9 สิงหาคม 2567 นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า
ในที่สุดนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตก็เดินทางมาถึงขั้นตอนเปิดให้พี่น้องประชาชนลงทะเบียนในแอปทางรัฐ อย่างไรก็ตาม เรายังคงสังเกตได้ถึงอะไรที่ยังไม่เป็นที่เรียบร้อยอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่มาของเงินทำโครงการอีกราวแสนล้านที่ยังไม่รู้ว่าจะมาจากไหน จะใช้หรือไม่ใช้เงิน ธกส. หรือจะลดกลุ่มเป้าหมายลงอีก
นอกจากนี้ นโยบายดังกล่าวที่เตรียมใช้เงินมหาศาล ต้องกู้เงินชดเชยการขาดดุลแทบชนเพดานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ยังไม่ได้นำไปผ่านการพิจารณาของ ครม. มีแต่การรับหลักการไว้นานแล้ว ภายภาคหน้าหากเกิดความขัดแย้งภายในพรรคร่วม ต่อรองผลประโยชน์ไม่ลงตัว แต่ต้องนำเรื่องนี้เข้าครม.แล้วไม่ผ่านขึ้นมา คงมีเรื่องวุ่นวายตามมาแน่นอน ดังนั้นตนจึงอยากแนะนำเป็นเบื้องต้นว่า ถ้าแน่ใจจะดันเรื่องนี้เป็นผลงานร่วมกันของรัฐบาลก็รีบนำโครงการไปผ่าน ครม.เสียให้เรียบร้อย จะได้รับผิดรับชอบต่ออนาคตร่วมกันไป
ระหว่างนี้ ตนได้ติดตามเสียงสะท้อนของพี่น้องประชาชนหลังมีการเปิดให้ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในแอปทางรัฐ พบว่ามีปัญหามากมาย จนพี่น้องประชาชนงงว่าทำไมไม่ใช้แอปเป๋าตังค์ไปเลย เพราะมีฐานข้อมูลอยู่แล้วไม่ซ้ำซ้อน ไม่ต้องเปลืองงบทำแอปใหม่ ที่สำคัญคือแอปที่พัฒนาขึ้นแบบด่วน ๆ ทำให้ระบบขาดความเสถียรและปลอดภัยต่ำ บางคนเข้าไปเจอแอปค้าง ขั้นตอนยุ่งยาก และกลัวเรื่องข้อมูลรั่วไหล เรื่องนี้สำคัญมากโดยที่รัฐบาลก็ยังให้ความมั่นใจไม่ได้ว่าแอปมีความปลอดภัยเพียงพอแค่ไหน ส่วนแอปเป็นบล็อกเชนตามที่โฆษณาไว้ตอนหาเสียงหรือไม่นั้น เรื่องนี้ลืมไปได้เลย ขี้โม้ทั้งเพ
นอกจากนี้ เงื่อนไขการใช้หรือข้อจำกัดต่าง ๆ พบว่าพี่น้องประชาชนยังสับสน ใช้อะไรได้ อะไรไม่ได้ เช่น วันนึงบอกซื้อโทรศัพท์ได้ วันนึงบอกไม่ได้ เอาอย่างไรแน่ และที่สำคัญคือจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าน้ำมันไม่ได้ ทั้งที่ตรงนี้เป็นทั้งค่าครองชีพ และเป็นทั้งต้นทุนการผลิตที่ประชาชนแบกไว้สูงลิ่ว อยากให้คิดตรงนี้ให้ละเอียด เพราะต้นทุนชีวิตของประชาชนในยุคนี้ไม่ได้มีแค่ข้าวของอุปโภคบริโภคที่จับต้องได้เท่านั้น การจำกัดไว้แบบนี้มุ่งเป้าเอื้อกลุ่มทุนใดหรือไม่ก็ยังน่าคิดอยู่
ในส่วนของร้านค้าหลังจากนี้จะเป็นการเปิดให้ลงทะเบียน แต่ก็มีการเลื่อนแถลงข่าวออกไปทำให้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะต้องทำอย่างไร สิ่งที่ตนอยากฝากไว้คือท่านต้องหาวิธีทำให้ชาวบ้าน พ่อค้า แม่ค้า รายเล็ก รายย่อยได้ประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่เป็นพายุหมุนผันเม็ดเงินเข้ากระเป๋าเจ้าสัวอย่างที่เขาครหากัน พ่อค้าแม่ค้าไม่ได้จับเงินสด แต่เจ้าสัวได้ตรงนี้ไปเต็ม ๆ มันคิดกันมาอย่างไร บางทีตนก็งงกับหลักคิดของนโยบายนี้เหมือนกัน
สุดท้ายนี้แม้โครงการจะเริ่มเดินเครื่องแล้ว แต่ยังไม่มีการเบิกจ่ายงบประมาณและยังไม่ผ่าน ครม. ยังพอมีเวลาในการทบทวนแตะเบรกโค้งสุดท้าย เพราะตนกลัวเหลือเกินว่าถ้ายังเร่งเครื่องต่อไปจะหลุดโค้งลงเหวกันหมด นโยบายนี้หลายฝ่ายยกเว้นเพื่อไทยท้วงมาตลอดว่าผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจที่น้อยนิด รายใหญ่ได้ประโยชน์ ขณะเดียวกันยังเสียโอกาสและเวลาไปมากมาย แทนที่จะเอาเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจในโครงการที่เหมาะสมกว่า เร็วกว่า ข้อครหาน้อยกว่า เช่น การกระจายงบประมาณให้ท้องถิ่นสร้างเศรษฐกิจของเขาขึ้นมาเอง ถ้าทำตรงนี้ก่อนตนจะเห็นด้วยมาก ๆ
ที่สำคัญคือโครงการนี้ แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ตนยังไม่เห็นพรรคไหนออกมาชมออกมาเชียร์นโยบายนี้อย่างจริงจังเลย ทั้งที่เป็นการใช้งบประมาณมากที่สุดในบรรดานโยบายทั้งปวง เท่าที่เห็คือขานรับแบบออกลูกเกรงใจกลัวเสียเก้าอี้กันเสียมากกว่า เลยไม่กล้าพูดอะไรกันมาก
ขณะนี้สิ่งที่ทุกฝ่ายต่างกังวลคืออนาคต เพราะนโยบายนี้กำลังก่อหนี้สาธารณะแบบรวดเดียวเต็มเพดานและสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นปัญหาภาระทางการคลังที่จะไม่เหลือเงินไว้ทำนโยบายใดอีกในอนาคตนอกจากการจ่ายดอกเบี้ยปีละมหาศาล ในขณะที่รัฐบาลนี้อยู่ไม่เกิน 4 ปี เดี๋ยวก็ไป แต่ผลกระทบจากโครงการนี้ที่ทิ้งไว้จะกลายเป็นนโยบายหาเสียงที่ไม่มีใครรับผิดชอบ ไม่สนใจประชาชน ไม่สนใจภาระที่จะตามมา เป็นอนาคตที่น่าเป็นห่วงจริง ๆ