21 มีนาคม 2567 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ปปส.กทม. พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 พ.ต.อ.ชนะวรศิณธุ์ ศุภพนารักษ์ รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.อ.มานัส เลาะหมัดจิตร ผกก.สน.ลำหิน พญ.หญิงภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย นพ.ธนัช พจน์พิศุทธิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด นายศักดิ์ชัย ใสสุข ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี
เปิดปฏิบัติการ “เด็ดปีกนักค้า รักษาผู้เสพ สร้างชุมชนปลอดภัยยาเสพติด” โดยปิดล้อมตรวจค้นชุมชนแพร่ระบาดยาเสพติด จำนวน 31 แห่ง เพื่อจับกุมผู้ค้ารายย่อย จำนวน 34 เป้าหมาย ในพื้นที่ 4 เขตคือ มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง และคลองสามวา
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เน้นย้ำการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังและเด็ดขาด พร้อมประกาศให้ยาเสพติดเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 1 ปี และกำหนดให้มีปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด Quick win โดยมุ่งลดความรุนแรงของผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดในชุมชน ด้วยมาตรการจับกุมผู้ค้ารายย่อยในชุมชน และสืบสวนขยายผลไปถึงระดับสั่งการ
สำหรับกรุงเทพมหานคร ดำเนินการเป็นครั้งที่ 3 ในพื้นที่ บก.น.3 ซึ่งมีเขตติดต่อกับจังหวัดปริมณฑลที่มีความเคลื่อนไหวของยาเสพติดปริมาณมาก ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมา บก.น.3 มีสถิติจับกุมยาเสพติดสูงเป็นอันดับต้นๆ โดยผลปฏิบัติการในวันนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 20 คดี ผู้ต้องหา 29 คน (ชาย 23 คน หญิง 6 คน) เป็นข้อหาจำหน่าย 2 ราย, ครอบครอง 6 ราย, ครอบครองเพื่อเสพ 12 ราย, เสพ 54 ราย ของกลาง ยาบ้า 3,021 เม็ด ไอซ์ 48.34 กรัม และ-เครื่องกระสุนปืน (.38) จำนวน 6 นัด ทั้งนี้ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพฤติการณ์ทั้งเสพและจำหน่ายยาบ้า โดยใช้ห้องเช่าหรือบ้านเช่าตามชุมชนที่อาศัยอยู่เป็นที่จำหน่ายยาเสพติด
นอกจากนี้ สน.มีนบุรี ยังเข้าตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งถนนประชาร่วมใจ แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา พบของกลาง ช่อดอกกัญชา จำนวน 66 ถุง(น้ำหนักถุงละ 1.2 กิโลกรัม) รวมน้ำหนัก 80 กิโลกรัม และกัญชาไฟฟ้า บรรจุอยู่ในกล่อง 310 ชิ้น จึงแจ้งข้อหา ส่งออกและพยายามส่งออกสมุนไพรควบคุม (กัญชา)โดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ. คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 (มาตรา 46) ซึ่งกำหนดบทลงโทษ จำคุก 1 ปี และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 (มาตรา 42) บทลงโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของมูลค่า หรือทั้งจำทั้งปรับ) จำนวน 1 ราย
ต่อมา เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้ลงพื้นที่เป็นประธานเปิดกิจกรรม “รักษาผู้เสพ สร้างความปลอดภัยให้ชุมชน” ณ ชุมชนมีนบุรีอุปถัมภ์ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อให้กำลังใจ ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนและครอบครัวให้มีความอบอุ่น มีความสามัคคี และมีส่วนร่วมกันในการต่อสู้กับปัญหายาเสพติดในชุมชน ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ มีบูธมาให้บริการประชาชนมากมายทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมจากหน่วยงานภาคี ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร มาให้บริการตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้บริการทำบัตรผู้พิการ ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 22 และ 43 มาให้บริการด้านบำบัดยาเสพติด สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี มานำเสนอชุมชนยั่งยืน และสำนักงาน ป.ป.ส. มอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่ 13 ชุมชน และมอบทุนประกอบอาชีพให้แก่ผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด จำนวน 1 ราย นอกจากนี้ ธนาคารออมสิน ก็มาให้คำปรึกษาด้านการเงินและการออม
หลังจากนั้น เลขาธิการ ป.ป.ส. เข้าเยี่ยมคารวะแสดงความยินดีต่อท่านอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี เนื่องในโอกาส ที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2567และหารือความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชุมชนมุสลิมทั่วประเทศ ซึ่งต่อยอดความสำเร็จจากการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชุมชนวังโสม จนสามารถยกระดับเป็นชุมชนต้นแบบต้านภัยยาเสพติดได้ และมองเห็นว่าชุมชนที่มีศาสนาเป็นศูนย์กลางนั้น สามารถสร้างพลังบวกและส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี ผ่านการขับเคลื่อนงานภายใต้แกนนำกองทุนแม่ของแผ่นดิน อาทิ การสร้างการรับรู้เรื่องโทษพิษภัยของยาเสพติดในมัสยิด สถานศึกษาและหมู่บ้านชุมชน ผ่านวิทยุ เสียงตามสาย และสถานีโทรทัศน์มุสลิม รวมทั้งให้มีการกล่าวคุตบะห์ ทุกวันศุกร์ การดูแลบุตรหลานของแต่ละครอบครัว การเฝ้าระวัง ดูแล สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้เสพที่ผ่านการบำบัดยาเสพติด เป็นต้น จนประสบความสำเร็จสามารถลดความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหายาเสพติดได้
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำนักงาน ป.ป.ส. เห็นความสำคัญของปัญหายาเสพติด จึงได้จัดกิจกรรมในวันนี้ เนื่องจากการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา ผู้ค้าต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ต้องไม่มีที่ยืนในสังคม ชุมชนต้องร่วมกันลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหายาเสพติด
ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยสามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติดที่สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 และหากพบเจ้าหน้าที่รัฐค้ายาเสพติด แจ้งที่ LINE OA : @govoff.drugtrade มาร่วมกันสร้างครอบครัวที่อบอุ่น ชุมชนที่เข้มแข็ง ปลอดภัยจากยาเสพติดกันครับ