ประเทศ “โง่ซ้ำซาก”? #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

วันนี้ คุยเรื่อง “เกาะกูด” ซักหน่อย
จะคุยให้อร่อย ก็ต้องเริ่มจากวันที่….
“นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ” ได้รับพักโทษ ออกจากโรงพยาบาล มาครองสำนัก “จันทร์ส่องหล้า” ปุ๊บ
๒๑ กุมภา ๖๗ “สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโชฮุนเซน”
บินจากกัมพูชา มาเยี่ยมปั๊บ!

ไม่มีใครรู้ “คู่ซี้” เขาคุยอะไรกัน แต่แมลงวันตอมข่าวบอกว่า “มาเยี่ยม” ด้วย
มาคุยเรื่องไหล่ทวีปในอ่าวไทยตรงเกาะกูด ว่าด้วยการขุดเจาะพลังงานนำขึ้นมาแบ่งผลประโยชน์กัน สืบต่อจากที่ทำ MOU 2544 ไว้ สมัยรัฐบาลทักษิณด้วย

เมื่อต้นตุลา.๖๗ นายกฯ แพทองธาร ไปประชุมสุดยอดอาเซียน ที่ลาว ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวบลูมเบิร์ก” ว่า
“จะเร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับเขมร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย นำก๊าซธรรมชาติในบริเวณนั้นขึ้นมาใช้
คาดมีมูลค่าถึง ๑๐ ล้านล้านบาท จากปริมาณก๊าซธรรมชาติ ที่คาดจะสูงถึง ๓๐๐ ล้านลูกบาศก์ฟุต”

ฟัง …ต้องทึ่งในอัจฉริยะวิสัยทัศน์นายกฯ หญิงคนนี้!
เธอเกิด ๒๑ สิงหา.๒๙
แต่เรื่องไหล่ทวีปในอ่าวไทยที่เรียก “พื้นที่ทับซ้อนไทย-เขมร” บริเวณเกาะกูด เริ่มขึ้นตั้งแต่ ธันวาคม ๒๕๑๓
คือก่อน “นายกฯ แพทองธาร” เกิดถึง ๑๖ ปี!

ใครๆ มักปรามาส นายกฯ อุ๊งอิ๊ง “ไม่ประสา” แต่การที่เธอเจาะจงหยิบเรื่องนี้มาพูดกับ “บลูมเบิร์ก”
ถ้าพ่อไม่ได้ “ประทับทรง” พูด ก็แสดงว่านายกฯ ผู้เยาว์วัยพูดด้วยกึ๋นตัวเอง
ต้องบอกว่า….”ผู้นำที่เริดมากกกาก”!

เพราะเรื่องนี้ซับซ้อนยิ่งกว่ามหากาพย์ “รามเกียรติ์” ตัวผมเอง บอกตรงๆ ไม่รู้อะไรมาก นอกจากฟัง “ผู้รู้” เขาพูดจากัน

สมัยปี ๒๕๑๔ พลัดหลงเข้าไปทำข่าวมิคสัญญีในกรุงพนมเปญ เขมรแดงกรีฑาทัพเข้ามา ทั้งยิง ทั้งระเบิด ทั้งเผา ศพเลือดสาดนองถนน เรียกว่า เอากันทั้งวัน-ทั้งคืน

มีอยู่วัน เอกอัครราชทูตไทยในพนมเปญ พาพวกผมไปสัมภาษณ์ รัฐมนตรีต่างประเทศเขมร “นายลอง โบเรต”

ท่านทูตฝากให้ช่วยถามนายโบเรตเรื่อง “ไหล่ทวีป” ให้หน่อย
เพราะก่อนหน้านั้น คือปี ๒๕๑๓ จู่ๆ เขมรก็ประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย ๒๐๐ ไมล์ทะเล ตามใจชอบฝ่ายเดียว

ท่านทูตก็เลยอยากให้เคาะถาม เพื่อหยั่งดูท่าทีเขมรในเรื่องนี้
เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องใหม่ เขมรขีดเส้นเอาเอง ประกาศเองตามใจชอบฝ่ายเดียว ระดับชาวบ้านคนไทย-คนเขมร จึงยังไม่มีใครรู้

รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ขณะนั้น คุยไป นอกกระทรวงและในถนนเสียงปืน, เสียงระเบิดก็เปรี้ยงปร้าง-ตูมตามไป
คงไม่มี “กะจิต-กะใจ” จะสนใจเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ ผมว่า

ต่อมา ขึ้นเป็นนายกฯ ต่อจากนายพลลอนนอล ตอนเขมรแตก ปี ๒๕๑๘ ผมกลับออกมาจากพนมเปญแล้ว

ทราบจากข่าวว่า ท่านพลาด ฮ.เที่ยวสุดท้าย ที่ขนคนหนีออกจากพนมเปญ ถูกเขมรแดงจับไปประหาร
ด้วยการ “ตัดหัวทิ้ง”!

เรื่องไหล่ทวีปในอ่าวไทย เกาะกูด “ของไทย” ทั้งดุ้น แต่ในยุคทักษิณเรียก “พื้นที่ทับซ้อน” จากทั้งดุ้น เลยกลายเป็นเขมรเอี่ยวด้วยครึ่งดุ้นไปซะงั้น

ผมงูๆ ปลาๆ แค่นี้ ในมิติ “พื้นที่ทับซ้อน” สำหรับผม
ทักษิณตอนเป็นนายกฯ ได้เจรจากับฮุนเซน เรื่องขุดขึ้นมาแบ่งผลประโยชน์กันตลอด แต่ไม่ตกลงกัน

ทักษิณเสนอ ๗๐/๓๐ แต่ฮุนเซนยังเกี่ยง!
พอมาถึง “ลูกทักษิณ” เป็นนายกฯ ในปี ๒๕๖๗ นี้
เปอร์เซ็นต์ผลประโยชน์ พัฒนาสายพันธุ์เป็น ๕๐/๕๐!

ย้อนเรื่องเขมรประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย ๒๐๐ ไมล์ทะเล เมื่อปี ๒๕๑๓ อีกซักนิด
คือ เมื่อเขมรประกาศดิบๆ ไปอย่างนั้น….

ในปี พ.ศ.๒๕๑๖ ไทยก็ประกาศไหล่ทวีปในอ่าวไทยเป็น ๒๐๐ ไมล์ทะเล เช่นเดียวกัน
ทำให้เกิดคำว่า “พื้นที่ทับซ้อน” ในอ่าวไทยขึ้น ชนิด “บ้าบอ-คอแตก” ที่สุดในโลก

จะไม่บ้าบอ-คอแตกได้ยังไง ในเมื่อมันซ้อนทับกันได้ตั้งมากมายมหาศาล ถึง ๒๖,๐๐-๒๗,๙๖๐ ตารางกิโลเมตร!?
ขนาดของ “ไทย-มาเลย์” ในอ่าวไทย ยังแค่ ๗,๐๐๐ กว่าตารางกิโลเมตร

แต่นี้…แม่เจ้าโวย เขมรอ้างทับซ้อนร่วม ๓ หมื่นตารางกิโลเมตร แล้วไทยก็ทำท่าจะหยวนๆ ยอมๆ
แบบนี้มันต้อง “เหยียบ” ถึงจะหายหยวน!

จนถึงปัจจุบันวันนี้…
“ไทย-เขมร” ก็ยังไม่สามารถเจรจาปักปันเขตแดนกันได้ให้เป็นที่ยุติ!

แต่ทั้งที่ยังปักปันเขตแดนกันไม่ได้ พลังงานทั้งก๊าซ ทั้งน้ำมัน ที่ว่ามีมูลค่าถึง ๑๐ ล้านล้านบาทนั้น
อยู่ใต้ทะเล ยังขุดขึ้นมาไม่ได้

แต่เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๘ ยุค “รัฐบาลทักษิณ” ให้สัมปทานขุดเจาะพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนกับ “บริษัทเชฟรอน” ไปเรียบร้อยแล้ว!

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พูดเมื่อ ๒๕ ตุลา.ว่า….

ยืนยันว่า เกาะกูด เป็นของไทยมาโดยตลอดและไม่เคยมีปัญหาว่ากัมพูชาอยากจะเอาแบ่งเขตแดน

และการพูดคุยเรื่องเส้นแบ่งเขตแดนในเรื่องเก่า ที่เกิด MOU 2544 ไม่ใช่ MOU จะ “ให้ทำ” แต่เป็น MOU จะ “ให้ไม่ทำ”

สิ่งที่เป็นปัญหาคือเรื่อง “เส้นเขตแดน” ข้อเท็จจริงแล้วเส้นเขตแดนมาตามเกาะกูดและอ้อมเกาะกูดลงมา โดยไปตามแนวของเกาะกูด

เพียงแต่เราอยากเห็นการ “ปักเส้น” เพียงนิดเดียว คือ เส้นนี้ แทนที่จะไป “ล้อมรอบเกาะกูด” ก็ตรงออกมาเลย

และขณะนี้ เรื่องเขตแดน “ไม่ใช่ปัญหา”
แต่ทำอย่างไร “ให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน”?

เพราะทุกประเทศ มีหลักการที่ใช้คือ วัดจากไหล่ทวีปมา ๒๐๐ ไมล์ทะเล

อ่าวไทยแคบ เมื่อมีการประกาศ ๒๐๐ ไมล์ทะเล เราก็ ๒๐๐ ไมล์ทะเลตาม ทำให้ต่างฝ่ายมีพื้นที่ทับซ้อนกัน

ดินแดนของเราในเรื่องเกาะกูด ชัดเจนมาตั้งแต่สมัยฝรั่งเศส ว่าเกาะกูดเป็นของไทย ตรงนี้ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียเกาะกูดหรือไม่

ขออย่าหลงประเด็น สิ่งสำคัญ คือ “ข้างล่างใต้ทะเล” ที่มีประโยชน์ น้ำมันใช้ได้ ซึ่งอีก ๑๐ ปี จะลดความสำคัญลง และตรงนี้ กว่าจะตกลงกันได้ หากเอาผลประโยชน์ขึ้นมา ก็ปา ๕ ปี หากไม่ทำอะไรภายใน ๑๐ ปี ก็ไม่มีความหมาย

เพราะปัจจุบัน มีรถไฟฟ้าเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่น่าเสียดาย ที่ประเทศชาติ จะต้องสูญเสียทรัพยากรตรงนี้ไป

…..เรื่องนี้ต้องเจรจากัน แต่ที่สำคัญต้องทำความเข้าใจกับประชาชน
อย่าขยายเป็นเรื่องการยึดดินแดน เสียดินแดน

เพราะเป็นการปลุกความคลั่งชาติขึ้นมา ทำร้ายผลประโยชน์ที่ประเทศควรจะได้รับ”

ใช่ครับ ทั่น…เกาะกูด “เป็นของไทย”
แต่การไปตกลงพื้นที่ ยึด MOU 2544 สมัยทักษิณ เกาะกูด…ใช่ ของไทย

แต่ “ใต้เกาะ” คือแผ่นดินไทย “ใต้ทะเล” บริเวณเกาะกูด การที่เขมรขีดเส้น “แฉลบ-ย้วยยอกย้อน” เข้ามานั้น

ถ้าเรายอม….
ก็เท่ากับยอมให้เขมรเฉือนทั้ง “แผ่นดินไทย-ทั้งผลประโยชน์” ในแผ่นดิน เอาไปกิน ๒ ต่อ ฟรีๆ!?

ไม่มีใครปลุกความคลั่งชาติหรอกครับ…ท่านนายกฯ น้อย

เพียงแต่ท่าน ลด “คลั่งทักษิณ” เยี่ยงทาส ลงซักหน่อย แล้วฟังคนที่เคยยอมตายเพื่อให้พวกท่านอยู่เสวยสุขในวันนี้ซักนิด ที่คิดผิด คิดใหม่ได้ ยังไม่สายเกิน

“นายจุตุพร พรหมพันธ์” พูดไว้ดังนี้….

“การกลับมาเร่งรีบดำเนินการตาม MOU 44 จึงสะท้อนถึงความเป็นอื่นไปไม่ได้เลย เพราะถึงเจจราสำเร็จ ขุดน้ำมันขึ้นมาได้
“เชฟรอน” ก็ได้ไป

แม้ไทยได้ค่าสัมปทานบ้างแต่น้อยนิด เมื่อเทียบกับผลประโยชน์โดยรวมทั้งหมด

อีกอย่าง คนไทยไม่มีหลักประกันใดว่า จะได้ใช้น้ำมันราคาถูกลง ดังนั้น ปัญหาจึงมีว่า
จะรีบเจรจาขุดน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนกันไปทำไม?

เมื่อ “เชฟรอน” บริษัทสัญชาติสหรัฐฯ ได้ครอบครองการผลิตน้ำมัน
ส่วนจีน มีความสัมพันธ์ชัดเจนกับกัมพูชาและลาว

ดังนั้น การขุดน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อน
อาจนำไปสู่ปัญหาระหว่าง “มหาอำนาจ” ส่งผลกระทบให้ไทยได้

ดังนั้น นอกจาก “เสียดินแดน” ไปอีก ยังจะเกิดปัญหาใหม่ตามมา เพื่อให้ใครบางคน ได้ผลประโยชน์ส่วนตัวกับเชฟรอน โดยคนไทย ไม่ได้ประโยชน์ใดๆเลย”

ผมก็จะบอกมั่งจะบอก….
เรื่อง “ดินแดน” นั้น กับประเทศอื่น ค่อนข้างชัดเจนและตรงไป-ตรงมา แต่กับเขมร อย่าลืม เขามี “ไพ่ลับ” ในอยู่มือ

“ฝรั่งเศส” เจ้านายเก่า คือ “ไพ่ลับ” ใบนั้น!
ฝรั่งเศส คือชาติที่ทำกับเราเจ็บปวด ปล้นแผ่นดิน “ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง” ไป

ปล้นแผ่นดินเขมร บริเวณพนมเปญ เรื่อยไปจนจรดเวียดนามจากเราไป ทั้งเขมรส่วนใน พระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ

“ปราสาทพระวิหาร” ฝรั่งเศส ก็ขีดเส้นเอาไปเป็นของมัน
ทั้งตราด, จันทบุรี ฝรั่งเศส ก็ยึดไป…

เพื่อให้ได้คืนมา เราต้องยกจังหวัด “ปัจจันตคีรีเขตร” คือ “เกาะกง” ไปแลกเปลี่ยนกับฝรั่งเศส

เหล่านี้เป็น “ประสบการณ์” สอนให้เรารู้ว่า….
มีคดีเกี่ยวกับดินแดนกับเขมรขึ้น “ศาลโลก” เมื่อไหร่ เราเสียเปรียบ ๙๙%

เพราะเรา “ทำแผนที่ไม่เป็น” แต่ฝรั่งเศส อยากได้ตรงไหน ก็ขีดเส้น เป็นแผนที่ดินแดนของเขมร คือของเขาไป

เขมรมีพ่อบุญธรรมชื่อ “ฝรั่งเศส”
เพราะเหตุนั้น ปี ๒๕๐๒ เราจึงแพ้คดี เสีย “ปราสาทพระวิหาร” ให้เขมร

ปี ๒๕๕๖ พื้นที่ทับซ้อน ๔.๖ ตารางกิโลเมตร รอบๆตัว “ปราสาทพระวิหาร”

“ศาลโลก” ตัดสินด้วยมติเอกฉันท์ “เขมรมีอธิปไตยเหนือดินแดนทั้งหมดของเขาชะโงกของพระวิหาร
ประเทศไทยต้องถอนกองกำลังทหารและตำรวจออกจากพื้นที่โดยรอบวัดฮินดูที่อยู่อีกฟากหนึ่งของชายแดนเขมร”

จากบทเรียนนี้ ถ้าเราไม่ตกลงเรื่อง “เขตแดน” ก่อน
ยอมให้ขุดพลังงานขึ้นมาแบ่งก่อน

เขมรนำอ้างต่อศาลโลกได้ว่า “ไทยยอมรับ” ว่าพื้นที่กว่า ๒๖,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ตรงเกาะกูด เป็น “พื้นที่ทับซ้อน” ทั้งหมด

แผ่นดินไทยแท้ๆ “ครึ่งหนึ่ง” เป็นของเขา!
เราก็จะได้เข้าทำเนียบโลก ไทย..ประเทศ “โง่ซ้ำซาก”!

เปลว สีเงิน
๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๗

 

 

Written By
More from plew
น้ำตาจระเข้ “ก้าวไกล” #เปลวสีเงิน
เปลว สีเงิน “ดิ้นแรง” จริงนะ พรรคก้าวไกลเนี่ย อีกตั้ง ๑๐ วัน กว่าจะถึง ๗ สิงหา.ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย...
Read More
0 replies on “ประเทศ “โง่ซ้ำซาก”? #เปลวสีเงิน”