“อนุทิน” เปิดหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาชุมชนสุขภาวะ ม.มหิดล อำนาจเจริญ มั่นใจสร้างองค์ความรู้บุคลากรในพื้นที่ดูแลด้านสาธารณสุขประชาชนอย่างเท่าเทียม

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า วันนี้ (28 พ.ย. 67) เวลา 10.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย (มท.1) เป็นประธานเปิดหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาชุมชนสุขภาวะและความยั่งยืน (หลักสูตรพหุวิทยาการ) (หลักสูตรภาคปกติและภาคพิเศษ) โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ โดยมี ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดี ม.มหิดล ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร และคณะผู้บริหาร คณาจารย์ และนักศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ให้อาจารย์ต้อนรับ

นายอนุทิน กล่าวว่า หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาชุมชนสุขภาวะและความยั่งยืน จะเป็นโครงการที่เข้ามาต่อยอดความรู้ให้ชาวอำนาจเจริญและจังหวัดใกล้เคียง ต่อเนื่องจากโครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ ที่ได้เข้ามาจุดประกายให้คนในพื้นที่ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพต่อยอดในไปสู่การพัฒนาที่เกี่ยวเนื่อง

ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้กำกับกระทรวง อว. ซึ่งดูแลมหาวิทยาลัยต่างๆ อยู่ พร้อมสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยมหิดลบรรลุภารกิจต่างๆ รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือหน่วยงานที่ผมกำกับเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาคน ซึ่งข้าราชการที่จะเป็นนักปกครองดูแลพี่น้องประชาชนตั้งแต่ระดับปลัดอำเภอ นายอำเภอ หากมีความสนใจที่จะศึกษาในหลักสูตรนี้ กระทรวงมหาดไทยพร้อมให้การสนับสนุน เพื่อให้มีองค์ความรู้ด้านสาธารณสุข สุขภาวะเพื่อการดูแลประชาชนที่มีประสิทธิภาพต่อไป

“ขณะนี้อยู่ระหว่างการโอน รพ.สต. มากกว่า 9,000 แห่ง มาสังกัด อบจ. ทำให้ต่อไปนอกจากมหาดไทยต้องกำกับ อบจ. ในด้านการพัฒนาบริการสาธารณแล้ว จะต้องดูแลด้านสุขภาพประชาชนที่มีมาตรฐานด้วย ซึ่งการมีเจ้าหน้าที่ซึ่งมีองค์ความรู้เฉพาะทางด้วยจะสามารถขับเคลื่อนได้ตามนโยบายรัฐบาลคือดูแลประชาชนตั้งแต่เกินจนตาย เท่าเทียมกัน ไม่เหลื่อมล้ำ” นายอนุทิน กล่าว

ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวว่า หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาชุมชนสุขภาวะและความยั่งยืน เป็นหลักสูตรที่ได้รับนโยบายและแนวคิดมาจาก นายอนุทิน ที่มีแนวคิดว่า ข้าราชการและบุคลากรสายงานต่าง ๆ ต้องตามให้ทันกับยุคที่เทคโนโลยีก้าวกระโดด ต้องมีโอกาสในการ Up Skills และ Re Skills สามารถเรียนโดยระบบออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ เพราะข้าราชการอาจใช้เวลาในช่วงกลางคืนและช่วงวันหยุดราชการ สามารถนำสิ่งที่ได้รับจากการเรียนไปใช้ในงานราชการ เกิดประโยชน์กับการบริหารประเทศ เกิดประโยชน์กับประชาชนโดยตรง