2 มิถุนายน 2567 นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ออกมาโต้ นายสมศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการสมาคมราชวิทยาลัย และเครือข่ายภาคประชาสังคม ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด YNAC (Youth Network Against Cannabis) ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านไม่เอากัญชาตั้งแต่ต้น
ไม่นำบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกัญชา อาทิ แพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้าน ผู้ป่วยที่ใช้กัญชาเพื่อรักษาตัวเอง หรือแพทย์แผนปัจจุบันที่รู้คุณประโยชน์และนำมารักษาผู้ป่วย มาร่วมแสดงความคิดเห็น ฟังความด้านเดียว ไม่รับฟังข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข ที่เข้าใจเรื่องกัญชา สร้างความอึดอัดต่อข้าราชการประจำในกระทรวง
นายศุภชัย กล่าวว่า การนำกลุ่มต่างๆ ที่ไม่เอากัญชา มาร่วมรับฟังความคิดเห็น เป็นการผิดหลักการรับฟังความคิดเห็นแบบมีส่วนร่วมของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย โดยแทนที่ จะฟังความรอบด้านจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับกัญชาทั้งหมด ข้อมูล ผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศที่ยอมรับได้ในเรื่องกัญชา ที่ใช้เพื่อการรักษาโรค เพื่อสุขภาพ
มีแพทย์แผนไทย ที่เห็นประโยชน์ของกัญชา หมอพื้นบ้านนำกัญชามารักษาผู้ป่วย มีงานวิจัยจำนวนมากที่เกี่ยวกับข้องกับกัญชามารักษาโรค วิจัยด้านกัญชาเพื่อสุขภาพและทางเศรษฐกิจ การนำบุคคลที่ไม่เอากัญชามาแสดงความคิดเห็นจึงไม่เป็นธรรม เพราะกลุ่มดังกล่าวชอบเอาตำรา เอาทฤษฎี มาข่มเหง บังคับ กระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติการในพื้นที่
ต้องยอมรับว่า กัญชาเป็นนโยบายตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา และรัฐบาลปัจจุบันที่แถลงไว้เพื่อการแพทย์ เพื่อสุขภาพ และเศรษฐกิจ จู่ๆจะเอาไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ที่บอกว่าค่ารักษาคนที่ป่วยกัญชาสูงขึ้นจาก 3,000 ล้านบาท มาเป็น 20,000 ล้านบาท ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ เอาข้อมูลนี้มาจากไหน จากสปสช.หรือกระทรวงสาธารณสุข ปัจจุบันกัญชาอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติใช้ 30 บาท ได้ มีผู้ใช้อยู่จะตอบคนไข้ผู้เป็นเจ้าของประเทศอย่างไร
การที่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูลได้ออกประกาศเรื่องกัญชาเป็นการดำเนินการตามกฏหมาย ตามนโยบายรัฐบาลและเจตนารมย์ของประมวลกฎหมายยาเสพติดที่ปลดล็อคกัญชาจากการเป็นยาเสพติดของพระราชบัญญัติยาเสพติด 2522 มิใช่การออกประกาศตามอำเภอใจ ช่วงนั้นคณะกรรมการยาเสพติดก็เห็นด้วยกับการปลดล็อค
ซึ่งท่านสมศักดิ์ก็เป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมก็เห็นด้วย ผ่านมาไม่นาน จู่ๆท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์จะออกประกาศเพื่อยกเลิกประกาศดังกล่าวจึงไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมายและสวนทางกับนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาเพราะประมวลกฎหมายยาเสพติดมีศักดิ์สูงกว่าประกาศกระทรวงที่รัฐมนตรีเตรียมจะออก จึงฝากท่านได้โปรดพิจารณาทบทวนข้อกฎหมายให้ดีๆอย่าทำผิดกฏหมาย
สิ่งที่ประชาชนอยากรู้ก็คือตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีการสนับสนุนส่งเสริมและวิจัยในการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และเห็นประโยชน์จากกัญชา ซึ่งท่านน่าจะสอบถามความเห็นจากกระทรวงสาธารณสุขได้แต่ดูเสมือนว่าท่านกลับฟังราชวิทยาลัยทางการแพทย์ซึ่งมีอคติกับกัญชามาตั้งแต่ต้นโดยไม่ได้นำความเห็นของหน่วยงานที่ท่านกำกับมาพิจารณาเลย
ขณะนี้ทั้งโลกได้เห็นประโยชน์ของกัญชา หลายประเทศจึงปลดล็อกกัญชาเพิ่มมากขึ้นเช่นเยอรมนี สหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ได้ปรับระดับกัญชาจากอยู่ประเภทเดียวกับเฮโรอีนก็เหลือเพียงเท่ากับยาโด๊ปของนักกีฬา นอกจากนี้ยอดขายกัญชาในประเทศสหรัฐมีมูลค่ามากกว่าสุราและบุหรี่ เหตุผลเพราะคนอเมริกันเห็นว่ากัญชามีประโยชน์จึงลดการดื่มสุราและสูบบุหรี่หันมาใช้กัญชา
สิ่งที่ท่านต้องชี้แจงให้ชัดเจนก็คือค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่และจำนวนเท่าใดที่เกิดจากผู้ป่วยจากการใช้กัญชายุคนี้เป็นยุคที่ข้อมูลข่าวสารเปิดกว้างประชาชนสามารถเข้าถึงดังนั้นท่านต้องชี้แจงโดยละเอียดไม่ใช่มากล่าวอ้างกันลอยๆ
เวลานี้ยาบ้าและบุหรี่ไฟฟ้าเกลื่อนเมือง ท่านควรหามาตรการป้องกันการเข้าถึงของเยาวชนดีกว่า แทนที่จะมาทำเรื่องกัญชา
จึงขอเรียกร้องว่า 1.ขอให้ฟังความรอบด้านอย่าฟังความด้านเดียวจากฝ่ายที่ต่อต้านกัญชา 2.วิธีการที่ดีที่สุด มีช่องโหว่และว่าง มีการเข้าถึงกัญชาโดยเฉพาะเยาวชนและที่สำคัญต้องออกพรบ.เพื่อคุมเข้ม ซึ่งอดีตรัฐมนตรีหมอชลน่านก็เคยดันผละกดันพรบ.แล้ว
วันนี้เหมือนท่านทุบโต๊ะสั่งขัาราชการกระทรวงสาธารณสุข ในอดีตข้าราชการเหล่านี้ก็เห็นด้วย ประเทศไทยไม่ใช่ใช่เผด็จการ วันนี้เป็นประชาธิปไตย ทำพรบ.เพื่อให้ประชาชน นับ 5 ล้านคนได้ใช้ จึงขอร้องให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติด คณะกรรมการปปส.ช่วยออกมาทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน