4 มกราคม 2567 นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ สส.สตูล พรรคภูมิใจไทย สนับสนุนงบประมาณที่กระทรวงแรงงานจะได้รับ เสนออย่าตัดงบประมาณ แต่ควรเพิ่มงบเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานและพัฒนาบิ๊กดาต้าและส่งเสริมอาชีพกลุ่มเปราะบาง
นาย วรศิษฎ์ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2567 ที่เกี่ยวเนื่องกับกระทรวงแรงงาน 61,000,000,000 บาท แบ่งเป็นหน่วยงานประกันสังคม 56,000,000,000 บาท เหลือ 5,200,000,000 ถูกส่งไป ยังกระทรวงไปบริหารใน อีก 4 กรม เป็นงบประจำ ซึ่งจ่ายประจำจำนวน 4,000 ล้านบาท เหลือแค่งบที่ได้ใช้คือ 1,200 ล้านบาท ซึ่งต้องดูแลพี่น้องแรงงานในประเทศ มีแรงงานอยู่ประมาณ 40 ล้านคน ก่อนหน้านี้พี่น้องเกษตรกรเปรียบเสมือนแป็นกระดูกสันหลังของชาติ แต่สำหรับพี่น้องแรงงานคือเส้นเลือดที่วิ่งไปหล่อเลี้ยงทั้งชาติ ปริมาณมากกว่าคนครึ่งหนึ่งของประเทศเฉลี่ยแล้วคนละ 30 บาท ทำอะไรได้นี่คือคำถามที่ถามไปยังสำนักงบประมาณ
ประเทศไทยปัจจุบันกำลังพัฒนา อาทิ พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ที่ทำมาตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา เรามีภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีรายได้มหาศาล รายได้จากการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ รวมๆเกือบจะเท่ากับงบประมาณรายรับรายจ่ายประจำปีของประเทศได้ด้วยซ้ำ เรามีแรงงานพร้อมมารองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจเหล่านี้หรือยัง แรงงานมีศักยภาพเพียงพอ พร้อมรองรับแล้วหรือยัง วันนี้หลังมี EEC เข้ามาวันนี้ประเทศไทยมีความต้องการตลาดแรงงานในส่วนของตลาดดิจิตอลโรบอท เอไอ เป็นเทรนใหม่ประมาณ 70,000 ตำแหน่ง
ล่าสุดกระทรวงได้ของบประมาณอบรม ในการสร้างความพร้อมกับแรงงานกลุ่มนี้ ได้มาทั้งสิ้น 7,000 ตำแหน่ง หรือ 1ใน 10 เท่านั้นเอง มาดูด้านบุคลากรแรงงานด้านการท่องเที่ยว ตัวเลขรวมๆ 270,000 อัตรา แล้วปัจจุบันเรามีแค่ 16,000 อัตรา เลยครึ่งยังขาด 110,000 อัตรา คิดไปด้วยกันจินตนาการภาพไปด้วยกันในขณะที่เรามีทรัพยากรบุคคลที่ยังไม่พร้อมเต็มที่ เรายังสามารถสร้างรายได้ 3,300,000,000 บาท ถ้าทรัพยากรบุคคลเราพร้อมแรงงานพร้อม จะสามารถสร้างเม็ดเงินให้ประเทศมีรายได้มากมายขนาดไหน ฝากไว้ให้ผู้มีอำนาจคิดครับ
เราจะทำให้พร้อมได้อย่างไรให้พร้อม ย้อนกลับไปกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้รับการจัดสรรงบประมาณทั้งสื้น 1,700 ล้านบาท เป็นงบรายจ่ายอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เหลือ 500 ล้านบาทเศษ กับปริมาณแรงงาน 40 ล้านคน ที่จะอัพสกิลและรีสกิล ขึ้นไป เฉลี่ยแล้วเหลือ 13 บาท ต่อคน วันนี้เดินเข้าร้านข้าวมันไก่ได้แต่ข้าว ไก่กับน้ำซุปยังไม่ได้ แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมสักที
สำนักงบประมาณ ควรเห็นความสำคัญกระทรวงแรงงานมากกว่านี้ ที่สำคัญกระทรวงแรงงานได้รับการจัดสรร งบประมาณได้มากกว่านี้ สิ่งที่จะได้ต่อไปคือ เรื่องการถกเถียงเรื่องของค่าแรงขึ้นต่ำ วันนี้ ไตรภาคีรวมไปถึงกระทรวงเอง ได้พูดถึงค่าแรงขั้นต่ำ และมีการกำหนดสูตรใหม่ จำแนกตามพื้นที่ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ต้องขอบคุณนายพิพัฒน์ รัชกิจประประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แต่ถ้าเราพัฒนาฝีมือแรงงานของเราขึ้นไปได้ คำถกเถียงเรื่องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมันจะจบไปทันที บางคนอยากขึ้น บางคนไม่อยากขึ้น แน่นอนครับถ้าขึ้นแรงงานดีใจอยากได้ค่าแรงที่มากขึ้น แต่ในระยะสั้นครับ เพราะสิ่งที่ตามมาอัตราต้นทุนการผลิตสูงขึ้นราคาสินค้าสูงขึ้น เงินเฟ้อจะตามมา แล้วเราไม่พัฒนาฝีมือ พัฒนาคุณภาพแรงงานขึ้น ได้งานมากขึ้น ค่าแรงมากขึ้น วินวินทั้งคู่ แรงงานมีความสุข นายจ้างมีความสุข
คนอีกกลุ่มหนึ่งอยากให้กระทรวงแรงงานเข้าไปดูแลเป็นพิเศษ คือกลุ่มที่มีความเปราะบาง กลุ่มด้อยโอกาส รวมไปถึงกลุ่มที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล กลุ่มคนพวกนี้กระทรวงดูแลอยู่แล้ว แต่งบประมาณที่จัดสรรมาที่เข้าไปดูแลน้อยมาก ผมมีโครงการอยู่ 2-3 โครงการ ยกตัวอย่าง โครงการกำลังใจ เป็นโครงการที่ทำกิจกรรมเข้าไปส่งเสริมสนับสนุนอาชีพผู้ต้องขัง ในเรือนจำและสถานพินิจ ก่อนที่จะพ้นโทษออกมา แน่นอนทุกคนเคยทำผิด เมื่อเขาได้ชดใช้ความผิดออกไปแล้ว หลายคนออกมาไปสมัครงานก็ไม่มีคนรับ เป็นตาบาปว่าเป็นคนคุก ถ้าเขามีอาชีพติดตัวเขาก็ดำรงชีวิตได้
อีกหนึ่งโครงการอบรมอาชีพให้กับโรงเรียนตชด. ยกตัวอย่าง เลี้ยงผึ้งชันโรง สอนซ่อมไฟฟ้า ซ่อมรถยนต์ อยากให้กระทรวงแรงงานส่งเสริม และโครงการอีกโครงการที่มูลนิธิขาเทียม ได้ขอกรอบความร่วมมือกระทรวง ในการอบรมสร้างช่าง ทำอุปกรณ์สนับสนุนผู้พิการ ซึ่งวันนี้ขาดช่าง ซึ่งกระทรวงได้สนับสนุนไปแต่มีงบประมาณน้อย อยากฝากผ่านสำนักงบประมาณช่วยสนับสนุนเพิ่มด้วย วันนี้กระทรวงแรงงาน ห่วงเรื่องรวบรวมการทำBig Data เสร็จเร็วเมื่อไหร่ จะเกิดผลประโยชน์แก่แรงงานสูงสุด และสนับสนุนสำนักงบประมาณที่ให้งบกับกระทรวงแรงงาน
