ผักกาดหอม
ก็จริงนะ…
นายกฯ หญิงมักมากับน้ำ
มหาอุทกภัย ต้นปี ๒๕๕๔ น้ำท่วมใหญ่ภาคกลางรวม ๑๗๕ วัน
รัฐบาลยิ่งลักษณ์บอกว่าเอาอยู่
แต่ข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานขณะนั้น ได้เกิดภัยพิบัติใน ๗๗ จังหวัด ๘๗ อำเภอ ๖,๖๗๐ ตำบล
มีผู้เสียชีวิต ๘๑๕ คน
เห็นตัวเลขผู้เสียชีวิตแล้ว มันน่าตกใจจริงๆ
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นหลังรัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้าบริหารประเทศไม่ถึงครึ่งปี
ขณะที่รัฐบาลแพทองธารมาพร้อมกับน้ำ
ไหลมาพร้อมกันเลยทีเดียว
และพร้อมกับความไม่พร้อมในการบริหารประเทศ
พูดกันไปเยอะแล้วครับเรื่อง ต้องรอแถลงนโยบายก่อนรัฐบาลถึงจะทำงานได้ ไม่น่าจะเป็นความอ่อนด้อยในข้อกฎหมาย หรืออ่านรัฐธรรมนูญไม่จบมาตรา แต่น่าจะเป็นความไม่ใส่ใจมากกว่า
แม้จะเป็นช่วงรอยต่อของรัฐบาล แต่ข่าวสารเรื่องซูเปอร์ไต้ฝุ่นยางิถล่มจีน เวียดนาม อย่างหนักในรอบ ๑๐ ปี และจ่อภาคเหนือของไทย หากใส่ใจมากกว่านี้ มันมีเวลามากพอที่จะลดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องชาวเชียงรายได้
แต่รัฐบาลเลือกที่จะนิ่ง อ้างยังไม่แถลงนโยบายยังสั่งการไม่ได้
ยกมาย้ำกันอีกที มาตรา ๑๖๒ วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า
“ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งหากปล่อยให้เนิ่นช้าจะกระทบต่อประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีที่เข้ารับหน้าที่จะดำเนินการไปพลางก่อนเพียงเท่าที่จำเป็นก็ได้”
ประเด็นคือคนในรัฐบาลก็รู้ แต่ทำไมถึงปล่อยให้นายกฯ อิ๊งค์พูดแบบนั้น
ไม่ต้องตีความครับ เพราะความหมายตรงตามตัวอักษร
วานนี้ (๑๒ กันยายน) ระหว่างที่สภาอภิปรายนโยบายรัฐบาล นายกฯ อิ๊งค์ นั่งหัวโต๊ะประชุมสั่งงาน มีคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุม และวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังหัวหน้าส่วนราชการที่อยู่ในพื้นที่
“…อยากจะสื่อสารให้ทราบว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาหลังจากที่รอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพื่อที่จะสั่งการได้ และรัฐมนตรีและรองนายกฯ ทุกท่านได้ดำเนินการล่วงหน้าเพื่อเป็นการดูแลประชาชนไปก่อนหน้านี้แล้ว
แน่นอนปัญหานี้ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อที่จะรักษาและทำให้ประชาชนออกจากปัญหาและอุปสรรคเร็วที่สุด
ขออนุญาตส่งความห่วงใยไปให้พี่น้องภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายในขณะนี้ และแน่นอนเราจะต้องทำในเรื่องของระบบการเตือนภัยและการเยียวยารักษาต่อไป ซึ่งอยากให้ทางราชการเล่ารายละเอียดให้ฟัง เพื่อที่จะบอกแนวทางการดำเนินการต่อไปจะทำอย่างไร
ทั้งนี้ทางรองนายกฯ และรัฐมนตรีทุกกระทรวง ถ้ามีคำแนะนำอย่างไร ขอให้เสนอได้เลย เพราะอันนี้เป็นวิชั่นที่เราต้องร่วมมือกัน เพื่อให้ถึงพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด…”
เห็นมั้ยครับ แผ่นเสียงก็ยังตกร่อง!
กฎหมายมันชัด แต่ยังคิดแบบเดิมๆ หรือเห็นการรักษาสถานะทางการเมืองของตัวเอง สำคัญกว่าชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
กลัวสั่งการก่อนแล้วจะมีนักร้องไปร้องเอาผิดอย่างนั้นหรือ
ไม่เข้าท่า!
มานั่งสั่งการ โชว์วิสั้น หลังน้ำลด เขาไม่เรียกว่าการแก้ปัญหา
รัฐบาลเองจะเป็นตัวสร้างปัญหา
เพราะแก้ปัญหาไม่ถูกจุด
มันจะมีประโยชน์อะไรครับ มาพูดเรื่องระบบเตือนภัยเพราะเหตุมันเกิดไปแล้ว
ทั้งยังเป็นเหตุซ้ำซาก
นี่แค่นับหนึ่งนะครับ ที่รัฐบาลต้องเยียวยาประชาชนจากเหตุภัยพิบัติ
ตอนอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณก็เตือนกันไปแล้วว่า อย่าทุ่มงบประมาณไปกับนโยบายแจกเงินหมื่นจนไปเบียดบังงบประมาณอื่นๆ
โดยเฉพาะงบฉุกเฉินที่รัฐบาลต้องจ่ายเยียวยาประชาชน
แต่ละครั้งหลักหมื่นล้าน
มันไม่ได้จบที่แม่สาย เชียงราย นะครับ
อีกวันสองวันมวลน้ำมหาศาลไปถึงเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง ไหลลงไปเรื่อยๆ
เตือนชาวบ้านหรือยัง
หรือยังใจลอยที่เชียงราย
ยิ่งฟัง “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย บอกกับนายกฯ ว่า สถานการณ์หนักหน่วงที่สุดในรอบ ๘๐ ปี สาเหตุเนื่องจากในปีนี้แม่สายมีน้ำท่วมมา ๗ ครั้งแล้ว
นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๖๗ จนถึงปัจจุบัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๘
สาเหตุที่น้ำท่วมหนักในรอบ ๘๐ ปี เพราะฝนตกหนักมาเป็นระยะถึง ๗ ครั้ง ทำให้ลำน้ำแม่สาย และพื้นแผ่นดินฝั่งประเทศไทยและฝั่งเพื่อนบ้านชุ่มน้ำ อิ่มน้ำ
บวกกับพายุลูกล่าสุด ทำให้กระแสน้ำมีจำนวนมหาศาล ส่งผลให้เกิดความเสียหายในวงกว้างของตลาดแม่สาย
นี่คือข้อมูลพื้นฐานที่รู้กันอยู่แล้ว แต่รัฐบาลมิได้เตรียมการรับมือใดๆ เลย
ขอแถลงนโยบายก่อน
หากมีกองกำลังต่างชาติเข้ายึดเชียงราย สงสัยว่า นายกฯ อิ๊งค์ จะบอกว่ารอแถลงนโยบายก่อนแล้วค่อยสั่งการหรือเปล่า
อย่ามองเรื่องน้ำท่วมเป็นเรื่องเล็กเด็ดขาด เพราะมันกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมหาศาล หลายคนถึงกับสิ้นอาชีพ หลายคนสูญเสียทรัพย์สิน และที่้หนักสุดคือเสียชีวิต
พายุยังก่อตัวอีกหลายลูก
กรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่า พายุโซนร้อนกำลังแรง “เบบินคา (BEBINCA)” ก็รอดไปครับ แต่หลังจากนั้นอีก ๑-๒ ลูก ยังไม่ได้ตั้งชื่อ จะตามมาติดๆ
ครับ…นี่แค่เรื่องภัยพิบัติครับ
ยังมีปัญหาที่ยากต่อการแก้ไขมากกว่านี้ เพราะนอกจากจะเข้าใจยากถึงปัญหาที่เกิดแล้ว วิธีการแก้ก็ยังยากยิ่งกว่า คือปัญหาเศรษฐกิจ
แต่อาจไม่ใช่ปัญหาของนายกฯ อิ๊งค์ก็ได้
เพราะคนที่ชักใยอยู่ข้างหลังแก้ปัญหาแทน