เปลว สีเงิน
ต้องบอกกันตรงๆ ว่า….
“ด้านในประเทศ”
“รัฐบาลเพื่อไทย” ประชาชน “ไม่มีกิน-ไม่มีใช้” มีแต่หนี้ที่รัฐบาลสร้างให้ “บนความเหลื่อมล้ำ”
คนได้แจก “ไม่ต้องใช้หนี้” แต่คนไม่ได้ ต้อง “ใช้หนี้แทน”
วันๆ สาละวนแต่ “แก้รัฐธรรมนูญ” เพื่อเขียนใหม่เปิดช่องให้นักการเมือง “เข้าไปโกง”
“กฎระเบียบ-กฎหมาย” ถูกทำให้กลายเป็นพรมเช็ดเท้าหัวหน้าคอกหมา!
“ด้านต่างประเทศ”
“ความอ่อนด้อย” นอกจากทำให้ประเทศ ไร้เกียรติ-ไร้ศักดิ์ศรีแล้ว ตัวผู้นำยังสร้างความอับอายขายหน้าให้ชาวประชาและประเทศไม่เว้นแต่ละวัน!
“พม่าเกาะสอง” ตรงข้ามระนอง ถ้าจะเทียบก็ระดับ อบต. แค่ทะเลแคบๆ กั้นระหว่างกัน
ยืนแยกเขี้ยวสามารถนับซี่ฟันในปากกันได้ถ้วน
ทั้งชาวบ้าน-ทั้งเจ้าหน้าที่ “ถ้อยที-ถ้อยอาศัย” แค่พยักหน้าก็รู้กันมานานช้า นับเป็นทศวรรษ
ในความที่ “ทะเลผืนเดียวกัน”……….
เรือประมง “ทั้งเขา-ทั้งเรา” จะล้ำนิด-ล้ำหน่อย ใช่ว่าไม่เคยมี ก็แค่ส่งสัญญาณบอกกัน…
เฮ้ย…”ล้ำน่านน้ำเข้ามาแล้วนะ” มันก็จบ!
เว้นเสียแต่ “ประมงมักได้” รายไหน ทั้งจงใจ ทั้งดื้อด้าน นั่นจะถูกพม่ายิงเตือน จะจับ จะค้น จะยึดเรือ ก็มีเหตุผลที่รับได้
กรณี ๓-๔ วันนี้ จะล้ำ-ไม่ล้ำ ยังต่างคน-ต่างอ้าง….
แต่ถึงล้ำ พม่าก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิบัติการรุนแรงระดมยิงขนาดนั้นกับ “แค่เรือประมง”
ถ้าคนเรือไม่โดดหนีลงน้ำจนตาย มีหวังถูกลูกปืนตายคาเรือ เพราะพม่าเล่นซะพรุนทั้งลำ
ทำเหมือนฝังโคตรแค้นมาแต่สมัย “พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้” ยังงั้นแหละ!
เรื่อง “ล้ำ-ไม่ล้ำ” น่านน้ำ ต่อให้ไปถึงศาลโลกก็ไม่จบ
แต่ประเด็นมันอยู่ตรงว่า….
การที่พม่ากำแหงหาญทำกับประมงไทยเหมือนไม่ใช่คนทะเลผืนเดียวกันขนาดนี้
มันบ่งบอกถึงว่า ขนาดพม่าระดับ อบต.ยังไม่มีความเกรงใจไทย พูดง่ายๆ “ประเทศไทย-คนไทย” ไม่อยู่ในสายตา
รัฐบาลก็ต้อง “ส่องกระจก” ดูแล้วว่า….
หน้าตาเรา “กระจอก” ขนาดพม่า อบต.มันยังมองไม่เห็นหัวขนาดนี้เชียวหรือ?
ผมฟังนายกฯ ใหญ่-แพทองธาร นายกฯ น้อย-ภูมิธรรม รมว.กลาโหม ผู้บังคับบัญชา ๓ เหล่าทัพ และทั้ง ผบ.สส.
รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ “นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์” ที่ท่านโพสต์ X
ผมไม่ทราบ คำว่า “สุภาพ-อ่อนน้อม..เกรงอก-เกรงใจกัน” กับคำว่า “หน่อมแน้ม…ไร้น้ำยา” เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร?
แต่ฟังทั้งรัฐบาล ทั้งฝ่ายความมั่้นคงแล้ว บอกตรงๆ ผมมีความรู้สึกว่า “ประเทศไทย” วันนี้ มัน “ไม่มั่นคง” เอาซะเลย!?
พูดภาษาชาวบ้าน….
ขนาด “พม่า อบต.” ยังตบหัวเราเล่นได้
แสดงว่า ผู้นำรัฐบาลไทย ฝ่ายกองทัพ ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายการต่างประเทศไทย “ไม่อยู่ในสายตา” เขาเลย
ตีราคาไทยเป็น “เสือเอวา-ตาแป๋ว” ไนท์ ซาฟารี” เชียงใหม่ คำรามไม่เป็น ได้แค่ร้อง เมี้ยว..เมี้ยว..ประมาณนั้น!
พม่า-อบต.นอกจากไม่เกรงศักดิ์ศรีแล้ว ยังแถมถอนหนวดเสือเอวาไปแทนไม้จิ้มฟันซะด้วย!
แล้วไหนล่ะ…เกียรติ-ศักดิ์ศรีคนไทยที่ว่านั่น?
“ระดับชาติ-ระดับรัฐบาล” แท้ๆ พูดกับ “พม่าระดับท้องถิ่น”
“๔ วันแล้ว”……
ยังให้พม่าส่งตัวประมงไทยที่จับไป ๔ คนคืนมาไม่ได้
พม่าท้องถิ่น “ไม่มีน้ำยา”
หรือ “ไทยระดับรัฐบาล” ในความเป็นเสือลายแมว ไม่มีน้ำยา?
“ล้ำ-ไม่ล้ำ” น่านน้ำ นั่นมันข้ออ้าง
แต่การ “ส่งตัวคนไทยคืน” ทันที นี่มันศักดิ์ศรี ที่เพื่อนบ้านควรต้องเกรงใจให้เกียรติกันบ้าง กลับไม่มีเลย
แต่กะแค่ปัญหา อบต…..
ฝ่ายพม่าบอก “ต้องถึงเนปยีดอ” ฝ่ายไทยก็ “เนปยีดอ” ตามไปด้วย!?
เพราะอย่างนี้ จึงไม่แปลกใจที่ “ว้าแดง” มันกล้าเขยิบกินแดนเข้ามาตั้งฐานในเขตไทย ประเทศที่รัฐบาลประกาศ “จะไม่ยอมเสียดินแดนให้ใครแม้แต่ตารางนิ้วเดียวนี้แหละ”
แต่เอาเข้าจริง…ทั้งรัฐบาล ทั้งกองทัพ พนมมือแต้
รอ “เนปยีดอ” มาโปรด!?
ไทยวันนี้ แค่คนงานพม่า “นัดหยุดงาน” หรือ “ลุกฮือ” ทั่วประเทศพร้อมกัน ก็อยากรู้นัก “ท่านอ้วน” ผู้ดูแลความมั่นคงจะทำยังไง?
รอคำสั่งจาก “เนปยีดอ” งั้นหรือ?
นี่ผมยังหลงเข้าใจว่า ประเทศไทยตอนนี้ อยู่ภายใต้การตัดสินใจของ “หัวหน้าคอกหมา” ซะอีก
เอาเข้าจริง ทั้งรัฐบาล-ทั้งกองทัพ “หน่อมแน้ม” พอกัน!
พม่า-ไทย มีเขตแดนติดกันยาวกว่า ๒,๔๐๐ กม.
ครึ่ง-ค่อนศตวรรษ ปัญหาพื้นที่ชายแดน ความจริง “มีมาก” เพราะหลากชาติพันธุ์ผู้คน
แต่ “เหมือนไม่มี” นั่นเพราะ รัฐบาลและการต่างประเทศทำให้เขาคร้ามและเกรงใจอย่างหนึ่ง
ผู้บังคับบัญชาพื้นที่ในแต่ละพื้นถิ่นทั้ง “ของเขา-ของเรา” พูดจามีความเข้าใจกัน อีกอย่างหนึ่ง
เมื่อมีปัญหาในท้องถิ่น ทั้งสองฝ่ายก็จัดการให้มันจบในท้องถิ่น ไม่ปล่อยลุกลาม-บานปลายเป็น “ปัญหาระดับชาติ”!
แต่….
นับแต่รัฐบาลพ่อเอาประเทศให้ลูกเล่น “ขายข้าว-ขายแกง” อย่าพูดถึงบารมีประเทศเลย
เอาแค่ “ศักดิ์ศรี-หน้าตา” ประเทศที่เคยมี ก็ยังรักษาไว้ไม่ได้!
การที่สภาผูู้แทนโหวตเลือก “เด็กวานซืน” ขึ้นเป็นนายกฯ ด้วยบุญคุณแห่งน้ำข้าวที่พ่อขุนค้ำแขน สส. นั่นก็ยังไม่เป็นปัญหา
แต่เป็นแล้ว ด้วย “วุฒิภาวะ” ทุกด้าน….
มันฟ้องตัวเองว่า “เป็นไม่ได้-ไปไม่ถึง” ซึ่งทุกบทบาท ทุกคำพูดของเธอ เป็นที่หยามหยันทั้งระดับประเทศและระดับโลก
ไปไหนๆ คนไทยแทบต้องเอา “ปี๊บคลุมหัว”
ไม่อายที่เป็นคนไทย
แต่อายที่ “คนไทย-สภาไทย” เลือกนายกฯ ที่คุยอวดด้วยความภาคภูมิใจว่า…ไปไหนๆ มีแต่คนถามถึง
“คุณพ่อ (ที่โกงทั้งชาติ-โกงทั้งโทษคุก) สบายดีหรือ?”
“คุณอา (ที่หนีคุกคดีโกงจำนำข้าว) สบายดีหรือ?
ฝรั่งเขาถามด้วย “ตลกลึก”
แต่ลูกสาว “ตลกตื้น” จึงปริ่มปลื้มทึกทักคำถามนั้นว่า “พ่อชั้น…อาปูชั้น ดังระดับโลกเลยเชียวนะ มีแต่คนรู้จัก-ถามถึง
“คุณลูก” ทึกทักว่าเป็นหน้า-มีตา ในฐานะทายาท “อดีตนายกฯ ตระกูลโกง” ไปด้วย
เป็นคนประเภท brain rot มันก็ดีอย่างนี้แหละ คือเห็น ทุกอย่างเป็น “โลกสวย” ไปหมด!
พูดถึง “อาปู” ก็ต้องแสดงความยินดีกับอดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ “นายบุญทรง เตริยาภิรมย์” ที่ติดคุก ๔๘ ปี ในคดีทุจริตจำนำข้าว
วันศาลตัดสิน อาปูขณะกำลังให้ตำรวจขับรถพาหนีออกช่องหมาลอด โทร.หลอกให้นายบุญทรงไปศาลว่า “รอแป๊บ…เดี๋ยวถึง”
เมื่อวาน (๒ ธ.ค.๖๗) นายบุญทรงได้รับการพักโทษที่ยังเหลือ ๓ ปี ๕ เดือน ติดกำไล EM กลับไปนอนบ้านเป็น “นักโทษคุมประพฤติ” ไปแล้ว
โทษคุก ๔๘ ปี ได้รับพระราชทานอภัยโทษในโอกาสต่างๆ ติดจริงประมาณ ๗ ปี
ทักษิณต้องรู้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ว่าราชทัณฑ์จัดการเข้าสู่กระบวนการพักโทษให้
แผนขั้นต่อไป คือให้น้องสาวได้กลับมารับการบริการจากราชทัณฑ์เช่นนี้บ้าง
จึงคันปากเที่ยวโพนทะนา…ไม่เกินสงกรานต์ “ยิ่งลักษณ์จะกลับประเทศ”!
กลับมาน่ะ…ไม่มีปัญหา จะเข้าสู่การพักโทษอย่างนายบุญทรงก็ไม่มีปัญหา
เพียงแต่อาปู มีโทษคุก ๕ ปีใช่มั้ย อาปูต้องเข้า “คุกหญิง” ก่อนให้ได้ ๒ ใน ๓ ของโทษ ๕ ปี
ถึงจะมีสิทธิ์ ได้ติดกำไล EM ฝังโคตรเพชร หรือจะติดแค่ชื่อ ตัวไป ว.๕ ชั้น ๗ ก็ได้
นั่นต้องปรึกษาแพทย์ราชทัณฑ์ หรือ รพ.ตำรวจ ว่าทำไง…ไม่ป่วย ช่วยทำให้ป่วยเป็นโรค “เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย” หน่อยได้มั้ย?
ออกมาแล้ว ก็ขอให้นายบุญทรงพ้นจากทาสตระกูลชิน รับรองชีวิตจะสุโข-สุขี-เป็นสุขตลอดไป
ที่จริงมันก็ไม่แฟร์นะ นายบุญทรง โทษ ๔๘ ปี วันนี้ออกมาแล้ว
แต่ “นายภูมิ สาระผล” รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ติด ๓๖ ปี ได้รับอภัยโทษในโอกาสต่างๆ เหลือวันต้องโทษ ๘ ปี จะพ้นโทษ ๒๕ สิงหา.๖๘
โถ…คนติดคุก ๔๘ ปี กลับได้พักโทษออกไปก่อนคนติดคุกโทษ ๓๖ ปี นายภูมิยังต้องรอปีหน้า
ฝนตกทั่วฟ้า แต่หมาคอกเดียวกัน บางตัวมีหลังคาคลุม บางตัวไม่มีหลังคาคลุม
ประสาหมา มันก็น่าน้อยใจเนอะ!.
เปลว สีเงิน
๓ ธันวาคม ๒๕๖๗
