ไม่ว่าใครก็ไม่อยากปล่อยให้ตัวเองดูแก่กว่าวัย แล้วเรื่องไม่ยอมแก่นี่ล่ะค่ะ คงจะต้องยกให้สาวๆ กันเลย ก็ไม่ว่าสาวคนไหนก็อยากที่อยากจะดูสาว ดูสวยอยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมแพ้ให้กับตัวเลขของวัยที่เพิ่มขึ้นมาในทุกขณะ แม้ว่าหลายๆ ครั้ง อายุอาจจะขึ้นเลขหลายหลักกันไปแล้วก็ตาม แต่จะทำอย่างไรดี เมื่อสภาพร่างกายเปลี่ยนไปตามวันเวลา และริ้วรอยต่างๆ เริ่มถามหา ไลฟ์เซ็นเตอร์บล็อก จึงมีความรู้ดีๆ เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายทำให้เราอยู่แบบแข็งแรงๆ และนานๆ มาฝากกันค่ะ
หยุดผิวเหี่ยวย่น
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น น้ำหล่อเลี้ยงผิวก็ลดลง ทำให้ผิวไม่เต่งตึงเหมือนดังก่อน “เต้าหู้” ขาวๆ อวบๆ นี่ล่ะค่ะช่วยได้ เพราะเต้าหู้มีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง มีส่วนช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่ม ผิวพรรณผ่องใส ช่วยหยุดยั้งผิวที่ซีดเซียว เหี่ยวแห้งให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
หยุดผมขาวไม่น่ามอง
ผมที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปทีละเส้น อาจเป็นปัญหาที่คอยบั่นทอนความมั่นใจของคุณสาวๆ การย้อมผมอาจเป็นตัวช่วยหนึ่ง แต่อีกทางเลือกหนึ่งที่ดีไม่แพ้กันคือ การรับประทาน “วอลนัท” เพราะวอลนัทอุดมไปด้วย ทองแดง และทองแดงนี้จะช่วยคงสภาพสีผมของคุณไม่ให้เปลี่ยนสีก่อนวัยอันควร
หยุดสายตาฝ้าฟาง
ปัญหาเรื่องสายตาเป็นปัญหาอันดับต้นๆ เลยนะคะ สำหรับผู้ที่มีอายุเพิ่มขึ้น ซึ่งการดูแลรักษาดวงตานั้นเราควรเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ ลองเลือกผลไม้ที่มีประโยชน์ตามนี้ค่ะ ผลไม้ที่จะช่วยบำรุงสายตาได้แก่ผลไม้ในตระกูลเบอรี่ โดยเฉพาะ “บลูเบอรี่” ค่ะ เพราะผลสีม่วงๆ ของบลูเบอรี่จะมีแอนโทไซยานิน (anthocyanin) อยู่ และสารนี้เองล่ะค่ะที่ช่วยในเรื่องของการมองเห็น หรือจะเลือกทานคู่กันกับ “แอปริคอท” ก็ได้ เพราะในแอปริคอทนั้นอุดมไปด้วยสารเบตาแคโรทีน ที่ช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตาค่ะ
หยุดอาการหลงๆ ลืมๆ
เดี๋ยวลืมโน่น ลืมนี้ ขนาดแว่นที่กำลังใส่อยู่ยังลืมได้… ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเซลล์สมองเสื่อมถอยไปตามกาลเวลา แต่เราสามารถยืดอายุสมองให้ยาวนานได้ด้วยการรับประทาน “มะเขือม่วง” เพราะในเปลือกของมะเขือม่วงอุดมไปด้วยนาซูนิน (nasunin) สารที่มีคุณสมบัติในการช่วยปกป้องเซลล์สมองของเราจากการถูกทำลาย เพื่อคงความปราดเปรื่องของสมองเราไว้ค่ะ
เมนูง่ายๆ ใกล้ๆ ตัว หารับประทานได้ทั่วไปแบบนี้ล่ะค่ะ ที่ช่วยคงความอ่อนเยาว์ของทั้งผิว ผม สายตา รวมทั้งสมองของเราให้อ่อนเยาว์และมีอายุยืนยาว อย่าลืมนำไปใช้กันด้วยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไลฟ์เซ็นเตอร์บล็อก https://lifecenterthailand.wordpress.com