ผักกาดหอม
การเมืองหลังจากนี้ อาจวนลูปเข้าสู่จุดเดิม คือ…แทบจะฆ่ากัน แล้วมีกรรมการมาแยก
จากนั้นมีคนโทษแต่กรรมการ กลับไม่ไปเอาผิดกับคนที่ยุให้คนฆ่ากัน
กำลังพูดถึงพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมครับ
กฎหมายที่นักการเมืองบอกว่า มีเพื่อลดความขัดแย้ง แต่เนื้อในคือการสร้างเงื่อนไขให้ประชาชนแบ่งฝักฝ่าย
สุดท้ายก็รบกันเองเหมือนที่เคยเกิดในรอบ ๒ ทศวรรษที่ผ่านมา
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ
วานนี้ (๓ มิถุนายน) มีข่าวใหญ่มาจากพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องเหนียมไม่ต้องอายอะไรกันแล้ว
พรรคเพื่อไทยจะเข็นร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่รวมคดี ม.๑๑๒ ด้วย เข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในสมัยประชุมที่จะเปิดเร็วๆ นี้
คนให้สัมภาษณ์คือ “นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์” สส.บัญชีรายชื่อ เป็นหนึ่งในกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โควตาพรรคเพื่อไทย
“…โดยความเห็นส่วนตัว ยอมรับว่า การเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของเพื่อไทย เข้าสภาฯ ก็เกรงเหมือนกัน เพราะเวลาพรรคเพื่อไทยจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบนี้ทีไรดังทุกที คนอื่นจะมาบอกว่าทำเพื่อท่านทักษิณ อีกแล้ว ยิ่งตอนนี้ท่านทักษิณ ก็โดนคดีมาตรา ๑๑๒ ไปแล้ว แต่ยืนยันว่าจริงๆ ไม่ใช่
แต่เราเห็นแก่เด็ก และพวกคนรุ่นใหม่ ที่ติดอยู่ในคุก บางคนตายก็มี เราต้องรีบช่วยเยาวชนของเรา เพื่อให้ทัศนคติที่ยังเห็นไม่ตรงกันไม่กระจายออกไป จนกลายเป็นความขัดแย้ง
ปีนี้เป็นปีมหามงคล ก็เขียนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบกว้างๆ ไว้ และมีผลกับคนที่เกี่ยวข้อง
บางอย่างอาจมีเงื่อนไขเขียนไว้บ้าง ก็จะได้เป็นประโยชน์กับสถาบันฯ ด้วย ไม่อย่างนั้นก็ตีกันไปตีกันมา มาบอกทำเพื่อทักษิณ ทำเพื่อพวกพ้อง พวกนี้ไม่จงรักภักดี
ส่วนอีกพวกก็ว่าโหนเจ้า ว่ากันไปว่ากันมา ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติว่า ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เพราะฉะนั้น ในฐานะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ก็ต้องเกิดในช่วงปีมหามงคล ทุกคนจะได้ลดทิฐิ พวกโหนเจ้า อ้างเจ้า จะได้พูดไม่ออก
กับอีกพวกหนึ่งคือพวกจะล้มเจ้า ก็จะได้พูดไม่ออกเหมือนกัน ต้องเอาความจริงมาคุยกัน เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สามารถแก้ไขกันได้
เรื่องมาตรา ๑๑๒ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน รวมถึงมาตรา ๑๑๖ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง หากจะให้มีการนิรโทษกรรมรวมไว้ด้วย เรื่องเหล่านี้ต้องมาคุยกัน เพราะเวทีสภาฯ เป็นเวทีที่มาพูดคุยกัน
โดยหากคนทำผิดไปแล้ว มีการตัดสินไปแล้ว ก็ควรให้อภัย นิรโทษกรรมว่ากันไป เพียงแต่อาจต้องเขียนเงื่อนไขไว้ในกฎหมาย เช่นหากได้รับการนิรโทษกรรมแล้ว ออกไปแล้วอย่ากระทำผิดซ้ำอีก โดยอาจมีการระบุช่วงเวลาไว้กำกับด้วย เช่นหลังจากได้รับการนิรโทษกรรมแล้วในช่วงเวลากี่ปี ห้ามกระทำผิดซ้ำอีก…”
“…เรื่อง นิรโทษกรรมคดี 112 เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ก็ต้องมาคุยกันว่าจะเขียนอย่างไร…”
“…หากว่า คดียังไม่ได้ตัดสินว่าผิด ก็ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แบบนี้ก็ตรงไปตรงมาเลยว่า คดี ๑๑๒ ที่คดียังไม่ถึงที่สุด หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ก็ให้ยกเลย ประมาณนี้ก็ได้
หรือว่าหากเป็นคดีที่ยังไม่มีการตัดสิน อยู่ระหว่างดำเนินการทางคดี แล้วคดีที่บุคคลโดนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนถูกกล่าวหา แบบนี้ก็ให้คณะกรรมการนิรโทษกรรม ที่มีการเสนอให้มีการตั้งขึ้นมาเพื่อมาดูเรื่องการนิรโทษกรรม ก็ให้กรรมการนิรโทษกรรมมาช่วยกลั่นกรองวินิจฉัยก่อน จะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา
โดยพิจารณาเป็นรายๆ ไป
เพราะบางคนเขาแค่ถูกกล่าวหาเฉยๆ ก็ให้ส่งเรื่องไปให้กรรมการนิรโทษกรรมพิจารณา เพราะบางคนก็โดนทั้ง ๑๑๒ และ ๑๑๖ เรียกว่าซัดเข้าไปเต็มเปาเลย…”
“…จำเป็น ไม่อย่างนั้นมันก็คาราคาซัง แล้วเด็กที่ถูกดำเนินคดี ๑๑๒ ก็มีเยอะ เขาจะได้เป็นไท จะได้เรียนหนังสือ และดำเนินชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น
เช่นไปเรียนต่อ ไปหางานทำ ไม่ใช่มาให้ติดอยู่ในคุก แบบนี้มันไม่ได้ ต้องมาเวียนวนอยู่แบบนี้ ก็สงสาร เห็นใจเด็ก
มันต้องก้าวข้าม ถ้าไม่ก้าวข้ามไม่ได้ เยาวชนคืออนาคตของชาติ ต้องก้าวข้ามไป…”
“…ก็ควรให้แล้วเสร็จ เพราะเป็นปีมหามงคล ก็ควรเสร็จในปีนี้…”
ยกมาให้อ่านยาวๆ เพราะก่อนนี้พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีความชัดเจนว่าจะนิรโทษกรรม ผู้กระทำผิด ม.๑๑๒ ด้วยหรือไม่
แต่หลัง “นักโทษชายทักษิณ” ถูกอัยการสั่งฟ้องคดี ม.๑๑๒ พรรคเพื่อไทยก็เปลี่ยนท่าทีกะทันหัน
คงเพราะประเมินดูแล้ว “นายใหญ่” ไม่น่าจะรอด!
แม้ “นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์” จะอ้างว่าเป็นความเห็นส่วนตัว
แต่การมีตำแหน่ง กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของ “นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์” ก็ไม่มีใครเหมาะที่จะพูดมากกว่านี้อีกแล้ว
จะบอกเป็นการโยนหินถามทางก็ได้
แต่เป็นหินก้อนใหญ่แทบจะปิดแม่น้ำทั้งสายเลยทีเดียว
คำให้สัมภาษณ์ของ “นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์” ไม่ใช่นึกเดี๋ยวนั้นพูดเดี๋ยวนั้นแน่นอน แต่ผ่านการกลั่นกรองมาระดับหนึ่ง
และการแอบอ้าง “ปีมหามงคล” ไม่ต่างไปจากมัดมือชก ให้ทุกฝ่ายต้องเห็นด้วยกับรัฐบาลเพื่อไทย
ดูเหมือนว่า “นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์” ไม่เข้าใจสถานการณ์ หรือแสร้งไม่เข้าใจว่า บุคคลที่ต้องคดี ม.๑๑๒ นั้น ส่วนใหญ่เจตนาทำผิด
และทำผิดซ้ำซาก
บางรายโดนนับสิบคดี
แม้กระทั่ง “นักโทษชายทักษิณ” เองก็ทำผิดซ้ำซาก หากจะร้อง ม.๑๑๒ กันจริงๆ จะโดนมากกว่านี้
เยาวชนที่ “นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์” อ้างถึงคือใคร
หากเป็น แก๊งทะลุวัง ก๊วนสามนิ้ว ไม่ว่าจะเป็น แบม ตะวัน เพนกวิน รุ้ง และอีกหลายๆ คนที่อยู่ระหว่างได้ประกันตัว และหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว เด็กกลุ่มนี้ มิได้ปรารถนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แต่เป็นระบอบอื่นที่ไม่มีพระมหากษัตริย์!
แล้วอะไรที่เป็นประโยชน์กับสถาบันฯ
ตรงไหนคือการก้าวข้าม
แน่นอนครับ หากพรรคเพื่อไทยยืนยันแล้วว่าจะเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่งภาค ๒ ก็เป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้
และเชื่อว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะผ่านสภาด้วยเสียงข้างมากโดยพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล
ที่ต้องเตือนไว้คือ สมการรัฐบาลก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน
พรรคเพื่อไทย บวกกับ ก้าวไกล สามารถเอาชนะในสภาฯ ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่จะแพ้นอกสภาฯ
บทเรียนมีมาแล้วหากไม่รู้จักจำ มันจะย่ำรอยเดิม
ถ้ายังไม่หยุดทำเพื่อคนคนเดียว มันจะล้มทั้งกระดาน
เคยโดนมาแล้วจำไม่ได้เหรอ
