เล็กไม่-ใหญ่เอา – สันต์ สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน

ไปแข่งกีฬาหรือไปตีหม้อล่ะนั่น?

ที่สงสัย เพราะเห็นพาดหัวข่าวผู้จัดการออนไลน์.. “ปารีส เกมส์” เลิกเว้นระยะห่าง จัดถุงยาง 300,000 ชิ้น ต้อนรับนักกีฬาที่หมู่บ้าน” น่ะ!

อ่านเนื้อข่าว.. “ข้อห้ามนักกีฬา ปารีส เกมส์ ใกล้ชิดกัน ถูกยกเลิกเรียบร้อยแล้ว หลังผู้จัดการแข่งขันแจกถุงยางอนามัยฟรี 300,000 ชิ้น ภายในหมู่บ้าน

เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งขึ้นชื่อด้านมหานครแห่งความรัก เตรียมต้อนรับนักกีฬา 9,000 คน ซัมเมอร์นี้ สู่มหกรรมกีฬา โอลิมปิก 2024 วันที่ 26 กรกฎาคม – 11 สิงหาคม

3 ปีก่อน ที่กรุงโตเกียว การระบาดของ โควิด-19 เป็นเหตุให้ห้ามนักกีฬาตีสนิทกัน ตามนโยบายเว้นระยะห่าง (social distancing) ของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC)

ล่าสุด “สกาย นิวส์” รายงาน นักกีฬาไม่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านั้น ที่ปารีส และเพื่อสนับสนุนแนวคิด การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย (safe sex)

จึงมีการจัดเตรียมถุงยางอนามัย 300,000 ชิ้น ภายในหมู่บ้านนักกีฬา ถือว่าเพียงพอสำหรับนักกีฬาแต่ละคน มีเพศสัมพันธ์ 2 ครั้งต่อวัน ตั้งแต่พิธีเปิดถึงพิธีปิด”

นี่..ก็ทำให้รู้ การยกทัพไปแข่งขันกีฬากันในแต่ละรายการนั้น นักกีฬาจะต้องมีเซ็กซ์ก่อนและหลังการแข่งขันกันด้วยนะ

ส่วนจะมีเซ็กซ์กันวิธีไหน-อย่างไร จีบก่อน หรือแค่จ้องตากันแล้วจูงมือเข้าห้องเลย เสียดายข่าวไม่ได้รายงาน แต่เอาว่า คอยตามฟังข่าวดู “ปารีส เกมส์” ครั้งนี้..

จะใช้ถุงยางอนามัย 300,000 ชิ้นหมดเกลี้ยงหรือไม่?

อ้อ..แต่ที่ทำท่าจะ “หมดเกลี้ยง” แน่ ก็ “กลุ่มอิทธิพลไทย” กับ “มาเฟียต่างชาติ” ที่จ.ภูเก็ตนู่น ผมไม่ได้เพ้อเจอเอาเอง

หากแต่คุณวิวัฒน์ จินดาพล อดีตรองประธานสภา อบจ.ภูเก็ต เป็นคนพูดหลังจากคุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมต.มหาดไทย ได้ลงพื้นที่ว่า..

“เป็นความท้าทายของนายอนุทิน เพราะปัญหาที่ภูเก็ต สะสมมานาน มีการเกิดขึ้นของกลุ่มอิทธิพลไทย และมาเฟียต่างชาติ ทับซ้อนกันไปหมด

แต่เชื่อมั่นว่า นายอนุทิน มีประสบการณ์ในการทำงานใหญ่มามาก โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการสถานการณ์โควิด 19 จนทำให้ไทย เป็นที่ยอมรับในระดับโลก

เรื่องมาเฟีย เรื่องการรุกที่ ก็ถือว่าง่ายกว่า แน่นอนว่า ใครก็ตามที่ลงมาช่วยชาวภูเก็ต เราพร้อมเป็นกำลังใจ และพร้อมสนับสนุน

วันนั้น ได้ฟังท่านมอบนโนยายกับเจ้าหน้าที่ รู้สึกมีความหวัง ท่านให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขัน ไม่ยอมปล่อยให้มาเฟียต่างชาติ เข้ามายึดพื้นที่ แย่งงานคนไทยได้

มีการดำเนินคดีฝรั่งที่ก่อเหตุทำร้ายแพทย์หญิง รวมถึงกรณีอื่นๆที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวด้วย

จึงเชื่อว่าการแก้ปัญหามาเฟียต่างชาติจะหมดไป ส่วนมาเฟียไทย ก็เชื่อว่า จะต้องไม่มีที่ยืน เห็นล่าสุด จะยึดวีซ่า มาเฟีย ที่แย่งปืนตำรวจแล้ว

นับตั้งแต่ที่ท่านลงพื้นที่มา ดูเหมือนกระบวนการต่างๆ จะไวขึ้นมาก”

ครับ..ก็ถือเป็น “ผลงานจดจำ” ที่เมื่อคนในพื้นที่เห็นก็จะเกิดความเชื่อ ศรัทธาและไว้วางใจ จากนี้ก็อยู่ที่คุณอนุทินล่ะว่าจะต่อยอดพรรคภูมิใจไทยอย่างไรในเกาะภูเก็ต

การลงไปชน-ไปกำราบปราบ “มาเฟีย” ทั้งไทย-เทศในจังหวัดท่องเที่ยวที่อุดมไปด้วยผลประโยชน์มหาศาลนั้น จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก

ฉะนั้น เมื่อลงมือแล้วก็อย่าทำครึ่งๆ-กลางๆ ต้องเอาให้สะเด็ดน้ำ-เด็ดขาดชนิดถอนราก-ถอนโคนได้ยิ่งจะได้รับเสียงปรบมือ-สรรเสริญ..

ด้วยคนในพื้นที่เขาอึดอัดคับแค้นใจกับกลุ่มอิทธิพล-มาเฟียต่างชาติมาเต็มทนแล้ว!

ถ้าพรรคภูมิใจไทยหวังจะปักธง-ได้สส.จังหวัดภูเก็ต ก็นี่แหละที่จะช่วยให้เกิดความสำเร็จดังหวังได้

เร่งตีเหล็กเข้าไปขณะที่ไฟกำลังร้อน..จะยึดวีซ่า จะตะเพิดไล่ออกนอกประเทศ ก็ต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรม อย่าให้คนภูเก็ตเขานินทา..

พูดให้เหม็นขี้ฟัน พอข่าวซาทุกอย่างก็เหมือนเดิมได้ล่ะ!

เออ..พูดถึงภูเอ๊ย..ภูเก็ต ที่คนเขาโอดเรื่องค่าตั๋วเครื่องบินแพงโหดน่ะ ตกลงคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้คิดหาทางแก้ไขได้แล้วหรือยัง?

เพราะหลังทำขึงขังสั่งตรวจสอบ ก็ไม่เห็นมีข่าวดีอะไรให้ได้ยินเลย นอกจากข่าว..“สุริยะ” กางแผนปี 67-68 ลุย 150 โครงการ วงเงิน 6.52 แสนล้าน..

เล็กไม่-ใหญ่ต้อง..สุริยะ!