“ตาอิน-ตานา-ตาแม้ว” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ขอโทษครับ…
เมื่อวาน เหมือนหนังขายยาที่ “พระเอก-ผู้ร้าย” กำลังต่อยกันจอตุงไป-ตุงมา คนพากย์ คือผม
“ร่วงผลอย” กลางคันซะนี่!
ดูที่ผมคุยค้างไว้ ๔-๕ บรรทัด เป็นพยาน ก่อน “โรคซ้ำ-กรรมซัด” มันจะกำเริบ จนผมหงายเก๋งก็ได้

นี่ไง…ที่ค้างไว้ แต่วานซืน…
ผบ.ตร. “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” รองผบ.ตร. “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์”
ถูกนายกฯ “เด้งเข้ากรุ”

แล้วใครล่ะ จะเป็นผู้มีอำนาจ “เด้งนายกฯ” เข้ากรุได้?

ในยุคบ้านเมืองถูกควบคุมกลไกด้วย “มือที่มองไม่เห็น”
“เทวดาชั้น ๑๔” เท่านั้นแหละ ที่จะให้คำตอบ!

ก็ดูกันเพลินๆ ไป
อย่าทึกทักเป็นจริง-เป็นจัง ที่เห็นเขาขึงขังหน้าฉากนั่นน่ะ มัน “ยี่เก” รอเวลาเจ้าภาพ “ประชุมเพลิง” ตอนบ่าย ๔ โมงเย็นเท่านั้น

“เด้ง” ที่ว่านั้น คือ
ให้ “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” ไปช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล…

นี่…ผมค้างคาไว้อย่างนี้
ฉะนั้น วันนี้ คุยต่อละกัน ไหว..ไม่ไหว ก็ “ช่างแม่มมมมัน”

เพลง “ช่างแม่มมมมัน”
เป็นเพลง “ประจำคอก” เพื่อไทย นำร้องหมู่โดยทักษิณ

ฮิตมาก ตอนเสื้อแดงไปเข้าแถวกราบเท้าสมเด็จซุนเซนและพบทักษิณที่เขมร ยุค “เผาบ้าน-เผาเมือง”
เมื่อ “นาย-ไพร่” ร่ำสุราได้ที่

ทักษิณเป็นต้นเสียง นำสมุนตะโกนขับร้องหมู่….กระทุ้งท่อนฮุค “ช่างแม่มมมมมัน” ดังเปรี้ยงข้ามประเทศ จากเขมรถึงแดงทั้งแผ่น

ก่อนคุยต่อ ไปดูเหตุผลที่นำไปสู่การออกคำสั่ง “เด้ง ๒ นายพลกากี” จากนายกฯ เศรษฐาก่อน

หลังจากอารัมภบทความขัดแย้งระหว่าง ๒ บิ๊ก ช่วงก่อนและหลัง “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ได้เป็นผบ.ตร.
ก็เข้าประเด็น “เด้งทั้งคู่” ว่า…..

“มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตามควรที่ปรากฏถึงความขัดแย้งจนที่เป็นที่ประจักษ์ ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประชาชนทั่วไป

แบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ทั้งในทางการบริหารงานบุคคล และงานด้านกระบวนการยุติธรรม จนถึงขนาดมีการกล่าวหาต่อกันและกันในเรื่องส่วนตัว

ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งที่ 247/2566 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

กรณีการเข้าค้นบ้านพักของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และเคหสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศมาครั้งหนึ่งแล้ว
จนกระทั่งที่สุดถึงขนาดมีการกล่าวหาให้มีการดำเนินคดีอาญา

แสดงให้เห็นถึงความปฏิปักษ์ต่อกันและความขัดแย้งส่อจะลุกลามบานปลายจนไม่อาจหาข้อยุติได้ …………..”

การ “เด้งทั้งคู่” มีเสียงชมว่า “นายกฯ แก้ปัญหาได้ดี” ไม่เข้าข้างฝ่ายใด

แต่ผมอยากให้สังเกต ๓ ประเด็น ในคำสั่งนายกฯ

๑.”แบ่งฝักแบ่งฝ่าย” ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

คำว่า “แบ่งฝัก-แบ่งฝ่าย กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ก็หมายความว่า นายกฯ ปักหมุด
-“พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” เป็นฝ่าย “ถูกกระทำ”
-“พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-ผบ.ตร.” เป็นผู้กระทำ

๒.การเข้าค้นบ้านพักของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และเคหสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศมาครั้งหนึ่งแล้ว
จนกระทั่งที่สุดถึงขนาดมีการกล่าวหาให้มีการดำเนินคดีอาญา

“นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่” ที่ถูกค้นบ้านนั้น คือบ้านใคร?

คำสั่งแค่กล่าวลอยๆ ทั้งที่ปรากฎต่อสาธารณะว่าคือบ้าน “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ซึ่งพัวพัน “คดีมินนี่-บัญชีม้า-การฟอกเงิน”

มันเป็นคดีอาญาร้ายแรง
แต่ในคำสั่งกลับบอก “เป็นการกล่าวหาต่อกันด้วยเรื่องส่วนตัว”!?

๓.แสดงให้เห็นถึงความปฏิปักษ์ต่อกันและความขัดแย้งส่อจะลุกลามบานปลายจนไม่อาจหาข้อยุติได้

คำถามที่ต้องมีกับคำสั่งตรงนี้ คือ
ตรงไหนคือกรอบของคำว่า “ความปฏิปักษ์ต่อกันและความขัดแย้ง” ในมุมมองนายกฯ และมันใช่หรือไม่?

ตรงนี้สำคัญมาก….
เกรงชาวบ้านจะ “หลงประด็น” แล้วคล้อยตามคำสั่งนายกฯที่ระบุ “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” เป็นปฎิปักษ์ต่อกันด้วยเรื่องส่วนตัว

ต้องเข้าใจกันให้ตรงเรื่อง-ตรงประเด็นนะครับว่า
จากคดีมินนี่, คดีฟอกเงิน นำไปสู่บิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหาร่วม นั้น

“พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” เป็นผู้ปฎิบัติหน้าที่ ในฐานะเป็นเจ้าพนักงาน

ส่วน “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” เป็นผู้ต้องหาสมคบกระทำความผิดฐานฟอกเงิน,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน และเว็บพนันออนไลน์ เชื่อมโยงบัญชีม้า

นั่นคือ “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” เป็นนายตำรวจ มีตำแหน่งหน้าที่เจ้าพนักงานด้วยกัน
แต่คนหนึ่ง คือ “บิ๊กโจ๊ก” ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงิน

อีกคนหนึ่ง คือ “บิ๊กต่อ” ในฐานะเจ้าพนักงาน มีหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดี

สรุป อีกฝ่ายเป็นผู้ต้องหา
อีกฝ่ายเป็นเจ้าพนักงาน

ในความที่ “เจ้าพนักงาน” กับ “ผู้ต้องหา” เป็นนายตำรวจด้วยกัน อีกฝ่ายต้องจับอีกฝ่ายคำเนินคดี

แบบนี้น่ะหรือ….
ที่เรียก “ความปฏิปักษ์ต่อกันและความขัดแย้งส่อจะลุกลามบานปลายจนไม่อาจหาข้อยุติได้…ท่านนายกฯ”?!

มันเป็นการ “แทรกแซงคดี” ด้วยการ “ฆ่าตัดตอน” มากว่า!
ผมไม่เชื่อว่า คำสั่งเด้งนี้ จะมาจาก “ความคิด-ความต้องการ” ของนายกฯ เศรษฐาเอง?

ส่วนจะมาจากใครนั้น ยังต้องให้บอกอีกหรือ
การ “เด้งแฝด” นี้ ไม่ใช่ วิน-วิน ทั้งคู่

“บิ๊กโจ๊ก” คนเดียวนั่นแหละ “วิน”
ส่วน “บิ๊กต่อ” แหว่ง เข้าเนื้อ!

ที่ “เหวะหวะ” ทั้งตัว ก็คือเราๆ ชาวบ้านนี่แหละ ถ้า “หลงกล-หลงเกม” เจ้าของ “มือที่มองไม่เห็น” ที่ยื่นเข้ามา “ซื้อเวลา”
ตั้งคณะกรรมการ “เจ้าประจำ” ตรวจสอบข้อเท็จจริง!

ว่ากันตรงๆ ทั้ง “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” ต่างคน-ต่างรู้ไส้ซึ่งกันและกัน ถ้าให้ทั้งสองฝ่ายสาวกันออกมา

ถามว่า “เป็นเหตุให้ราชการและประชาชน ประเทศชาติ เสียหายได้” อย่างไร ตรงไหน ตามที่ท่านนายกฯ ระบุในคำสั่งนั่นน่ะ?

ตรงกันข้าม ผมว่า “ประชาชน-ประเทศชาติ” จะได้ประโยชน์ ในมิติ “โจรล้างโจร” ด้วยซ้ำ

“นาย ค.” ที่พล.ต.ต.นำเกียรติ ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก อ้างว่า เคยโอนเงินให้เครือญาติของผู้บังคับบัญชาระดับสูง

นายพล “ต.” ภรรยาอักษรย่อ “ก.” พี่สาวอักษรย่อ “จ.” พี่ชายอักษรย่อ “ช.” คือใคร และจริงมั้ย?

พ.ต.อ. “ด.” และข้าราชการตำรวจหญิง นส. “ว” , นส.”ก” ที่ว่าเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับข้าราชการตำรวจระดับสูง คือใคร และจริงมั้ย?

รวมทั้งเรื่องบิ๊กโจ๊กและลูกน้องตกเป็นผู้ต้องหาคดีเว็บพนันมินนี่ พนันออนไลน์ BNK Master และสมคบฟอกเงิน เหล่านี้ เมื่อฆ่าตัดตอนและให้เกี้ยเซี้ยกันจนลงตัวแล้ว
จะ Set Zero เลิกคือล้มคดีกันไปอย่างนั้นหรือ?

ตรงนี้ ชาวบ้านต้องทันเกม “ตำรวจในอุ้งมือนักการเมือง” ที่ “ต่างฝ่าย-ต่างอาศัยอำนาจ” ซึ่งกันและกัน

อย่าลืมนะว่า เรื่องบิ๊กโจ๊กกับลูกน้องมันเข้าสู่สารบบคดีความแล้ว ใครก็สั่งเลิกไม่ได้

ส่วนบิ๊กต่อ ไม่มีคดีอะไรเป็นชะนักติดตัว มีแต่ถูกสาวให้สงคมสงสัยเท่านั้น

คนไทยเคยจำอะไรที่ไหน จึงเป็น “คนตาบอด” ให้เสือมันกินตลอด อย่างที่เศรษฐา ตั้ง “๓ กรรมการ” ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง นั่นน่ะ

ก็ “ชุดเดิม” ที่นายกฯ ตั้งสอบหาข้อเท็จจริง ตอนค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก เมื่อกันยา.๖๖

มาวันนี้ เศรษฐาก็ตั้ง ๓ คนนี้ สอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องเดิมอีก และให้รายงานให้ทราบภายใน ๓๐ วัน

แล้วที่ให้สอบไว้เมื่อ ๖ เดือนที่แล้ว อยู่ไหนล่ะ เสร็จยัง ถ้าเสร็จ ได้เรื่องว่าไง เอามาอ่านดูซิ จะเล่นยี่เกซื้อเวลาทำไมอีกตั้ง ๒-๓ เดือน

“นายเฉลิม พรหมเลิศ, นายชาติพงษ์ จีระพันธุ และพลตำรวจเอกวินัย ทองสอง”

ยาชุดสามัญประจำบ้านของรัฐบาลเพื่อไทย น่าตอบประเด็นนี้แทน “นายกฯขี้ลืม” ได้นะ

เพราะรอไปอีก ๒-๓ เดือน ไม่แน่ “เจ้าของคำสั่ง” นี้ ยังจะอยู่บนเก้าอี้นายกฯหรือไม่?

สรุป ลงท้ายแล้ว คำถามมีว่า จากลีลาใต้ใบสั่งนี้ ทั้งคู่ได้กลับสตช.มั้ย?
“บิ๊กต่อ” ไม่มีคดีอะไรติดตัว กันยา.ก็เกษียณ “กลับ-ไม่กลับ” ค่าเท่ากัน

ส่วนบิ๊กโจ๊ก ได้กลับล้านเปอร์เซนต์

แต่กลับหลังจากนายกฯ เสนอชื่อ “ผบ.ตร.คนใหม่” และได้รับความเห็นชอบจาก ก.ตร.เรียบร้อยแล้ว

“บิ๊กโจ๊ก” หมดสิทธิเข้าชิง….

เพราะมี “มลทิน” ยังอยู่ในช่วงถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน!

ก็เสร็จ “นายกฯจันทร์ส่องหล้า” ตามฟอร์ม!

เปลว สีเงิน
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๗

Written By
More from plew
“จากรุ่นลูกถึงรุ่นแม่” -เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน พรุ่งนี้ ก็เข้าเดือน “พฤษภาคม” เดือนนี้ ปกติจะมีการพระราชพิธีหลายงาน แต่ช่วงนี้ โควิดระบาดรุนแรง ทาง “สำนักพระราชวัง” จึงประกาศ...
Read More
0 replies on ““ตาอิน-ตานา-ตาแม้ว” – เปลว สีเงิน”