16 มกราคม 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุลอบวางระเบิดบนถนนเส้นศรีสาคร-จะแนะ บ้านไอร์กือเนาะ ตำบลศรีบรรพต อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชายอายุ 56 ปี ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตืองอช่างกลปทุมวันอนุสรณ์ 13 และลูกชาย อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นครูโรงเรียนเดียวกัน โดยทั้งสองคนมีภูมิลำเนาจังหวัดพัทลุง ว่า
ตนขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นการสูญเสียบุคลากรทางการศึกษาที่มีคุณค่าของประเทศ ทั้งนี้ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 68 ทีม ศรส. จังหวัดพัทลุง นำโดยพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อพูดคุยเยียวยาให้กำลังใจ และสอบถามข้อเท็จจริงเพื่อเตรียมการให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิสวัสดิการสังคมตามภารกิจของกระทรวง พม. ซึ่ง พบว่า สมาชิกในครอบครัวผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย ชายผู้เสียชีวิตผู้เป็นบิดา ภรรยา และชายผู้เสียชีวิตผู้เป็นบุตรชาย ซึ่งมีภรรยาประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าออนไลน์ และบุตร 3 คน อายุ 9 เดือน 6 ปี และ 8 ปี ตามลำดับ
นายวราวุธ กล่าวว่า ในเบื้องต้น กระทรวง พม. โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพัทลุง ได้ประสานสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนราธิวาส เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดส่งเอกสารประกอบการพิจารณาช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตตามภารกิจของกระทรวง พม. เป็นเงินยังชีพรายเดือนให้กับบุตรของผู้เสียชีวิต จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี อีกทั้งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพัทลุง และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพัทลุง ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและของเล่นสำหรับเด็ก พร้อมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะมีการวางแผนติดตามเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยนักสังคมสงเคราะห์ เพื่อประเมินครอบครัวเป็นระยะ พร้อมทั้งติดตามพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กเป็นรายบุคคล รวมทั้งใช้กลไกอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในการเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพัทลุงได้ประสานเทศบาลตำบลคลองทรายขาวในการตรวจสอบคุณสมบัติการรับเงินตามโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดสำหรับเด็กวัย 9 เดือน จากการยื่นเอกสารก่อนหน้านี้ที่รายได้ของบิดาทำให้รายได้รวมของครัวเรือนเกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งเมื่อบิดาผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวเสียชีวิต ทำให้รายได้ครัวเรือนลดลง ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์รายได้ตามคุณสมบัติ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบคุณสมบัติพร้อมอำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียน เพื่อเป็นการเพิ่มสวัสดิการในการดูแลเด็กของครอบครัว อีกทั้วประสานโรงพยาบาลพัทลุงในการประเมินสุขภาพจิตเพื่อเยียวยาจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิตภายหลังการสูญเสีย