ผักกาดหอม
คนเขาสงสัย…
ระหว่างการคุมประพฤติ นักโทษ จะต้องปฏิบัติตนอย่างไร?
ทำอะไรได้ หรือไม่ได้บ้าง
ตามระเบียบ ช่วงระหว่างการคุมประพฤติ จะมีเจ้าพนักงานคุมประพฤติหรืออาสาสมัครคุมประพฤติไปเยี่ยมที่บ้านของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัว เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำ ดูแลช่วยเหลือสงเคราะห์เมื่อมีปัญหา
โดยที่ ผู้ถูกคุมประพฤติจะต้องประพฤติปฏิบัติตามเงื่อนไข ๘ ข้อที่กำหนดไว้ หากประพฤติผิดเงื่อนไข จะถูกนำตัวกลับมาคุมขังไว้ในเรือนจำตามเดิม และจะถูกลงโทษทางวินัยด้วย
เงื่อนไข ๘ ข้อ มีดังนี้
๑.จะต้องพักอาศัยอยู่ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับเรือนจำ
๒.ห้ามออกนอกเขตท้องที่ที่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต
๓.ห้ามประพฤติตนเสื่อมเสีย เช่น เล่นการพนัน ดื่มสุรา ยาเสพติด และกระทำผิดอาญาขึ้นอีก
๔.ประกอบอาชีพโดยสุจริต
๕.ปฏิบัติตามลัทธิศาสนา
๖.ห้ามพกพาอาวุธ
๗.ห้ามไปเยี่ยมบ้านหรือติดต่อกับนักโทษอื่นที่ไม่ใช่ญาติ
๘.ให้ไปรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติเรือนจำ เจ้าพนักงานปกครอง หรือหัวหน้าสถานีตำรวจทุกเดือน
ถ้าผู้ได้รับการปล่อยตัว ประพฤติตนตามเงื่อนไขด้วยดีตลอด ก็จะได้รับใบบริสุทธิ์ และพ้นโทษไปตามคำพิพากษา เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติสืบต่อไป
“นักโทษชายทักษิณ” ได้รับการพักโทษ ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ เช้ามืดวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์
๑๘ มีนาคมครบ ๑ เดือนต้องไปรายงานตัว ต่อพนักงานคุมประพฤติเรือนจำ เจ้าพนักงานปกครอง หรือหัวหน้าสถานีตำรวจ
ไปแบบไม่ค่อยจะเป็นข่าว มีการปิดมิดชิด ไม่เห็นหน้าเห็นตา ผิดกับตอนไปเชียงใหม่ช่วงวันที่ ๑๔-๑๖ มีนาคม เอิกเกริกราวพระยาเหยียบเมือง
เย็นวันที่ ๒๔ มีนาคม “นักโทษชายทักษิณ” สำรวจเรตติง ไปตัดผมที่ตึกแถวย่านสถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง
เห็นว่าแฟนคลับขอถ่ายรูปกันเกรียว
เจ้าตัวบอกว่า ได้สอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์เงินเดือน และลูกจ้างในย่านนั้น รวมถึงถามว่าย่านสีลมตอนนี้เป็นอย่างไร มีนักท่องเที่ยวเยอะมากขึ้นหรือไม่?
และได้แสดงความห่วงใยและสอบถามถึงสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ก็ธรรมดาครับคนหนีคดีโกงไปตั้ง ๑๗ ปี ทำให้ข้อมูลขาดตอน
อยากให้ “นักโทษชายทักษิณ” ไปสำรวจให้ทั่วประเทศนะครับ
ลองไปถามแถวๆ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยว่า ความเป็นอยู่สุขสบายดีหรือเปล่า เพราะสัปดาห์ที่แล้ว ครบรอบเหตุการณ์ ๒๐ ปีตากใบ ผู้ก่อความไม่สงบก่อเหตุกว่า ๓๐ จุด
สมควรไปครับ สนับสนุนเต็มที่
แต่วันนี้ (๒๖ มีนาคม) ไปพรรคเพื่อไทย
นึกถึงอนาคตของ หมอใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ กับ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ บ้าง เพราะชีวิตราชการอาจจบไม่สวย หาก “นักโทษชายทักษิณ” ที่ทั้งคู่ประเมินว่าเป็นผู้ป่วยช่วยตัวเองแทบไม่ได้ เดินในบ้านยังลำบาก แต่กลับชีพจรลงเท้า
เริ่มเดินลงถนนการเมืองอย่างเป็นทางการ หลังแอบอยู่เบื้องหลังมานาน
นักโทษชาย ไปให้ สส. รัฐมนตรี คารวะ เป็นเรื่องเหมาะควรหรือไม่
อะไรคือแบบอย่างที่ดี!
และกรมคุมประพฤติได้อนุญาตให้ “นักโทษชายทักษิณ” ไปพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะมีเงื่อนไขห้ามออกนอกเขตท้องที่ที่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทำไมการไปพรรคเพื่อไทยของ “นักโทษชายทักษิณ” เป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควร
ประการสำคัญเลย…นักโทษนายนี้ ถูกศาลสั่งจำคุกคดีคอร์รัปชันหลายคดี และก่อคดีขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พรรคการเมืองที่ต้อนรับ และนับถือ นักโทษคดีแบบนี้ แสดงว่าพรรคการเมืองนั้นมีวิธีคิด ที่ภาษากฎหมายเรียกว่า “สันดาน” ไม่ต่างกัน
เรื่อง “นักโทษชายทักษิณ” ครอบงำพรรคเพื่อไทย อาจเป็นเหตุให้พรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค เพราะทำผิดรัฐธรรมนูญ เลิกคิดได้เลยครับ
เป็นไปไม่ได้
เพราะหากเป็นไปได้ พรรคเพื่อไทยถูกยุบนานแล้ว
ไม่ได้เชียร์เพื่อไทยนะครับ
แต่เพราะ “นักโทษชายทักษิณ” ครอบงำพรรคเพื่อไทย อย่างโจ่งแจ้งมานานแล้ว ไม่เห็นว่าพรรคเพื่อไทยจะเดือดร้อนอะไร แถมยังได้ใจ ยกให้นักโทษเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของพรรคอีก
มันต้องมีจิตใจแบบไหน ถึงได้ยกให้ นักโทษคดีคอร์รัปชัน เป็นศูนย์รวม
เรื่องนี้คนในพรรคเพื่อไทยคงไม่คิด
แต่คนที่เขาแยกดีเลวได้เขาคิด
ปีที่แล้ว นายกฯ เศรษฐา ไปงานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ร่วมแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านคอร์รัปชันร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกองค์กรทุกภาคส่วน
ปาฐกถาตอนหนึ่งว่า
“…ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน นอกจากที่จะทำให้เกิดความเสียหายโดยตรงต่อภาครัฐแล้ว ยังทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่ทำให้เศรษกิจไทยถดถอย และมีผลต่อเนื่องไปสู่ปัญหาการขับเคลื่อน GDP ของประเทศอีกด้วย เพื่อที่จะขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันให้หมดไป ทางรัฐบาลมีนโยบาย ทั้งด้านการใช้หลักนิติธรรม หรือ Rule of Law ที่เข้มแข็ง และนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในกระบวนการต่างๆ ของภาครัฐ ทำให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล ซึ่งจะช่วยพี่น้องประชาชนได้ทั้งความโปร่งใส และการให้บริการภาครัฐที่เร็วยิ่งขึ้น ใช้หลักนิติธรรมที่มั่นคงแข็งแรง มาจากระบบการเขียนกฎหมาย และการออกกฎหมายที่ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ…”
แต่มีคนโกงคุก ท่านเงียบกริบ!
หากใช้หลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง คนที่ถูกศาลลงโทษคดีคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ควรจะติดคุกเต็มตามจำนวนที่ศาลได้พิพากษาไว้
ไม่ใช่รวมหัวกันใช้แท็กติกทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้นักโทษติดคุกแม้แต่วันเดียว
ไม่มีครั้งไหนยุคไหนอีกแล้วที่มีการบิดเบือนเจตนารมณ์กฎหมายให้นักโทษไปนอนตากแอร์ห้องวีไอพี แล้วประเมินว่าเป็นผู้ป่วยช่วยตัวเองได้น้อย เพื่อให้เข้าเกณฑ์การพักโทษ เหมือนที่ทำกันในยุคนี้
วันนี้พฤติกรรมของ “นักโทษชายทักษิณ” คือหลักฐานชั้นดี ที่จะมัดการคอร์รัปชันในหน้าที่อย่างเป็นขบวนการ
หาก ป.ป.ช.ยุคนี้มีความกล้าพอ และตาไม่บอด ก็น่าจะเห็นความจริง
หลับตานึกดู…นักโทษคดีคอร์รัปชันมีอิทธิพลเหนือรัฐบาล จะเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาล
เสี่ยงเป็นผู้สานต่อสันดาน!
