ผลของกรรมชั่ว #สันต์สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน

มีคุณธรรมสูงขึ้นมาทันที..

นอกจาก “บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ ดิไอคอน กรุ๊ป จะได้โพสต์..

“1.ขณะนี้ทางบริษัทได้เตรียมข้อมูล พยานหลักฐาน พร้อมที่จะให้ข้อมูล แก่กระบวนการยุติธรรมเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ของการดำเนินธุรกิจแล้วครับ

2. ทางบริษัทจะจัดตั้งศูนย์เยียวยาบรรเทาทุกข์ ให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการทำธุรกิจ (ไม่เกี่ยวกับผลทางคดีข้อ1)

โดยจัดตั้งเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม..”

ด้านบอสกันต์ กันตถาวร บอก.. “หลังจากนี้ ตนยินดีให้ข้อมูล ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องเป็นอันดับแรกเสมอ

เราจะเอาข้อมูลทุกอย่างที่เราเก็บรวบรวม ส่งให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อเท็จจริงเพื่อความชัดเจนให้ได้เร็วที่สุด”

ส่วน “บอสมิน” มิน พีชญา บีบน้ำตาพูด.. “หลังรับทราบเรื่องเสียใจมาก อยากแสดงความจริงใจกับผู้เสียหาย ขอยุติสัญญากับ บ.ดิไอคอนทั้งหมด ขอเลือกข้างประชาชน

เพราะ “มิน” มีวันนี้ได้ก็เพราะประชาชน ขอเลือกความถูกต้อง ความยุติธรรม จากนี้จะขอรวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และอยากรู้ความจริงเหมือนกับทุกคน”

นี่..กระมังที่เขาว่า “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” ตอนที่ไม่ปรากฏข่าว ชาวบ้าน-สังคมไม่รุมประณามด่าทอ “ฉ้อโกงประชาชน”..

บรรดา “บอส” ทั้งหลายต่างใช้ชีวิตหรู นั่งจิบไวน์สุขสบายกับความร่ำรวยตามสไตล์ “คนอยู่ถูกที่ ปีเดียวก็รวยได้”!

แต่ละคนไม่ได้รู้สึกรู้สา ว่าธุรกิจที่ตัวเองเป็น “บอส” กันอยู่นั้น เป็นการฉ้อโกงประชาชน และขนาดมีตัวอย่างให้เห็นมาไม่รู้กี่บริษัทต่อบริษัทที่ดารา-นักร้อง-เซเลบคนดังติดคุกติดตะราง..

ก็ไม่เข็ดหลาบหรือเกรงกลัว ด้วยเพราะหน้ามืดตามัวกับผลประโยชน์-เงินทองที่ได้รับ แต่พอถูกจับได้ว่าร่วมขบวนการโกง ก็จะอ้าง.. “รู้เท่าไม่ถึงการณ์”!

งั้น..ก็ให้รู้ไว้ซะ คุณเชาว์ มีขวด ทนายความ ได้กรุณาโพสต์..บทสรุป 3 บอสดารา เตรียม “ร้องเพลงข้ามกำแพงคุก”..

“ล่าสุดแม้จากการชี้แจง 3 บอสดาราว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น เป็นเพียงผู้ช่วยการตลาด ไม่ได้มีส่วนตัดสินใจในทางธุรกิจ หรือมีอำนาจลงนาม ก็คงจะฟังไม่ขึ้น

เพราะการพิจารณาว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่ ให้ดูที่พฤติการณ์ ถ้อยคำพูด คำประกาศ โฆษณา คำรับรอง หรือการกระทำด้วยประการใดๆ

ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่า จะได้รับสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อเป็นการตอบแทน จากการเข้าร่วมธุรกิจ ทั้งๆ ที่ตัวเองรู้อยู่แล้ว ว่าข้อความที่สื่อสารออกไปเป็นเท็จ หรือเป็นไปไม่ได้

โดยสภาพของความเป็นจริง หรือ รู้ข้อเท็จจริงแต่กลับ ปกปิดความจริง เหล่านั้นไว้ ก็จะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ซึ่งถ้าดูพฤติการณ์ ที่มีการขุดคุ้ย แต่ละการกระทำหรือถ้อยคำพูดของ 3 บอสดารา แล้ว

ผมคิดว่าคงดิ้นไม่หลุด คดีนี้เป็นคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นบทหนักตามกฎหมายยอมความกันไม่ได้ด้วย”

ท้ายโพสต์..คุณเชาว์ยังได้บอก(แทนผม)ด้วยว่า..“ดาราเกิดได้จากความรัก ความชื่นชมของประชาชน มีกินมีใช้ ใช้ชีวิตได้อย่างหรูหราอู้ฟู่ก็ล้วนมาจากความนิยมที่ประชาชนมอบให้ทั้งสิ้น

แต่พวกท่านกลับตอบแทนความรักความไว้ใจของแฟนคลับด้วยการเห็นแก่ได้ มองแต่ประโยชน์เฉพาะหน้าของตน จนลืมประชาชนที่เขาเป็นคนปลุกปั้นพวกคุณขึ้นมา

ถึงตอนนี้บอกเสียใจมันสายไป ก่อนทำไม่คิดถึงประชาชน คนเขาได้รับความเสียหายแล้วบอกจะมายืนเคียงข้าง

สุดท้ายไปร้องเพลงข้ามกำแพงคุก ก็อย่าโทษใครเลยครับ นอกจากความโลภของตัวเอง..”

ครับ..ผลของกรรมชั่ว มันเป็นเช่นนี้แล!

Written By
More from pp
รมต.อนุชา ร่วมเจตนารมณ์นายก ไม่รับเงินเดือน 3 เดือน สมทบช่วยแก้ปัญหาโควิด-19
จากกรณีที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 9/2564 ผ่านระบบวิดีโอทางไกล ตนมีความตั้งใจในการแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19...
Read More
0 replies on “ผลของกรรมชั่ว #สันต์สะตอแมน”