วไปเข้าใจว่าหมายถึงต้องฆ่าให้ตาย นายธนัญชัยจึงเดินไปที่โต๊ะ VIP หันมาถามจำเลยว่า “ลูกพี่เอาไง” จำเลยพยักหน้า นายธนัญชัยจึงใช้อาวุธปืน กล็อก ขนาด 9 มม.ยิงผู้ตายหลายนัดกระสุนปืนไปถูก พ.ต.ท.วศินได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งสองถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนครปฐมโดยผู้ตายเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เห็นว่าพยานโจทก์หลายปากเบิกความเป็นลำดับขั้นตอน สอดคล้องต้องกัน เชื่อว่าพยานโจทก์เบิกความไปตามความจริงที่ประสบพบเจอมา อีกทั้งพยานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนทำให้มีน้ำหนักให้รับฟังว่า จำเลยเป็นผู้ใช้ให้นายธนัญชัยไปก่อเหตุยิงผู้เสียชีวิต จากสาเหตุที่ไม่พอใจเมื่อขอให้ย้าย จ.ส.ต.พิสิฐมาเป็นสายตรวจรถจักรยานยนต์ อีกทั้งจำเลยรู้สึกอับอายเสียหน้าที่ดื่มสุราแพ้ ถึงขั้นลุกขึ้นตบโต๊ะอย่างแรงและมีการพูดว่า “อย่างนี้เอาไว้ไม่ได้”
เมื่อผู้ตายมาขอโทษอารมณ์ยิ่งคุกรุ่น ถึงขั้นถามหาอาวุธปืนประสงค์จะเอาชีวิตผู้ตาย แม้มีคนเตือนสติว่า จำเลยมีอาการเมามากให้ไปนอนพัก โดยนายธนัญชัยซึ่งนั่งอยู่ในโต๊ะยาว แม้จำเลยไม่ได้พูดแต่นายธนัญชัยเป็นลูกน้องคนสนิท จากการตรวจสอบเฟซบุ๊ก ส่วนตัวของนายธนัญชัย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 62 ถึงสิงหาคม 66 แสดงให้เห็นถึงความเคารพรักที่นายธนัญชัยมีต่อจำเลย วันเกิดเหตุนายธนัญชัยแสดงตัวเอาใจจำเลย ทั้งที่ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน การกระทำของจำเลยเป็นการใช้ให้นายธนัญชัยฆ่าสมเจตนาของจำเลยและทำให้ พ.ต.ท.วศินบาดเจ็บ
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมาย มาตรา 288 ,60 ,80, 84 เป็นผู้ใช้ให้ฆ่าผู้อื่น อันเป็นโทษบทหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ในระหว่างการพิจารณาคดี จำเลยได้บรรเทาผลร้ายจนโจทก์ร่วมซึ่งมีพ่อ แม่ ภรรยาและบุตรของ พ.ต.ต.ศิวกร และพ.ต.ท.วศิน พอใจจนยอมถอนคำร้องเรียกค่าเสียหาย ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตและให้ริบของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และให้นับโทษต่อ ในคดี อท. 206/2566 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ให้ลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 12 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีเกี่ยวพันกัน ก่อนหน้านี้อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งมอบหมายให้อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ตามจำนวนที่เห็นสมควรเข้าให้คำแนะนำปรึกษาในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาที่ 24และ 25/2566 ของกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ตามที่กองบังคับการปราบปรามร้องขอ กรณีนายประวีณ หรือกำนันนก จันทร์คล้ายกับพวกในความผิดฐาน”เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ตามคดีอาญาของกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ที่ 24/2566
และกรณี พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข อดีตสว.สส.สภ.กระทุ่มแบน กับพวกรวม 6 คน ในความผิดฐาน”เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , เป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา กระทำการหรือไม่ กระทำการอย่างใด ๆในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง , เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไป เสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด , ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็น ผู้กระทำความผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนัก แก่ผู้นั้นโดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม” ตามคดีอาญาของกองกำกับการ5 กองบังคับการปราบปราม ที่ 25/2566
โดยมีการแต่งตั้งพนักงานอัยการคณะทำงาน ดังนี้ 1.นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 2.นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นคณะทำงาน 3.ร.ต.อ.อมตะ ชนะพงษ์ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 เป็นคณะทำงานและเลขานุการ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาคดี
จนพนักงานสอบสวนทำสำนวนส่งความเห็นให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ยื่นฟ้องพันตำรวจตรี เกียรติศักดิ์ สมสุข จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 23 คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 86, 91, 92, 157, 184, 189, 200 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 (เป็นตํารวจ 16 นาย ในความผิดต่อตําแหน่งราชการหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และพลเรือน 7 คน ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวม 23 คน
ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข ,จำเลยที่ 2 ร.ต.ท.ประสาร รอดผล,จำเลยที่ 3 ร.ต.ท.นิมิตร สลิดกุล,จำเลยที่ 4 ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ,จำเลยที่ 5 ร.ต.ท.สรรเสริญ ศรีสวัสดิ์,จำเลยที่ 6 จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา,จำเลยที่ 7 ร.ต.อ.จตุรวิทย์ ชวาลเกียรติธนา,จำเลยที่ 8 ร.ต.อ.ประสมมาศ แสงสุขดี,จำเลยที่ 9 ส.ต.ต.สุทธิกานต์ แซ่ฮ้อ,จำเลยที 10 ส.ต.ต.สรรเสริญ ศรีอุบล
จำเลยที่ 11 ส.ต.ต.ธนทัต ท่าน้ำตื้น,จำเลยที่ 12 ร.ต.อ.นุชิต บรรณชัย,จำเลยที่ 13 ด.ต.ถนอมศักดิ์ มีศรี,จำเลยที่ 14 จ.ส.ต.อภิรักษ์ โรจน์พวง,จำเลยที่ 15 ร.ต.อ.ศิริชัย รูปสวย,จำเลยที่ 16 ร.ต.ท.สมโชค บัวไชย,จำเลยที่ 17 นายสนธยา สุดแน่น จำเลยที่ 18 นายฐิตินันท์ อินทร์ต้นวงศ์,จำเลยที่ 19 นายนิวัติชัย ปั้นดา,จำเลยที่ 20 นายกฤษดา เหล่งดอนไพร จำเลยที่ 21 นายชาตรี เขียวทับ,จำเลยที่ 22 นายประวีณ จันทร์คล้าย (กำนันนก)เเละจำเลยที่ 23 นายอาทิตย์ เก้าลิ้ม
โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-3, 5 คนละ 2 ปีจำคุกจำเลยที่ 4, 6-13, 15-20, 23 คนละ 1 ปี 4 เดือนจำคุกจำเลยที่ 21 จำคุก 1 ปี 9 เดือน 21 วันจำคุกจำเลยที่ 22 (กำนันนก) 2 ปี โทษจำคุกสำหรับจำเลยที่ 9-11, 19, 20, 23 ให้รอการลงโทษ 2 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 14 จนมามีคำพิพากษาสำนวนฆ่าอีกครั้งในส่วนของกำนันนกในวันนี้