สืบเนื่องจากได้มีกลุ่มคนร้ายแอบอ้างเป็นคณะกรรมการวัดแสงแก้วโพธิญาณ โดยได้โพสต์ข้อความเชิญชวนผ่านเฟชบุ๊กให้ร่วมบริจาคเงินบูรณะซ่อมแซมวิหารหลวงลายคํา วัดแสงแก้วโพธิญาณ จ.เชียงราย ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนมีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.สอท. รรท.ผบช.สอท. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 ส่งชุดสืบสวน กก.4 บก.สอท.4 ลงพื้นที่สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด โดยเริ่มสืบสวนจากบัญชีปลายทางที่รับโอนเงิน แล้วทำการแกะรอย จนพบการกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มตามละแวกต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดพิจิตรและ จ.นครสวรรค์ จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับได้สำเร็จ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ได้นำกำลังจับกุม น.ส.พัณณิตา อายุ 21 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ และนายนันทภพ อายุ 25 ปี ชาว จ.พิจิตร ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงรายที่ 891-892/2567 ลงวันที่ 30 ต.ค. ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมได้ที่บ้านพักใน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ทั้ง 2 คนเป็นแฟนกัน โดยได้ร่วมกันก่อเหตุจริงโดยนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และหากมีผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกก็ปิดเพจหนีและเปิดเพจใหม่
นอกจากนี้ จากแนวทางสืบสวนยังพบว่า มีการเปิดบัญชี เฟชบุ๊กโพสต์ประกาศรับบริจาคในกลุ่มเฟชบุ๊กชื่อกลุ่ม “กลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็ง” โดยอ้างว่าเปิดรับบริจาคให้ ด.ช.วัย 3 ปีซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็ง และขอรับบริจาคช่วยพระที่นอนอาพาธในโรงพยาบาลโดยใช้บัญชีธนาคาร น.ส.พัณณิตา ในการรับบริจาคเช่นเดิม ทั้งนี้ พบยอดเงินหมุนเวียนจากทำแต่ละครั้งอยู่ประมาณหลักหมื่นบาท เสียหายรวมมากกว่า 2 แสนบาท
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปยังวัดแสงแก้วโพธิญาณ จ.เชียงราย เพื่อขอขมากรรมกับครูบาอริยชาติ ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป