ผักกาดหอม
พักการเมืองไทยไปดูการเมืองอีกซีกโลกกันบ้าง
เกมพลิก!
การเมืองอเมริกาช่วงนี้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการแข่งขันกับ “โดนัลด์ ทรัมป์”
หากมองแบบไม่ซับซ้อน ข่าวนี้ไม่สะเทือนเฉพาะ “ทรัมป์” เท่านั้น
แต่สะเทือนไปทั่วโลก
การเปลี่ยนเกมของพรรคเดโมแครตเพื่อหวังจะหยุด “ทรัมป์” ให้ได้
ขณะที่ “ทรัมป์” เองก็รู้ตัวว่าเจองานยากกว่าเดิม
จากที่วางแผนเคี้ยวคนแก่อย่าง “ไบเดน” คล่องคอ มาวันนี้ต้องปรับแผนใหม่หมด เพราะคนที่มาแทน “ไบเดน” อาจกลายเป็นก้างติดคอได้
หากไม่มีอะไรผิดพลาด รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส น่าจะเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ในการชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับ “ทรัมป์”
“ไบเดน” ในวัย ๘๑ ปี ให้เหตุผลแบบเท่ๆ ว่า ตัดสินใจถอนตัวเพื่อผลประโยชน์สูงสุดต่อพรรคเดโมแครตและประเทศสหรัฐอเมริกา
“ไบเดน” เขียนจดหมายน้อย อธิบายถึงการถอนตัว
“…ถึงเพื่อนชาวอเมริกันของผม,
ตลอดสามปีครึ่งที่ผ่านมา เรามีความก้าวหน้าอย่างมากในฐานะประเทศชาติ
ปัจจุบัน อเมริกามีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เราได้ลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ในการสร้างประเทศของเราขึ้นใหม่, ในการลดต้นทุนยาสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องสั่งโดยแพทย์ และในการขยายการดูแลสุขภาพที่ราคาไม่แพงให้แก่ชาวอเมริกันจำนวนมากเป็นประวัติการณ์, เราได้ให้การดูแลที่จำเป็นอย่างยิ่งแก่ทหารผ่านศึกนับล้านคนที่สัมผัสกับสารพิษ, ประสบความสำเร็จกับกฎหมายความปลอดภัยจากอาวุธปืนฉบับแรกในรอบ ๓๐ ปี, แต่งตั้งหญิงชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกให้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติในศาลสูงสุด รวมทั้งเดินหน้ากฎหมายด้านสภาพอากาศที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งอเมริกาไม่เคยอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าในการเป็นผู้นำมากกว่าที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้
ผมรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากพวกคุณชาวอเมริกัน เราเอาชนะโรคระบาดใหญ่ครั้งหนึ่งในรอบศตวรรษและวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่, เราได้ปกป้องและรักษาประชาธิปไตยของเรา รวมทั้งได้ฟื้นฟูและเสริมสร้างพันธมิตรของเราทั่วโลก
ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชีวิตของผมที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของพวกคุณ และแม้ว่าผมตั้งใจที่จะแสวงหาชัยชนะอีกครั้งจากการเลือกตั้งใหม่ แต่ผมเชื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์สูงสุดมากกว่าสำหรับพรรคและประเทศชาติของผม ผมจึงตัดสินใจที่จะยืนหยัดและมุ่งความสนใจไปที่การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีไปตลอดวาระที่เหลืออยู่
ผมคงจะได้พูดคุยอย่างละเอียดกับพวกคุณทุกคนอย่างเป็นทางการในปลายสัปดาห์ เกี่ยวกับการตัดสินใจที่เกิดขึ้นนี้
สำหรับตอนนี้ ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อทุกคนที่ทำงานหนักเพื่อให้ผมได้รับเลือกอีกครั้ง ผมอยากจะขอบคุณรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่พิเศษในทุกๆ ภารกิจ และผมขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อชาวอเมริกันสำหรับความศรัทธาและความไว้วางใจที่พวกคุณมีต่อผม
วันนี้ ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งมาเสมอว่า ไม่มีอะไรที่อเมริกาทำไม่ได้ เมื่อเราทำมันด้วยกัน … เราแค่ต้องจำไว้ว่าเราคือสหรัฐอเมริกา
โจ ไบเดน…”
แม้จะไม่ได้ไปต่อในฐานะผู้ท้าชิงเก้าอี้ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ “ไบเดน” แสดงเจตจำนงชัดเจนว่า จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจนครบวาระ
นี่คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งสามารถชิงเก้าอี้ต่ออีกสมัย กลับถอนตัวโดยสนับสนุนรองประธานาธิบดีสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีแทน
ดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่เรื่องนี้อาจสร้างความยุ่งยากให้ “ไบเดน” หลังจากนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะความจริงนั้นการถอนตัวของ “ไบเดน” มาจากปัญหาสุขภาพ และความชราภาพ
มีปัญหาจนไม่อาจรับมือกับการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีได้
พรรคเดโมแครตรู้ดีว่านี่คือปัญหาใหญ่ และต้องแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
ย้อนไปที่จดหมายของ “ไบเดน” อีกครั้ง
“ผมเชื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์สูงสุดมากกว่าสำหรับพรรคและประเทศชาติของผม”
สำหรับพรรคเดโมแครต นี่คือประโยชน์สูงสุด
แต่สำหรับอเมริกา ได้ประโยชน์สูงสุดจากการถอนตัวเป็นผู้ท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จริงหรือไม่
กูรูฝรั่งเขาเริ่มวิเคราะห์กันแล้วว่า “ไบเดน” จะเป็นปัญหาในการหาเสียงของ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส หรือบุคคลอื่นๆ ที่พรรคเดโมแครต เสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
การเลือกตั้งครั้งนี้กำหนดขึ้นในวันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายนนี้
กว่าประธานาธิบดีคนใหม่จะสาบานตนก็ประมาณต้นปีหน้า
ฉะนั้น “ไบเดน” ยังอยู่ในตำแหน่งอีกอย่างน้อยครึ่งปี
คนที่มีปัญหาสุขภาพอย่างหนักจนต้องถอนตัวออกจากการชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี แต่จะต้องอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครึ่งปี
ไหวหรือ!
นี่คือจุดอ่อนที่ทีมหาเสียงของ “ทรัมป์” มองเห็น และจะนำมาโจมตีพรรคเดโมแครต ว่ารับผิดชอบพรรค แต่ไม่รับผิดชอบประเทศ
ในพรรคเดโมแครต เองต่างก็รู้ดีว่า “ไบเดน” ใช้เวลามากกว่าสามสัปดาห์ในการต่อต้านเสียงเรียกร้องให้เขาถอนตัวจากการเป็นตัวแทนสู้ศึกเลือกตั้ง
เหตุจากการดีเบตที่พูดตะกุกตะกักและเหม่อลอยเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน
แม้นี่คือจุดอ่อน
แต่จุดแข็งของ “ไบเดน” คือในรอบกว่า ๓ ปีที่ผ่านมา สามารถฟื้นเศรษฐกิจอเมริกาให้กลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง
ความนิยมก่อนความพยายามลอบสังหาร “ทรัมป์” นั้น สูสีกับ “ไบเดน”
แต่หลังจากนั้นกระแส “ทรัมป์” แรงกว่าทุกรัฐจนน่าตกใจ
พรรคเดโมแครตจำต้องเปลี่ยนม้ากลางศึก ก่อนการเลือกตั้งเพียง ๓ เดือน นับว่ากะทันหันมาก
“ทรัมป์” คุยข่มทันที สู้กับ “กมลา แฮร์ริส” ง่ายกว่าสู้กับ “ไบเดน”
ขณะเดียวกันจุดอ่อนของ “ทรัมป์” คือเป็นพวกนักการเมืองผีเจาะปาก
หากไม่ระวังเรื่องเหยียดเพศ เหยียดเชื้อชาติ
“ทรัมป์” ก็จบเห่ได้เหมือนกัน