29 มกราคม 2567 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า คดีพรรคก้าวไกลเรื่องล้มล้างฯ ไม่มีอะไรต้องกลัว
ผมเห็นโฆษกพรรคก้าวไกลออกมาตีโพยตีพายว่า การยื่นร่างแก้ไขของพรรคก้าวไกลต่อสภาฯ ที่ผ่านมา ซึ่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ได้นำมาขยายผลในช่วงหาเสียงว่า จะเดินหน้าแก้ไขมาตรา112 ว่าไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
เอาง่ายๆ ผมอยากให้พี่น้องลองไปค้นร่างที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอสภาฯ และตอนนี้ร่างนี้ยังอยู่ในสภาฯ ยังไม่ได้ถูกถอดถอนออกมา ในร่างที่เสนอแม้ชื่อร่างจะเขียนว่า “ร่างแก้ไขประมวลกฏหมายอาญา….” แต่ในมาตรา 4 ของร่างเขา เขียนไว้ชัดเจนว่า “ให้ยกเลิกมาตรา112 แห่งประมวลกฏหมายอาญา….”
นี่ยังไม่นับรวมสาระสำคัญหลายๆ รายการที่มีการแก้ไข เช่น การลดโทษเหลือไม่เกิน1ปี สำหรับพระมหากษัตริย์ และไม่เกิน6เดือนสำหรับพระองค์อื่นๆ โดยไม่มีโทษขั้นต่ำ ที่สำคัญคือการยอมความกันได้ การย้ายจากหมวดความมั่นคง ไปสู่หมวดใหม่ ห้ามประชาชนไปร้อง ต้องเป็นสำนักพระราชวัง รวมทั้งมีเหตุไม่ต้องรับโทษ ท่านแน่ใจหรือว่า นี่ไม่ใช่การล้มล้างแบบแยบยล ค่อยๆ เซาะกร่อน ทำลายช้าๆ สามารถเล็งเห็นผลได้ในระยะยาว
ผมอยากให้พี่น้องใช้สามัญสำนึกไตร่ตรองดูว่า ทำไมพรรคก้าวไกล จึงอยากยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเป็นกฏหมายที่ให้การปกป้อง คุ้มครอง สถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้สถาบันฯ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาติ เพราะอะไรเขาจึงเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องดำเนินการ
การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะสำคัญมาก ถ้าศาลชี้ว่าไม่ล้มล้างฯ คนเหล่านี้พร้อมเครือข่ายคงได้ใจ และกล้าออกมาขย่มสังคมไทยเต็มที่ เพราะได้รับคำรับรองจากศาลรัฐธรรมนูญ สังคมไทยอาจถึงจุดที่ทนไม่ได้ก็ได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้
แต่ถ้ศาลชี้ว่าล้มล้างฯ บางคนกังวลว่า เขาจะไปปั่นกระแสว่าถูกกลั่นแกล้ง การเลือกตั้งครั้งใหม่จะมาถล่มทลาย ผมกลับมองว่า ถ้าเรายึดหลักกฏหมายที่ดี จะไปกลัวอะไร ผิดคือผิด ถูกก็คือถูก ขอให้บังคับใช้กฏหมายแบบตรงไปมา ประเทศก็จะอยู่รอดได้ ที่มีปัญหาวันนี้ เพราะไปกลัวจนไม่บังคับใช้กฏหมาย
