ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท ไม่เว้นแม้แต่การค้าขายในตลาดสด ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) จึงได้จัด โครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 4 ที่ปีนี้เนื้อหาจะเข้มข้น ลงลึก พร้อมรับมือสังคมไร้เงินสด และการค้าขายในยุคดิสรัปชั่น โดยได้บุกถึงแผงเปิดอบรมซีซั่น 4 ที่ตลาดบน จ.นครปฐมนายรอย ออกุสตินัส กุนารา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยเครดิตฯ เผยว่า “โครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 4 เนื้อหาการอบรมจะมีความเข้มข้นลงลึกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการเตรียมความพร้อม ให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล พร้อมรองรับสังคมไร้เงินสด
ธนาคารไทยเครดิตฯ ในฐานะเป็นสถาบันที่มีองค์ความรู้ด้านการเงิน เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมและเติมเต็มศักยภาพให้แก่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ให้มีความรู้เรื่องการสร้างวินัยทางการเงิน รวมถึงการขยายธุรกิจ ที่จะต้องค้าขายอย่างไรให้รวย มีเงินเหลือใช้ มีกำไรเหลือเก็บ โดยโครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร เป็นกิจกรรมเพื่อสังคมที่ตอกย้ำสโลแกน “ใครไม่เห็น เราเห็น” ภายใต้แนวคิด “ทุกคนคือคนสำคัญ” ของธนาคารฯ ที่ต้องการสนับสนุนลูกค้าให้สามารถเติบโตทางธุรกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น”
พัตพร เลี่ยวสุธามาศ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารกิจกรรมเพื่อสังคม ธนาคารไทยเครดิตฯ วิทยากรให้ความรู้ในโครงการฯ เผยว่า “มีสถิติที่เผยตัวเลขคนไทยมีการใช้แพลตฟอร์มทางการเงินบนโทรศัพท์มือถือทำธุรกรรม พบว่า 67% โอนเงินไปยังบัญชีบุคคลอื่น 65% ตรวจสอบยอดเงินในบัญชี และ 43% ชำระค่าสินค้าและบริการ
จากตัวเลขดังกล่าวเผยให้เห็นถึงพฤติกรรมการทำธุรกรรมทางการเงิน ที่ไม่จำเป็นต้องมีเงินสดอยู่กับตัว แต่สามารถจับจ่ายซื้อสินค้าบริการที่ต้องการได้ ผ่านคิวอาร์ โค้ด หรือแพลตฟอร์มที่ให้บริการทางการเงินต่างๆ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่าประเทศไทยเวลานี้เป็นสังคมไร้เงินสด
ดังนั้น พ่อค้าแม่ค้าในตลาดจะต้องเรียนรู้ พร้อมปรับตัว และรู้จักวิธีการนำเครื่องมือต่างๆ เหล่านี้มาใช้ เพื่อรองรับความต้องการและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ในขณะเดียวกันยังสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้ จากการเพิ่มช่องทางการชำระเงินนี้ ที่พ่อค้าแม่ค้าเองไม่ต้องกังวลใจเรื่องของการไม่มีเงินทอน รวมถึงยังปลอดภัยจากการรับธนบัตรปลอมที่มิจฉาชีพนำมาจับจ่ายใช้สอยอีกด้วย”
เหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่ร่วมอบรมในโครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 4 อย่าง ภัทรพร สงค์อยู่ แม่ค้าส้มตำและก๋วยเตี๋ยวไอน้ำแห่งเดียวในนครปฐม เผยว่า “ได้รับความรู้จากการอบรม โดยเฉพาะเรื่องสังคมไร้เงินสด ซึ่งที่ร้านมีการรับชำระเงินผ่านคิวอาร์ โค้ด โดยหลานเป็นคนจัดการให้ ซึ่งเขาให้เหตุผลว่า จะช่วยสร้างความสะดวกให้ทั้งตัวแม่ค้าที่ไม่ต้องเตรียมเงินทอน และลูกค้าก็สามารถชำระเงินได้อย่างรวดเร็ว และเวลานี้ที่ร้านกำลังเตรียมที่จะขายอาหารดิลิเวอรี่ การชำระเงินออนไลน์ ก่อนไปส่งอาหาร จึงเป็นโอกาสและช่องทางที่ดี ที่สะดวกและยังตัดปัญหาเรื่องการลอกลวงแล้วไม่จ่ายเงินเมื่อไปส่งอาหารค่ะ”
นิภาวรรณ ไบลเกอร์ เจ้าของธุรกิจร้านอาหาร และนวดแผนไทย เผยว่า “ขายอาหารมีรายได้เข้าร้าน แต่วันรุ่งขึ้นไม่มีเงินทุนไปซื้อวัตถุดิบ เพราะไม่เคยทำบัญชีรายรับรายจ่าย กระทั่งได้เข้าอบรมกับโครงการฯ มีการสอนทำบัญชีรายรับรายจ่าย จึงทำให้เห็นจุดบอดของเงินที่หายไป จากการที่เรานำไปใช้ส่วนตัว ผลจากการทำบันทึกรายรับรายจ่าย ทำให้เห็นกำไรจากการค้าขายจนสามารถเก็บออมสะสมไว้ พร้อมทั้งนำบัญชีรายรับรายจ่ายนี้ไปขอยื่นกู้ และนำต่อยอดขยายเป็นธุรกิจร้านนวดแผนไทยเพิ่มเป็นอีกธุรกิจหนึ่งค่ะ”
และ ณิชามนต์ ชูมนุษย์ แม่ค้าร้านขายเสื้อผ้าและของฝาก เผยว่า “ก่อนหน้านี้มีร้านอยู่แล้ว แต่อยากขยายร้านเพิ่มอีกร้าน เพราะมองแต่รายได้ที่เข้ามา จนไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบ พอเศรษฐกิจไม่ดี เราเองที่เริ่มหมุนเงินไม่ทัน จนได้เข้ามาอบรมในโครงการฯ ที่ได้ความรู้เรื่องการวางแผนปลดหนี้ หนี้แบบใดควรจัดการปลดก่อน และยังได้ความรู้เรื่องการสร้างเครดิตที่ดี ด้วยการชำระหนี้ให้ตรงตามกำหนด จึงค่อยๆ สามารถปลดหนี้สินต่างๆ และยังทำให้เรามีเงินเพิ่มขึ้นจากการออม โดยที่เราไม่ต้องกลับไปเป็นหนี้อีก”
โครงการพ่อค้าแม่ค้าพากเพียร ซีซั่น 4 จัดอบรมตลอดทั้งปี 2563 หากพ่อค้าแม่ค้าตลาดสดใดสนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tcrbank.com , www.facebook.com/TCRBank หรือ www.facebook.com/ThaiCreditKitforSociety หรือโทรศัพท์สอบถามที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ 0-2697-5454