ปรากฏการณ์ “ก่อนลับฟ้า” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“การเมือง” ตอนนี้ ทั้ง “ฝ่ายรัฐบาล” และ “ฝ่ายค้าน”
สู่โหมด “ป่าช้าแตก”!
ฉะนั้น วันนี้ ไม่คุย แต่จะบอก “รอยแยก” จากการเมืองเขยื้อนตัวช่วงนี้

ฝ่ายรัฐบาล หลังทักษิณตกเป็นจำเลยคดี ๑๑๒ อัยการนัดนำตัวส่งฟ้องศาลวันที่ ๑๘ มิย.
เพื่อไทย “ออกตัวแรงทันที” ดันกฎหมาย “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” เข้าสภา ชนิดไม่แคร์แดมน์
มั่นใจ…ยังไงก็ผ่าน

เพื่อไทย-ก้าวไกล “๒ พรรค” ยกมือก็เหลือแล้ว ไม่จำเป็นต้องแยแสเสียง “พรรคร่วม”!
เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้อง รวมกันตี “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ก็ต้องคืนคราบแท้

ไหนๆ จะเสีย ในเมื่อ “ไม่มีอะไรจะต้องเสีย” อีกแล้ว
จะต้องกระมิด-กระเมี้ยนอยู่ทำไม มันก็ต้องจับมือ “ลุยแหลก” ไปด้วยกันเท่านั้น!

เพื่อไทย ทั้งนายกฯ ตัวจริงและนายกฯ หุ่น ร่องแร่งทั้งคู่ ทักษิณ ชะตาแขวนศาลอาญา ส่วนเศรษฐา ชะตาต่องแต่งอยู่ศาลรัฐธรรมนูญ

ก้าวไกล “ทั้งพรรค-ทั้งพิธา” ตอนนี้ ยื่นคำแก้ข้อกล่าวหาในคดียุบพรรค สู่ขั้นตอนศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว

๑๒ มิ.ย.รู้แน่ ว่าศาลฯ จะนัดฟังคำวินิจฉัยวันไหน!?

ดังนั้น ทั้งเพื่อไทยและก้าวไกล ตอนนี้จึง “ดิ้นแรง”

เพื่อไทย ดิ้น “เหมาเข่ง” เพื่อทักษิณหลุดคดี ๑๑๒

ส่วนเพื่อเศรษฐา ไม่เห็นมีใครในพรรคออกมาดิ้นให้เลย

ก้าวไกล รู้ชะตา “ยุบแน่”
ไม่รู้จะกวนโอ๊ยใคร กวนทหารนี่แหละถูกที่ เผื่อรำคาญขยับเขยื้อนอะไร มันจะได้เข้าทางเสรีภาพ “สามสัส-สามกีบ”

ก็ฟาดหางใส่ป๊าบ..ป๊าบ ถ้าไม่ออก ถือว่า ได้ด่าฟรี

อย่างวันที่ ๓ มิ.ย.นางเอกก้าวไกล “อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” โพสต์ด้วยลีลา แซบมากค่ะ…แม่

ไม่ใช่กิจของทหารเที่ยวเดินสายไปอบรมครูอบรมเด็กให้รักชาติ ภารกิจหลักไม่มีทำก็รีบลดขนาดกองทัพอย่าฝืนโลก
#ปฎิรูปกองทัพ
…………………………..

๔ มิ.ย.พระเอกตัวพ่อก้าวไกล “ศ.ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ” รำสำทับเป็นดาบสอง

The Subject of History in Thailand
วิชาประวัติศาสตร์ เป็นวิชาที่ค่อนข้างน่าเบื่อหน่ายในเมืองไทย ไม่ค่อยมีคนอยากจะเรียนกันมากนัก เมื่อเทียบกับวิชาอื่น ๆ

แต่ก็เป็นวิชาที่ผู้กุมอำนาจรัฐ พยายามเข้ามาควบคุม กำหนดหัวข้อ ทั้งในการเรียนการสอน โดยอย่างยิ่งเฉพาะในระดับโรงเรียน ประถม มัธยม

กล่าวโดยย่อวิชาปวศ.รวมทั้งแบบเรียนปวศ.ในระดับก่อนอุดมศึกษา จึงขาดอิสระเสรีภาพทางวิชาการ

กลายเป็นวิชาท่องจำ ชื่อราชธานี บรรดานามกษัตริย์ ความสามารถเก่งกาจของผู้นำ และปีพุทธศักราช

ในขณะเดียวกัน วิชาปวศ.ก็ขาดมิติทางสังคม ขาดมิติทางวัฒนธรรม ขาดเรื่องราวของผู้คนธรรมดาๆ สามัญชน
ขาดความหลากหลายทางชาติพันธุ์/เพศสภาพ

ว่าไปแล้ว วิชา ปวศ.ของไทยน่าจะเปนวิชาที่ด้อยพัฒนาที่สุด และน่าเชื่อว่าถ้ายังตกอยู่ในเงื้อมมือราชการอย่างที่เป็นมา

โดยเฉพาะอยู่ในมือของหน่วยราชการความมั่นคงแล้ว
วิชา ปวศ.คงไม่มีทางที่จะพัฒนาขึ้นมาได้ และคงเป็นวิชา ที่ถูกผูกขาดอยู่ตลอดไป

ครับ นักคิดนักเขียนนามกระเดื่อง จอร์จ ออร์เวลล์ ผู้เขียน 1984 กล่าวไว้ว่า (๒๕๒๗)

Who controls the past controls the future.
HealthSupportmag.com
Who controls the present controls the past.

ซึ่งขอแปลงเป็นภาษาไทย ดังนี้

ผู้ใดยึดกุมอดีตไว้ได้ ผู้นั้นจะยึดกุมอนาคต
ส่วนผู้ยึดกุมแต่ปัจจุบัน ก็จะยึดได้เพียงแค่อดีต

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ของการต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยที่เราไม่ทราได้ว่า จะจบลงอย่างไรนั้น

แต่ถ้าหากว่าฝ่ายที่ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพเสมอภาคได้รับชัยชนะ จะเปิดโอกาสให้วิชาประวัติศาสตร์หลุดออกจากโซ่ตรวนที่พันธนาการอยู่ ได้หรือไม่?
……………………………

ก็เข้าใจนะ เมื่อจะพาลให้มีเรื่องทั้งที ถ้าไม่ดึงทหารลงโคลนด้วย มันก็จะตะโกนคำว่า “เผด็จการทหาร” ได้ไม่เต็มปากน่ะซี

โถ…หมดท่า ถึงขั้นงัดมุก “อันธพาล” ใส่ทหารดื้อๆ แบบนี้แล้วหรือนี่?

เรื่อง “ยุบพรรค” ก้าวไกล กระชั้นเข้ามามากเท่าไหร่ ดูจากอาการแล้ว “ก้าวไกล” น่าจะรู้อนาคตตัวเองแล้วว่า
จะลงเอยแบบไหน?

เพื่อดับ “ทุรน-ทุราย” ในหัวใจ อยากรู้ผลจะออกมาแบบไหน ความจริงรู้ได้ และควรรู้แล้วด้วยซ้ำ ถ้าจำ “ต้นเรื่อง” จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ ๓๑ มกรา.๖๗ ได้

คดี “ยุบพรรคก้าวไกล” ที่ใกล้จะตัดสินนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจาก “คำวินิจฉัย” ศาลฯ นั้น

ต่อมา ๑๒ มี.ค.๖๗ กกต.เดินตามขั้นตอนกฎหมาย จากเงื่อนไขตามคำวินิจฉัยศาลฯ
กกต.ประชุมกัน แล้วมี “มติเอกฉันท์”

เสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “ยุบพรรคก้าวไกล” และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค

สรุปก็คือ นายพิธาและพรรคก้าวไกล
“ผิดหรือไม่ผิด” ศาลรัฐธรรมนูญด้วย “มติเอกฉันท์” มีคำวินิจฉัยไว้แล้ว

ก็เพราะผลจากคำวินิจฉัยนั้นแหละ
กกต.จึงต้องปฎิบัติตามขั้นตอน เสนอเรื่องสู่ขั้น “ยุบพรรค” ต่อศาลฯ

นั่นคือ พิธา-ก้าวไกล “ผิด-ไม่ผิด” อ่านคำวินิจฉัยด้วย “มติเอกฉันท์” ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อมกรา.ก็ตอบตัวเองได้

เมื่อวาน (๕ เมย.๖๗) ผลคืบหน้า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มีเอกสารข่าวออกมาว่า

ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่น่าสนใจของประชาชน เรื่องพิจารณาที่ 10/2567

กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ “กกต.” (ผู้ร้อง)โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง

ยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้อง) มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 – มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1)และ (2)

ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง
เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง

และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่

หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนดสิบปี
นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 – มาตรา 92 วรรคสองและมาตรา 94 วรรคสอง

อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกล ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา 3 ครั้ง

ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาทั้ง 3 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน
ซึ่งจะครบกำหนดยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในวันที่ 2 มิ.ย.2567 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ

โดยผลการพิจารณาพรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 4 มิ.ย.2567
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหารวมไว้ในสำนวน ส่งสำเนาคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาให้ กกต.ทราบ และกำหนดนัดพิจารณาต่อไป ในวันที่ 12 มิ.ย.2567

ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ……..
ก่อนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย คู่กรณีไม่สมควรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีที่เป็นการชี้นำสังคมอันอาจกระทบต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล

ครับ….
น่าจะ “พอเห็น-พอเข้าใจ” กันแล้วนะว่า อนาคตนายพิธาและก้าวไกล จะจบแบบไหน?

เพราะรู้อนาคตตัวเองแล้วนั่นแหละ คณะก้าวไกล จึงเรียงแถวฟาดงวง-ฟาดงา ซึ่งศาลฯ ท่านก็เตือนแล้ว

“ระยะนี้ไม่สมควรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีที่เป็นการชี้นำสังคม”

แต่ยิ่งว่า เหมือนยิ่งยุ เห็น “นายพริษฐ์-ไอติม” ทำเท่ แอกชั่นสวนศาลฯ ว่า

๙ มิย.เขาก็จะแถลงข่าวเรื่องนี้ตามเดิม เขาบอกว่า “การแถลง ไม่ได้มีส่วนที่จะกดดันศาล”

ก็เอาตามที่พี่ชอบเหอะ เมื่อพระเอกออกฉาก เพราะเขาอยากดัง

ผมก็ขอ “หลบฉาก” แง้มดูละกัน!

เปลว สีเงิน
๖ มิถุนายน ๒๕๖๗

Written By
More from plew
รัฐบาล “ชักกระตุก” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน อาการ “ก่อนพัง” เป็นยังไง? ใครไม่เคยเห็น ก็ดูไว้ซะ “รัฐบาลเศรษฐา ๒” นี่แหละ! ๒๘ เม.ย.๖๗...
Read More
0 replies on “ปรากฏการณ์ “ก่อนลับฟ้า” – เปลว สีเงิน”