เปลว สีเงิน
๒๒ สิงหา.๖๗
เป็นวัน “เปิดบริสุทธิ์” ของนักโทษทักษิณครบกำหนด “พ้นโทษคุก ๑ ปี” ทั้งที่ไม่เคยได้รับโทษคุกจริงเลย!
ก็ไม่ทราบ รัฐบาลเพื่อไทย จะประกาศเป็นวัน “อิสรภาพคนเหนือคุก” เพื่อเฉลิมฉลองหรือไม่?
เห็นทักษิณประกาศที่สุรินทร์ว่า….
“หลังเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป จะขอทำงาน มีรูปธรรมออกมา เพื่อให้เป็นผลประโยชน์ต่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ”
ก็ปลื้มจนโลมาชูชัน
เมื่อได้ยินคนเหนือคุกบอกจะกลับมาทำงาน เพราะผลงานที่เขาเคยทำฝากไว้ในแผ่นดินตอนเป็นนายกฯ
มันยังประทับใจแสนสาหัสมิคลาย
สิงหา.นี้ ไทยทั้งแผ่นดิน จะได้รับแบ่งปันความรวยจนลืมตาอ้าปากค้างกันอีกครั้งแล้วสินะ
ถ้าสิ่งที่ทักษิณเคยทำไว้ มันคือ “ผลประโยชน์ต่อพี่น้องคนไทย” ตามนัยที่เขาพูดแล้วละก็
เตรียม “ตีนบวม” เพราะผลประโยชน์หล่นทับกัน ตามตัวอย่างเหล่านี้เถิด
๑.คดี EXIM BANK
ทักษิณสั่งให้อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ ๔,๐๐๐ ล้านให้รัฐบาลสหภาพพม่า อัตราดอกเบี้ย “ต่ำกว่าต้นทุน”
นำไปซื้อสินค้าบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น
“ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” คดีนี้ ตัดสิน จำคุก ๒ ปี
๒.คดีแก้สัมปทานเอื้อประโยชน์ชินคอร์ป
“บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เชอร์วิส” (ADVANC) และ “บริษัทดิจิตอลโฟน จำกัด” ในเครือ SHIN
ที่ได้รับสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่จากรัฐ โดยกลุ่ม SHIN มีทักษิณถือหุ้นใหญ่ ทำให้ทั้งสองบริษัทได้รับคืนเงินภาษีสรรพสามิตที่ชำระแล้ว
โดยมีสิทธินำไปหักออกจากค่าสัมปทานที่ต้องนำส่งรัฐเป็นผลให้รัฐได้รับความเสียหาย
และ SHIN ได้รับประโยชน์ เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต
จำคุก ทักษิณ ๒ ปี ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ
และจำคุก ๓ ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการ มีส่วนได้เสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น
คดีนี้ ๒ กระทง รวมจำคุก ๕ ปี ทั้งศาลฯ ยังสั่งให้ยึดทรัพย์ ๔.๖ หมื่นล้านบาท พร้อมดอกผล ฐานใช้ “อำนาจนายกฯ” เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป
๓.คดีหวยบนดิน
เร่งรัดให้ออกสลากพิเศษ “หวยบนดิน” แม้มีการทักท้วงว่าขัดต่อกฎหมาย แต่ในฐานะนายกฯ กลับไม่ยับยั้ง จนทำให้เกิดความเสียหาย
ขาดทุน ๗ งวด เป็นเงินกว่า ๑.๖ พันล้านบาท ทำให้เห็นว่าโครงการนี้ ไม่ได้มีการบริหารความเสี่ยงในการจ่ายเงินให้ผู้ที่ถูกรางวัล
นอกจากนี้ เงินรายได้กว่า ๘๐% ที่สมทบเข้ากองทุนจ่ายเงินรางวัล และส่วนหนึ่งต้องนำกลับคืนสู่สังคมนั้น
มีการ “ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์” ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ศาลฯสั่ง จำคุก ๒ ปี
นี่คือผลงานเป็นผลประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ตามวิถีทักษิณ และ “คุก ๘ ปี” คือ “ใบรับรอง” ผลงานนั้น
ไม่เพียงแค่นั้น…….
ทักษิณยังถูกศาลสั่งจำคุก ๒ ปี จากคดี “เมียซื้อ-ผัวเซ็น” ขายที่ดิน ย่านถนนรัชดาภิเษก ๓๓ ไร่ จากกองทุนฟื้นฟูฯกระทรวงคลัง ในราคา ๗๗๒ ล้านบาท ตอนเป็นนายกฯ
คงจำกันได้ …….
ที่ทักษิณประกาศให้ “๓๑ ธันวา.” ซึ่งเป็นวันหยุดส่งท้ายปีเก่า ให้เป็น “วันทำงานราชการ” ตามปกติ
ก็เพื่อให้เมีย คือ”คุณหญิงพจมาน”
ได้ไปโอนที่ดิน ที่ “กรมที่ดิน” ในอัตราภาษีเดิม ก่อนปรับเพิ่มในปีใหม่
ประเด็นทักษิณ “ขอกลับทำงาน” หลังได้รับ certificate จากราชทัณฑ์ ก็เป็นที่เข้าใจตรงกันได้ว่า
ทักษิณ “เจ้าของคอก” จะเข้าไปกระชับปลอกคอหมาในคอกผ่านพรรค-ผ่านนายกฯ หุ่นเชิด
เพื่อทำงานเป็นประโยชน์พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ!
เห็นถามกันควั่ก ทักษิณจะกลับมาเล่นการเมืองได้หรือ เพราะถ้าเป็นสมัยก่อน หน้าผากจะเต็มไปด้วยรอยสัก “ไอ้คนคดทรยศชาติ”!
ก็มีคำตอบด้วย “ความเห็น” ชนิดอมเปลือก-อมเม็ด ต่างๆ นานากันไป ไม่เป็นที่สะเด็ดน้ำ
ยิ่ง “เนติบริกร” หอบสังขารมาเล่นลีลาศรีธนญชัยเมื่อวาน แทนจะยึดหน่อ-ยึดแนวได้ กลับเป็นขยะลอยน้ำไปอีก เช่นว่า………
“ผมไม่เห็นจะสับสนอะไร ผู้สื่อข่าวสับสนกันเอง ในอดีตก็มีเรื่องทำนองนี้
หรือมี “ผู้มีบารมีในพรรค” ออกมาช่วยงานรัฐบาลก็เคยมีมาแล้ว ตัวอย่างในสมัย “ช่วงยึดอำนาจ” ทั้งช่วง คสช.และรสช.ที่ดำรงตำแหน่งทั้งนายกฯ และหัวหน้าคสช.
รวมถึงในช่วง “พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์” ตอนนั้นนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯ และอำนาจของหัวหน้ารสช. ยิ่งใหญ่กว่านายกฯเสียอีก”
โทเรเทลงล่องแล้วหละท่านเนติบริกร นั่นมัน “ตรรกะต่างฐาน” กันนะ ระหว่างรัฐบาลเหนือรัฐธรรมนูญกับรัฐบาลในรัฐธรรมนูญ
“รัฐบาลเผด็จการทหาร” องค์รัฏฐาธิปัตย์มีอำนาจสูงสุด คำสั่งขององค์รัฐาธิปัตย์ คือ “กฎหมาย”
จะยกมาเทียบทางปฎิบัติกับ “รัฐบาลเลือกตั้ง” ระบบรัฐสภา ที่มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสูด ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้อย่างไร?
สังคมวันนี้ ที่ต่างคนต่าง “คิดเอา-พูดเอา-นึกเอา” ฟังแล้วก็ต่าง “ทึกทักเอา” ในทางต้องจริตตน
บ้านเมืองที่ไร้แกนทางเชื่อถือ ก็จะเกิด “เอเลี่ยน สปีชี่ส์” ศรีธนญชัย ตีความเขมือบแข่งไอ้หมอคางดำ วุ่นวายไปทั้งเมือง
แถมยัง “ชี้โพรงให้กระรอก” เพื่อทักษิณกลับลงเลือกตั้งเป็นนายกฯ อีกครั้ง โดยแค่นักข่าวถามว่า
“ในอนาคตทักษิณจะกลับมาเป็นนายกฯ หรือลงเลือกตั้งได้อีกหรือไม่?”
เขาถามแค่ว่า “ได้หรือไม่ได้” แทนที่จะตอบแค่นั้น เนติบริกรกลับตลกฝืด ด้วยเล่นลิ้นว่า
“ไม่ได้…หากยึดตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่หาก “มีการร่างใหม่” ก็อีกเรื่องหนึ่ง”!?
“ฉีกซะเลย” ไม่รวบรัดกว่าหรือท่าน!?
การแนะแนวให้ร่างใหม่ มันเป็นปรัชญาเพื่อไทยอยู่แล้วหละ “ติดกฎหมาย-แก้กฎหมาย, ติดคน-แก้ที่คน”
ไม่เชื่อ ถามท่านอ้วน “ภูมิธรรม” ดูก็ได้!
“เพื่อไทย” ได้ยินแล้วใช่มั้ย………
เนติบริกรส่งซิกให้แก้รัฐธรรมนูญ มาตราไหนเป็นด่านกั้นไม่ให้ทักษิณลงเลือกตั้งเพื่อเป็นนายกฯ อีก รีบไปทะลายด่านนั้นซะ!
รัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๘ ว่าด้วยผู้มีลักษณะเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
นี่ เป็นด่านแรกที่ต้องทลายทิ้ง เพื่อเปิดทางให้ทักษิณเข้าการเมือง มี ๑๘ ข้อ เปิดรัฐธรรมนูญดูเองละกัน มันยาว
เอาแค่ ๓ คดี “โกงบ้าน-กินเมือง” นั่นก็เป็น “บุคคลต้องห้าม” ตามมาตรา ๙๘ เต็มตีนแล้ว
ในกฎหมายลูก “พรป.พรรคการเมือง” พ.ศ. ๒๕๖๐ ว่าด้วยการ “จัดตั้งพรรคการเมือง” เป็นด่านที่สอง ที่ต้องทลาย
มาตรา ๙ (๓)ไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา ๙๘
(๔)อยู่ในระหว่างถูกสั่งห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
และมาตรา ๒๔ ทักษิณอยู่ในข่าย “ต้องห้าม” เกือบทั้งมาตรา
ทักษิณนอกจากเป็น “บุคคลต้องห้าม” ทั้งในรัฐธรรมนูญและพรป.พรรคการเมืองแล้ว ยังเป็น “บุคคลต้องห้าม” ตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทยด้วย
ข้อบังคับพรรคข้อที่ ๑๒ บอกว่า “เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก” ไม่สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้!
ฉะนั้น ที่ทักษิณจะเข้ามาคุมสายตะพายในพรรคหลังพ้นโทษ โดยไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค
ถ้าเอาให้ชัวร์……
รัฐบาลเพื่อไทย ก็ต้องไปทลายด่านที่ ๓ ในพรป.พรรคการเมือง มาตรา ๒๘ และ ๒๙ ด้วย
มาตรา ๒๘ “ห้ามมิให้พรรคยินยอมให้บุคคลอื่นที่มิใช่สมาชิกพรรค ควบคุม ครอบงำ ชี้นำพรรค” ทั้งตรงและอ้อม
มาตรา ๒๙ ห้ามมิให้ผู้ซึ่งมิใช่สมาชิกพรรค ควบคุม ครอบงำ ชี้นำพรรค ไม่ว่าทางตรงหรืออ้อม
เอาให้ทักษิณกลับมาเป็นนายกฯ ให้ชัวร์ปึ๊กละก็
เขียนไว้ซักมาตรา จารลงแผ่นทองคำไปเลยว่า “คนนอกเป็นนายกรัฐมนตรีได้”
ให้ดับเบิลชัวร์ ก็ต้องเขียนให้สะท้านคอก……
“กฎหมายและข้อบังคับใด ขัดต่อความมุ่งหมายของนายทักษิณ ชินวัตร กฎหมายและข้อบังคับนั้น ให้ถือเป็นโมฆะ”
ชัวร์ป๊าบ…รับรอง
เพราะบุคคลผู้นี้เป็น “โมฆบุรุษ” อยู่แล้ว!
เปลว สีเงิน
๑๗ กรกฏาคม ๒๕๖๗