รัฐบาลไทยได้บริจาคเงินสนับสนุนจำนวน 3 ล้านบาทให้แก่ ยูนิเซฟ, UNHCR และโครงการอาหารโลก (WFP) โดยจัดพิธีลงนามการมอบเงินสนับสนุนในวันนี้ ณ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีนางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ เป็นประธาน พร้อมด้วย นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย นางสาวแทมมี่ ชาร์ป ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย และนายซาเมียร์ วานมาลี ผู้อำนวยการโครงการอาหารโลกประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
29 พฤศจิกายน 2567 – รัฐบาลไทยได้บริจาคเงินสนับสนุนจำนวน 3 ล้านบาทให้แก่ 3 หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ ได้แก่ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ), สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และโครงการอาหารโลก (WFP) โดยแต่ละหน่วยงานได้รับการสนับสนุนเป็นจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในภารกิจด้านมนุษยธรรมในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและประชากรที่ถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐาน
พิธีลงนามการมอบเงินสนับสนุนจัดขึ้นในวันนี้ ณ กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีนางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้แทนจาก 3 หน่วยงาน ได้แก่ นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย, นางสาวแทมมี่ ชาร์ป ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย และนายซาเมียร์ วานมาลี ผู้อำนวยการโครงการอาหารโลกประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยผู้แทนจากทั้ง 3 หน่วยงานได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไทยที่มอบเงินสนับสนุนในครั้งนี้ และยืนยันว่าจะนำเงินไปใช้ในการช่วยเหลือเด็กและครอบครัวกลุ่มเปราะบาง
นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า “ประเทศไทยตระหนักถึงความรับผิดชอบร่วมกันในการร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อมุ่งตอบสนองต่อความต้องการด้านมนุษยธรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
องค์การยูนิเซฟจะนำเงินไปใช้ในโครงการด้านโภชนาการฉุกเฉิน น้ำสะอาด และการส่งเสริมสุขอนามัย เพื่อช่วยเหลือเด็กและครอบครัว โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา ในขณะที่โครงการอาหารโลก จะใช้เงินสนับสนุนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในบังกลาเทศ ซึ่งความช่วยเหลือจากพันธมิตรต่าง ๆ ทำให้โครงการอาหารโลกสามารถฟื้นฟูอัตราความช่วยเหลือกลับไปสู่ระดับเต็มจำนวน คือ 12.50 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อเดือนสำหรับชาวโรฮิงญาที่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในค็อก บาซาร์ ในส่วนของ UNHCR จะใช้เงินสนับสนุนนี้เพื่อเสริมภารกิจด้านมนุษยธรรมที่มีอยู่ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ผู้แสวงหาที่ลี้ภัย และบุคคลไร้สัญชาติ
นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “ยูนิเซฟรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งต่อความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการสนับสนุนเด็กและครอบครัวกลุ่มเปราะบางในเมียนมาอย่างต่อเนื่อง วิกฤตด้านมนุษยธรรมในเมียนมาทวีความรุนแรงขึ้น มีผู้พลัดถิ่นกว่า 3.4 ล้านคนทั่วประเทศ โดยกว่าร้อยละ 30 เป็นเด็ก นอกจากนี้ ภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วมจากไต้ฝุ่นยางิยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง หลายครอบครัวขาดแคลนน้ำสะอาดและอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับเด็ก เงินสนับสนุนครั้งนี้จะช่วยให้ยูนิเซฟมอบความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่เด็ก ๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด และสร้างโอกาสให้พวกเขามีอนาคตที่สดใสขึ้น”
นายซาเมียร์ วันมาลี ผู้อำนวยการโครงการอาหารโลกประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก กล่าวว่า “เราขอขอบคุณรัฐบาลไทยอย่างยิ่งสำหรับการสนับสนุนครั้งล่าสุด ที่มอบให้โครงการอาหารโลกในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาในบังกลาเทศ การสนับสนุนครั้งนี้จะช่วยให้ชาวโรฮิงญายังคงได้รับเงินช่วยเหลือและอาหารอย่างต่อเนื่อง เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ซึ่งไม่เพียงแต่ในงานด้านมนุษยธรรมของเราในภูมิภาคเท่านั้น และยังรวมถึงบทบาทผู้นำของประเทศไทยในระดับอาเซียนและเวทีโลกอีกด้วย”
นางสาวแทมมี่ ชาร์ป ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่ให้การต้อนรับผู้หนีภัยจากการสู้รบด้วยน้ำใจอันดีงามมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ และในขณะที่จำนวนผู้ถูกบังคับให้พลัดถิ่นเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับความต้องการเร่งด่วนที่ยังคงเพิ่มขึ้น การบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท โดยไม่ระบุเงื่อนไขการใช้งานล่วงหน้าของไทยครั้งนี้ เป็นการแสดงน้ำใจสนับสนุนที่สำคัญอย่างยิ่ง การสนับสนุนนี้ช่วยเสริมความพยายามของเราในการช่วยเหลือผู้ถูกบังคับให้พลัดถิ่นและบุคคลไร้สัญชาติในพื้นที่ที่มีความต้องการมากที่สุด เรารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งต่อความช่วยเหลือในครั้งนี้ และขอยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันต่อไปเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนสำหรับผู้ลี้ภัย ผู้แสวงหาที่ลี้ภัย และบุคคลไร้สัญชาติหลายพันคนในประเทศไทย”