“เกษตร” ในทัศนะ “เศรษฐา” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

ฟัง “นายกฯ” ตอบกระทู้ฝ่ายค้าน ถามโดย “น.ส.ศิริกัญญา” ที่สภา เมื่อวาน (๑๑ ก.ค.๖๗)
ก็เข้าใจแล้วว่า….
ทำไมรัฐบาล “เศรษฐา-เพื่อไทย” บริหารประเทศได้ “เละเทะ-ไร้ทิศทาง” เช่นนี้

จากคำตอบของเศรษฐา สรุปได้ว่า

๑.รัฐบาลเพื่อไทยไม่รู้ว่าปัญหาเศรษฐกิจ-สังคมหลักของประเทศที่ต้องจัดการแก้ไขด่วนขณะนี้ คืออะไร?

๒.ในความไม่รู้ รัฐบาลจึงไม่ต่างแพทย์ที่วินิจฉัยโรคผิด และให้ยาผิด

“เศรษฐกิจ-สังคม” ประเทศดิ่งหัวพุ่งลงต่ำ ความเดือดร้อน-แร้นแค้น แผ่ซ่านไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ประเทศมืดมนหนทางสู่อนาคตขณะนี้

นี่แหละ…
คือผลของการที่ประชาชนเลือกหน่อ “ต้นไม้พิษ” มาบริหารประเทศ

๑๐-๑๑ เดือน ยังร้องกันขรมขนาดนี้ ถ้าครบ ๔ ปี กระดูกชาวบ้านมิกองสูงเป็นภูเขาหรือนั่น!?

เพราะไม่รู้ปัญหาประเทศอยู่ตรงไหนนั่นแหละ เศรษฐาจึงบอกว่า “การเกษตร ไม่เป็นอุตสาหกรรมที่เซ็กซี่หรือ High Profit …”

ฟังตรงนี้แล้ว อยากจะตะโกนว่า “เอาคนโง่มาบริหารประเทศจะพากันไปตายหมด” โดยแท้จริง!

“แจกเงิน” คือนโยบายนำชาติ
การเกษตร คืออุตสาหกรรมถ่วงชาติ ไม่สร้างผลกำไรให้สังคมประเทศ

ลองผู้นำมีความเข้าใจต่อภาคการเกษตรของประเทศแบบนี้ บอกได้ว่า อนาคตนายกฯ คนนี้ ก็จบแค่นี้

ถ้าไม่จบ อนาคตประเทศ จบ!

น่ากลัว เท่ากับน่ารังเกียจ “แจกเงินคือนโยบายหลัก” ของรัฐบาล

แถมตอกย้ำด้วยทัศนคติมืดบอด พูดออกมาได้ยังไง ว่าการเกษตรไม่มีเสน่ห์ดึงดูด ไม่เป็นอุตสาหกรรมสร้างผลกำไร

ก็ใช่สิ มันไม่ง่ายเหมือน “กู้มาแจก” ลีลานโยบาย “โกงเอามาแบ่งกัน” ของระบอบทักษิณนี่

อันตรายมาก ที่เรามีผู้นำบริหารด้วยความคิดนี้

การเกษตร มันอาจไม่ใช่อุตสาหกรรมสร้างกำไรในมุมมองของเศรษฐา

แต่ผมจะบอกให้ “การเกษตร” คือ “หัวใจประเทศไทย” อันธรรมชาติ “ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ-อากาศ” บรรจงมอบเป็นของขวัญจากฟ้าให้กับทุกคนในผืนแผ่นดินไทย

ทั่วทั้งโลก เขาต่างอิจฉา ที่ประเทศเขาไม่ได้รับความเมตตาจากธรรมชาติประทานเหมือนไทย

มีแต่นายกฯ ไทยที่ชื่อเศรษฐาคนเดียวนี้แหละมัง ที่มองการเกษตรในแผ่นดินในด้าน “ไม่มีราคา” ให้ต้องแยแส!

จุดแข็งของไทย คือ “การเกษตร “ถ้าแผ่นดินสิ้นเกษตร ประเทศไทยก็สิ้น

ด้วยความที่มองกันไม่ถึงเพราะฉาบฉวยอย่างหนึ่ง เพราะเป็นพวก “ไก่เห็นพลอย” อย่างหนึ่ง

และอีกอย่าง “การเกษตร” ต้องลงแรง-ลงใจ ในขั้นต้น ต้องอดออม-อดทน-รอคอย ให้กาลเวลาบ่มเพาะ ในขั้นกลาง

เมื่อทุกอย่างถึงพร้อม……
“การเกษตร” จึงจะให้ผลผลิตเป็นอนาคตที่เบ่งบาน มั่นคง ในบั้นปลาย

เป็นเศรษฐกิจ “แข็งแกร่ง-ยั่งยืน” ให้ผลตอบแทนสูงและต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน เฉลี่ยแล้ว “ต้นทุน” ต่ำ!

อาจพูดได้ว่า พืชทางการเกษตรหลายๆ ชนิด “ลงทุนครั้งเดียว” แต่ให้ผลตอบแทนต่อเนื่องเป็น “กำไรร้อยครั้ง”

อย่างทุเรียน เป็นต้น
ด้วยภูมิศาสตร์ประเทศทางธรรมชาติ วางไทยให้อยู่ในตำแหน่ง “ประเทศเกษตรกรรม”

ไม่ได้วางให้อยู่ในตำแหน่ง “ประเทศอุตสาหกรรมเครื่องจักร”!

ตรงนี้ เป็นที่รู้-เป็นที่เข้าใจกันทั้งโลก เป็นนักเรียนก็จำกันขึ้นหัว สินค้าส่งออกของไทยที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตา คือ “ข้าว ไม้สัก ยางพารา ดีบุก…”

ในตำราโลก-ตำราไทย ไม่มีเลยที่บอกว่า สินค้าส่งออกของไทย คือ ประกอบรถยนต์ส่งออก ผลิตชิปส่งออก สร้างบ้าน-คอนโด ตัดแผ่นดินขายให้ต่างชาติซื้อได้ยาว ๙๙ ปี

ถ้าจะมี ก็ยุครัฐบาล “เศรษฐา-เพื่อไทย” นี่แหละ!

ในรอบ ๑๑ เดือนรัฐบาลเศรษฐานำประเทศ มีสินค้าอะไรที่เป็นออกซิเจนพยุงลมหายใจให้อยู่ได้?

อันดับ ๑ ทุเรียน
อันดับ ๒ ท่องเที่ยว
อันดับ ๓ ข้าว
อันดับ ๔ อาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป

ดูซิเศรษฐา ที่คุยว่า บินไปคุย-ไปเจรจา ประเทศโน้นนี้ให้มาลงทุน เป็นฮับ เป็นห่าว อะไรนั่นน่ะ

ไปคุยน่ะ..ได้
แล้วผลได้จากที่ไปคุย มีอะไรเป็นเนื้อหนังเอ็นกระดูกให้แทะบ้างล่ะ?

มีแต่ “แทะชาติ” ไปเที่ยว

แต่ไม่แน่นะ อาจดึงลูกค้าต่างชาติให้มาซื้อคอนโด-ซื้อแผ่นดิน ๙๙ ปี ให้พวกบริษัทอสังหาฯ ได้ปลื้มบ้าง ก็อาจเป็นได้

ในขณะที่เศรษฐกิจตกต่ำทั้งโลก ผู้คนไร้กำลังซื้อ แต่มนุษย์น่ะ ไม่ว่าชาติไหน-ภาษาไหน จนยังไง ก็ต้องกิน

แล้วเห็นมั้ย สินค้าที่สร้างชื่อ สร้างกำไรให้ไทย มันก็คือ “สินค้าเกษตร”

ทั้งแปรรูป ทั้งไม่แปรรูป ประเทศไหนจะสมบูรณ์พร้อมเท่าไทยล่ะ?

ขาดอย่างเดียว ขาดผู้นำมีวิสัยทัศน์ที่มองทะลุ แล้วยกตำแหน่ง “อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก” ให้สินค้าเกษตร

แล้วกำหนดการวิจัย-พัฒนา “ด้านเกษตร” เป็นนโยบายหลัก ทุ่มงบประมาณพัฒนาคน พัฒนาการเกษตร ให้มันลือสนั่นลั่นโลกไปเลยว่า

ไทยคือฮับ “อาหาร-การเกษตร” ของโลก ของแทร่ร่ร่ร่ร่!

ไม่ใช่”ซอฟต์ พาวเวอร์” เห่ยๆ ที่ตัวเองเข้าไม่ถึง-ไม่เข้าใจ ก็ดำน้ำไปส่งเดช อย่างที่ทำ

๑๐ ปี เป็นเบื้องต้น แต่ก็แป๊บเดียวหละ จะเห็นหน้า-เห็นหลัง ว่าการเกษตรมันเป็นอุตสาหกรรมที่สุดจะเซ็กซี่ สร้างกำไรเป็นกระบุงโกยให้ประเทศ

ทุกวันนี้ คนต่ำศักดิ์ที่สุุด-จนที่สุด-เหนื่อยที่สุด คือ “ชาวไร่-ชาวนา-ชาวสวน-ชาวประมง”

คนสูงศักดิ์ที่สุด-รวยที่สุด-สบายที่สุด คือ “คนโกงกินชาติ-พ่อค้าสินค้าเกษตร-พ่อค้าออกสินค้าเกษตร-คนผลิตอาหารสำเร็จรูป”

มันตลกมั้ย ตอนหาเสียง เอะอะอ้างประชาชน อ้างเพื่อพี่น้องเกษตรกร ชาวไร่-ชาวนา

แต่พอได้เป็นรัฐบาล มีอำนาจกำหนดอนาคตประเทศ
ดันบอก “แจกเงิน “คือนโยบายหลัก”

การเกษตร ไม่น่าสนใจ ให้ผลกำไรต่ำ!

งบประมาณที่จัดสรรออกมา “ชาวไร่-ชาวนา-เกษตรกร”
จึงเหมือนตัวหนอน ตัวยึกยือ ไม่มีสัดส่วนอยู่ในแต่ละตัวเลขเขาลย

ที่พูดนี่ ใช่ว่าจะให้ละเลยอุตสาหกรรมเครื่องจักร แล้วตะบี้-ตะบันกับอุตสาหกรรมเกตรอย่างเดียว

มันไปด้วยกันได้ แต่ต้องวางตำแหน่งให้ถูก ในร่างหนึ่ง มีหัวใจเดียว แต่องค์ประกอบที่ไปด้วยกันอีกเป็นสิบ-เป็นร้อยอย่าง ที่ต้องมี

การวางตำแหน่งประเทศ ก็ทำนองนั้น ต้องวางตำแหน่งให้ต้องภูมิศาสตร์และสอดคล้องธรรมชาติมนุษย์ในสังคมนั้น

ไทยไม่เก่งด้านวิจัย ไม่มีโนว์ ฮาว เพราะไม่มีการสนับสนุนด้านนี้มาก่อน แต่เก่งด้านดัดแปลง พลิกแพลงให้ “โนว์ ฮาว” ปวดหัวได้

ไทยไม่เก่งด้านนำ แต่ด้านตาม แตกยอดตามได้วิจิตร-พิสดารเหนือต้นตำรับ

ไทยเก่งด้านบริการ ด้านศิลปศาสตร์ และด้านพัฒนาสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ทำได้ดีและเนียน

ไทยไม่เก่งด้านตำรา แต่ด้านทำได้เหนือตำรา ใครก็ไม่เก่งเท่าไทย ญี่ปุ่นยังต้องยกนิ้วให้กับฝีมือวิศวกร “รถไฟไทย”

ฝรั่ง เยอรมัน รัสเซีย เจอท่อสูบน้ำซิ่งของชาวนาไทย ยังร้องว้ายยย..ตกใจ ของยูใหญ่จริง อเมซิ่งที่สุด ก็ไทยนี่แหละ

จีน สอนวิศวกรไทยวางรางรถไฟความเร็วสูงไม่กี่ปี ร้อง “ไอ้หย่า..ลื้อเก่งเกินหน้าอั้วไปเลี้ยว”!

ต่อให้นาซ่า จากสหรัฐอเมริกาด้วย เจอบั้งไฟเงินล้านของไทย แทบย้ายฐานยิงจรวดมมอยู่อีสานเลย!

คนไทย เก่งทุกแบบ แต่ที่ไปไม่สุุด เพราะไม่มีการส่งเสริม-สนับสนุน ต่อแข้ง-ต่อขา จากภาครัฐ

นอกจากไม่ส่งเสริมแล้ว บางทียัง “ขัดขวางความเจริญ” ในด้านสติปัญญาของชาวบ้านด้วย!

ที่พูดกันว่า “ปรับโครงสร้างทั้งระบบ” อาจมองไม่เห็นภาพว่าจะปรับอะไร ตรงไหน?

บอกให้เลย ตรงกำหนด “จุดแข็ง” ประเทศ แล้วลง “เสาเอก” ก่อร่าง-สร้างฐาน-ต่อยอด จากตรงนั้นขึ้นไป

ตรง “ภาคเกษตร “นี่แหละ “จุดแข็ง” ของไทย

คำว่า “คนจน” พ้นภาคเกษตรตอนไหน ก็แสดงว่า ประเทศไทย “ไปถูกทาง” แล้ว ตอนนั้น!

เปลว สีเงิน
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗

Written By
More from plew
หุบกะพง “จน” ต้นแบบ “รวย”
ก่อนอื่น……… ขอกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษจาก “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ที่ข้าพระพุทธเจ้า ได้เขียนถึง “พระนาม” คลาดเคลื่อนไปเป็น “สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ในบทความเรื่อง...
Read More
0 replies on ““เกษตร” ในทัศนะ “เศรษฐา” #เปลวสีเงิน”