เปลว สีเงิน
เชื่อแล้วจ้า..เชื่อ ๑๐๐%
ว่า “วุฒิสภา” ชุดนี้ “สีน้ำเงิน” เข้ม ชนิด “แรงดี-สีไม่ตก”!
อย่างนี้ ชาวบ้าน “นอนตาหลับ”
ไม่ต้องห่วงว่าโจรแฝงคราบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาจะเฮโลเข้ามาปล้นบ้าน-แปลงเมืองได้ง่ายๆ อย่างที่หวั่นไหวกัน
เพราะในจำนวน ๒๐๐ สว.
ชัวร์ว่า ๑๕๐ สว.ขึ้นไป หัวใจ “สีน้ำเงิน” เข้ม เป็นแถบใหญ่ในความเป็น “ไตรรงค์”
“แดง-ขาว” ขับเน้นให้เด่นผสมกลมกลืนไปด้วยกัน
“ไตรรงค์” มี ๓ สี คือ สีแดง สีขาว สีน้ำเงิน
“สีส้ม” …ไม่ใช่และไม่มี เพราะเป็นสีสัญลักษณ์นักฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์เขา ไม่ใช่ทีม “ไทยแลนด์!
เมื่อวาน (๒๓ ก.ค.๖๗) เจิมวุฒิสภาด้วยการเปิดประชุม ๒๐๐ สว.ชุดใหม่นัดแรก
“พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี” สว.อาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานชั่วคราว
การโหวตเลือกตัวประธานวุฒิสภาและรองประธาน อีก ๒ ท่าน เป็นวาระหลักการประชุม
ในตำแหน่ง “ประธานวุฒิสภา” มีผู้เสนอชื่อเข้าชิง ๔ ท่าน คือ นายมงคล สุระสัจจะ, นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ และนางสาวนันทนา นันทวโรภาส
ผลการลงคะแนนลับ มีดังนี้
-นายมงคลได้ ๑๕๙ คะแนน
-นพ.เปรมศักดิ์ได้ ๑๓ คะแนน
-น.ส.นันทนาได้ ๑๙ คะแนน
งดออกเสียง ๔ บัตรเสีย ๕ ใบ
เป็นอันว่า”นายมงคล สุระสัจจะ ได้รับเลืกเป็น “ประธานวุฒิสภา”
เลือก “รองประธานวุฒิฯ คนที่ ๑” จากมีผู้เสนอเข้าชิง ๔ ท่าน ผลเป็นดังนี้
-พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ ได้ ๑๕๐ คะแนน
-นายนพดล อินนา ได้ ๒๗ คะแนน
-รศ.แล ดิลกวิทยรัตน์ ได้ ๑๕ คะแนน
-ดร.ปฏิมา จีระแพทย์ ได้ ๕ คะแนน
บัตรเสีย ๒ ใบ งดออกเสียง ๑
“พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ ได้รับเลือกเป็น”รองประธานวุฒิสภา คนที่ ๑”
“รองประธานวุฒิฯ คนที่ ๒” มีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ๔ ท่าน ผลลงคะแนนลับ เป็นดังนี้
-นายบุญส่ง น้อยโสภณ ได้ ๑๖๗ คะแนน
-นางอังคณา นีละไพจิตร ได้ ๑๘ คะแนน
-นายพงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต ได้ ๘ คะแนน
-นายปฏิมา จีระแพทย์ ได้ ๔ คะแนน
งดออกเสียง ๒
เป็นอันว่า “นายบุญส่ง น้อยโสภณ” ได้รับเลือกเป็นรองประธานวุฒิฯ คนที่ ๒
นี่คือ “certificate” รับรอง “เสียงลือ-เสียงเล่าอ้าง” เรื่องสีของสว.ว่ามีจริงและเป็นจริงตามนั้น
“สีน้ำเงิน” ของสาย “นายเนวิน ชิดชอบ” ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ตำแหน่งประธานและรองฯ ที่ออกมาตามโผ เป็นตราประทับความถูกต้อง
“นายมงคล สุระสัจจะ” อดีตอธิบดีกรมการปกครอง และอดีตผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ประธานวุฒิฯ
“พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์” อดีตแม่ทัพภาค ๔ อดีตประธานที่ปรึกษารมว.มหาดไทย “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองประธานฯ คนที่ ๑
“นายบุญส่ง น้อยโสภณ” อดีตประธานศาลอุทธรณ์ ภาค ๗ และอดีตกกต.เป็นรองประธานฯ คนที่ ๒
ยืนยันความถูกต้องของกลุ่มได้จากคะแนน “สีน้ำเงิน” ไม่แตกแถว จากระดับ ๑๕๐+ โดยนายมงคล ได้ ๑๕๙ พลเอกเกรียงไกร ได้ ๑๕๐
ส่วนนายบุญส่ง “กลุ่มอิสระ” แนวร่วม “สีน้ำเงิน” คะแนนพุ่งเลยระดับ ๑๕๐+ ไปที่ ๑๖๗ จากความโดดเด่นแขนงงานด้านกฎหมาย
และไม่มีคู่แข่งสำคัญตัดคะแนน เหมือนพลเอกเกรียงไกร ที่มีนายนพดล เป็นหัวหารแบ่ง!
เช่นเดียวกับ “สว.พันธุ์ใหม่” ที่ น.ส.นันทนาเป็นหัวหน้าพันธุ์ใหม่ หรืออีกนัยสายพันธุ์ส้มผสมเอ็นจีโอ
จากผลคะแนน ปรู๊ฟได้ว่า ส้มมีไม่เกิน ๒๐ เสียง
ผลเลือกประธานฯ น.ส.นันทนาได้ ๑๙ คะแนน, รศ.แล ได้ ๑๕ คะแนน และนางอังคณา ได้ ๑๘ คะแนน
สรุปภาพรวมแล้ว….
สว.ชุดนี้ ในสายตาผม “ไม่แย่” อย่างที่พูดกัน ว่ากันตามเนื้อผ้า ทุกท่านพอดี-พองาม ตามวุฒิฯ
อย่างอาจารย์นันทนา ท่านเป็นสื่อนักพูด ท่านก็แสดงบทบาทตามหน้าที่ จี๊ดจ๊าดท่านแต่งแต้มวุฒิสภาให้มีสีสัน ดีออก
สภาผู้แทน เคยมี สส.เจี๊ยบ สส.พรรณิการ์ เป็นสีสัน เมื่อขาดทั้ง ๒ คนไป สภาจืดชืด เหมือนหญิงสาวไม่ทาปากแดงไปตลาด
วุฒิสภา เมื่อมีอาจารย์นันทนา เป็นเสน่ห์เรียกแขก-เรียกทัวรลงได้ ทำให้ครึกครื้น มีสีสันน่าสนใจติดตาม
ท่าน “เติ้ง เสี่ยว ผิง” บอก “แมวสีไหนไม่สำคัญ ขอให้จับหนูได้ ก็ใช้ได้”
“วุฒิสภา” ชุดนี้ ก็เหมือนกัน กลุ่มไหน-สีไหนไม่สำคัญ ขอให้คัดท้าย อย่าให้ใครนำประเทศหลุดไปจากกรอบ “ชาติ-ศาสน์-สถาบันพระมหากษัตริย์” ก็เป็นใช้ได้!
ในโลกนี้ ไม่มีอะไรดีพร้อมที่ทำให้ทุกคนพอใจได้หรอก ตัวเราเอง พอใจตัวเองซะที่ไหน ๒๐๐ วุฒิสภาชิก นี่เหมือนกัน ขอเพียง “ไม่เลวสุดขั้ว-ไม่ชั่วสุดขอบ” แค่นี้ ก็ดีถม
ก็เป็นกำลังใจให้ทั้ง ๒๐๐ ท่าน อย่าหวั่นไหวเรื่องสี
สีไหน “ไม่สำคัญ”
ขอให้สารพัดสีในวุฒิสภา ผนึกเป็น “สีแดง-สีขาว-สีน้ำเงิน” ในความเป็นไตรรงค์ให้คงมั่น
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น อยากขัดแย้ง อยากตีกัน เชิญตามสบาย!
ขั้นตอนต่อจากนี้….
“เลขาธิการวุฒิสภา” จะส่งชื่อผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภาและรองฯอีก ๒ ท่านไปให้นายกฯ เพื่อนำความกราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
ฉะนั้น ช่วงนี้ จะวุฒิสภาจะยังไม่มีการประชุม จนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมา
แล้วพวกเราล่ะ มีเรื่องอะไรควรรู้-ควรทราบกันอีกมั้ย?
ที่น่าสนใจ ก็เรื่อง “กัญชา” นั่นไง
เมื่อ ๙ มิถุนา.๖๕ ยุคลุงตู่ “ปลดล็อกกัญชา” จากยาเสพติดเป็นพืชสมุนไพรทางยา ทางการศึกษาวิจัยทางการแพทย์
แต่ “พรบ.กัญชา-กัญชง” กฎหมายลูกที่ต้องออกมารองรับกฎหมายหลัก พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันระหว่าง “ประชาธิปัตย์” กับ “ภูมิใจไทย” เกิดหักกันในสภา
กฎหมายลูก เลย “ไม่ผ่าน”
พอดี “ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่ ได้เศรษฐา-เพื่อไทย มาเป็นนายกฯ
๘ พฤษภา.๖๗ นายกฯ เศรษฐาเกิด “องค์ลง” สั่งให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข “เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด” ตามเดิม
ด้วยอานิสงส์วุฒิสภา “สีน้ำเงิน” อันประเสริฐ ๒-๓ วันที่แล้ว นายทักษิณไปเยี่ยมนายอนุทินที่โรงแรมเขาใหญ่
เมื่อวาน ๒๓ กรกฎา.ข่าวกัญชาโชยกลิ่นแต่เช้าว่า “ออกจากยาเสพติดแล้ว จะไม่กลับเข้าไปอีก” อย่างที่นายสมศักดิ์พยายามผลักดันอยู่
นักข่าวไปถามนายอนุทินเพื่อความแน่ใจ ก็มีคำตอบจากคนทำคลอดกัญชาออกจากครรภ์ยาเสพติดว่า
“ครับ…เดี๋ยวต้องไปปรึกษาหารือกัน ทั้งนายภูมิธรรม นายแพทย์พรหมินทร์ก็อยู่ด้วย ต้องไปหาวิธีว่าจะร่างพ.ร.บ.อย่างไร
คงเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะเสนอเข้าไป ภูมิใจไทยก็มีร่าง พ.ร.บ.คาที่สภาอยู่แล้ว ถ้าพรรคอื่นเห็นด้วย ก็เสนอประกบมา แล้วก็ตั้งกรรมาธิการแปรญัตติ ว่ากันไป”
นักข่าวถามย้ำ
“การผลักดันพ.ร.บ.จะสำเร็จ ไม่พลาดเหมือนรัฐบาลที่แล้วใช่หรือไม่” นายอนุทินยิ้มตาหยี แล้วตอบ
“นี่เป็นบัญชาของนายกรัฐมนตรี”!!!
ก็เป็นอันจบข่าว “กัญชาไม่กลับไปเป็นยาเสพติด” แน่นอน ทำเอา “สายเขียว” ยิ้มกันตาเยิ้ม
แถมอีกนิด……
เป็นข่าวจาก “ท่านพีระพันธุ์” คนหวานไม่เป็น เรื่องไฟฟ้าจะขึ้นค่า Ft ช่วงกันยา-ธันวา.ที่ชาวบ้านชักแหงกๆ จากค่าไฟดูดนั่นแหละ
รัฐมนตรี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” บอกแล้ว จากที่ประชุมครม.เมื่อวาน ครม.เห็นชอบมาตรการดูแลราคาพลังงาน
ไม่ขึ้นค่าไฟฟ้า
ให้คงอัตราเท่าเดิมที่ ๔.๑๘ บาท/หน่วย ในไตรมาส ๔ กันยา.-ธันวา.ทั้งค่าไฟสำหรับกลุ่มเปราะบาง ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน ๓๐๐ หน่วย/เดือน
ส่วนน้ำมันดีเซล กำหนดเพดานราคาขายปลีกที่ไม่เกิน ๓๓ บาท/ลิตร จะตรึงราคานี้ไปจนถึง ๓๑ ตุลา.
จากนั้น ค่อยดูกัน “หน้างาน” อีกที!
การเมือง นอกจากเป็นเรื่องบริหารประเทศแล้ว ในความเป็น “รัฐบาลประชาธิปไตยเลือกตั้ง”
“การเมือง” ยังเป็นเรื่องต่อรองผลประโยชน์ “ในทางการเมือง” ด้วย
มันยากเข้าใจ เมื่ออยากเลือกตั้ง ไม่เข้าใจ “ก็ต้องเข้าใจ” เพราะไม่มีใครเสือกไส ก็พวกเราเรียกร้องและเลือกเขาเข้ามาเอง “กะมือ” มิใช่หรือ?
ฉะนั้น อย่าร้อง จนแต่ไม่เคยจำ ก็ต้องให้เจ็บชนิดไม่มีวันจบอย่างนี้แหละ!
เปลว สีเงิน
๒๔ กรกฏาคม ๒๕๖๗