กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนระมัดระวังพายุฝนฟ้าคะนองในช่วงสัปดาห์นี้ และในบางพื้นที่ของประเทศไทยอาจมีลูกเห็บตก พร้อมแนะควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ สิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคง หรือป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง และไม่ควรอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันการถูกฟ้าผ่า
วันนี้ (3 เมษายน 2563) นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยา มีรายงานว่าในช่วงสัปดาห์นี้จนถึงวันที่ 5 เมษายน 2563 จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นเกือบทุกภาคของประเทศ และในบางพื้นที่อาจมีลูกเห็บตก ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรมควบคุมโรค จึงขอให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะทางตอนบนของประเทศให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงลูกเห็บตก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง เนื่องจากอาจถูกฟ้าฝ่า และไม่ควรอยู่ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง หรือป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง อาจเกิดการหักโค่นหรือหล่นทับ ทำให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
การเตรียมความพร้อมรับมือกับลมพายุ นั้น หากประชาชนอยู่ในบริเวณพื้นที่เสี่ยง ควรรีบเคลื่อนย้ายไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยที่มีความแข็งแรง นอกจากนี้ ควรจัดเตรียมไฟฉาย ตลอดจนยารักษาโรคให้พร้อม โดยในช่วงฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ไม่อยู่ใกล้ต้นไม้สูง เสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา ควรหลบในตัวอาคารที่มีความมั่นคง ไม่ควรใช้โทรศัพท์ และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในขณะที่ฟ้าร้องฟ้าผ่า ทั้งนี้ ขอแนะนำประชาชนป้องกันอันตรายจากการถูกฟ้าผ่า ดังนี้
1.ห้ามอยู่ใกล้หรือใช้อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น เครื่องมือการเกษตร และโทรศัพท์สาธารณะ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีส่วนประกอบที่เป็นแผ่นโลหะ ซึ่งเป็นสื่อนำไฟฟ้า
2.ควรหลบในอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้า จะช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าได้ และไม่ควรใช้โทรศัพท์ เล่นอินเทอร์เน็ต หรืออยู่ใกล้ประตูหน้าต่างที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะในขณะฟ้าร้อง ฟ้าผ่า
3.หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพราะกระแสไฟจากฟ้าผ่าอาจไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย
และ 4.กรณีอยู่ในรถ ควรปิดกระจกทุกบาน และเปิดไฟหน้ารถ หากฟ้าผ่าลงรถควรตั้งสติ ไม่ควรออกจากรถโดยเด็ดขาด เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลตามผิวโลหะของตัวถังรถจะไหลลงสู่พื้นดิน หากออกนอกรถจะมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าสูง ที่สำคัญอย่าสัมผัสส่วนที่เป็นโลหะ
สำหรับการช่วยเหลือผู้ถูกฟ้าผ่าและผู้ประสบอุบัติเหตุ ต้องช่วยอย่างรวดเร็ว โดยประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของที่เกิดเหตุ และโทรขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน เบอร์ 1669 พร้อมแจ้งข้อมูลผู้ประสบอุบัติเหตุ และสถานที่เกิดเหตุ ประเมินการหายใจและการเต้นของหัวใจ ถ้าไม่หายใจและหัวใจหยุดเต้น ให้รีบช่วยชีวิตทันที โดยการกดหน้าอกในตำแหน่งกึ่งกลางหน้าอก (กึ่งกลางหัวนมทั้ง 2 ข้าง) ให้ได้ประมาณ 100 ครั้งต่อนาที ลึกลงไปอย่างน้อย 1 ใน 3 ของความหนาหน้าอก จนกว่าหัวใจจะเต้น หรือสามารถคลำชีพจรได้ หรือจนกว่าจะมีหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินมาช่วย แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร.1422