“ขี้ไม่ออก-เยี่ยวไม่ออก” บอก “บอกทหาร”!
ใช่….. “มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ”
ผีน้อย “จากเกาหลีใต้” แดนโควิด-๑๙ ระบาด ยอดกว่า ๕,๐๐๐ คนกลับมา
จะเอาสถานที่ที่ไหน “กักตัว” คนเป็นพันๆ ไว้เฝ้าดูอาการ ๑๔ วัน?
คำตอบจากรัฐบาล คือ “ค่ายทหาร!”
ก็ว่ากันไป….
ในสถานการณ์นี้ นอกจากทหารและค่ายทหารแล้ว “นัตถิ เม สรณัง อัญญัง” ที่พึ่งอื่นใดของข้าพเจ้าไม่มีจริงๆ
เรื่องผีน้อยนี่ เมื่อวานบอกไปว่า
คนไทยด้วยกัน อย่าไปตั้งแง่-ตั้งงอนอะไรกันนักเลย หลายท่านกระฟัดกระเฟียดน่าหยิก
ก็เข้าใจ……
แต่อยากถาม วันๆ ตั้งแต่ตื่นยันหลับ ระหว่างเป็นดังใจกับที่ไม่เป็นดังใจ อย่างไหนพบมากกว่ากัน?
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({
google_ad_client: “ca-pub-8615230610650868”,
enable_page_level_ads: true
});
ผมไม่ได้บอกให้ฝืน
แต่อยากบอกว่า โลกใบนี้ทั้งใบ มีสิ่งเดียวเท่านั้น ที่มีให้กับมนุษย์ทุกคน คือ “ทุกข์”
และมี ๒ ทางให้มนุษย์ “เลือกอยู่-เลือกเดิน”
คือทาง “ทุกข์” กับทาง “ไม่ทุกข์”
“สุขแท้” สำหรับมนุษย์ขี้เหม็นไม่มีหรอก เพราะที่ว่า “สุข-สมหวัง” นั้น สุดท้าย มันก็ต้องจบลงที่ “พลัดพราก-ผิดหวัง” คือ ทุกข์ สถานเดียว “จริงแท้” เป็นเช่นนี้ ……….
ในเมื่อชีวิตต้องดำเนินไป แล้วเราจะเลือกอยู่อย่างทุกข์ หรือไม่ทุกข์ล่ะ?
ผีน้อยบางคนเขาเก่งนะ ดูคลิปที่ว่อนโซเชียลเมื่อวาน เธอก็ช่างสรรพูด ชนิดไม่รู้สึก-รู้สาอะไรเลย
ผมถึงบอก ชีวิตมีให้เลือก ๒ ทางเท่านั้น
กับเธอคนนั้น กลับมาก็ไม่น่าห่วงเรื่องอาชีพ ด้วยปากและสำนึกอย่างนั้น สมัครสส.หรือสมัครเป็นอาจารย์จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ยุคนี้
เขาต้องการอยู่แล้ว!
เรื่องเสรีภาพ-ภราดรภาพที่นิสิต-นักศึกษาอ้างชุมนุมกันนั้น ก็ปล่อยเขา เมื่อดอกไม้บ้าปุ๋ย อยากจะบาน ก็ให้เขาบาน
คุยเรื่อง “หน้ากากอนามัย” ดีกว่า ………
มันไม่ควรบาน แต่เพราะกลัวโควิด-๑๙ กัน บวกกับทำความเข้าใจการใช้กับประชาชนไม่ชัดเจน หน้ากากอนามัยเลยกลายเป็น “หน้ากากทองคำ”
ขาดแคลน หาไม่มี เพราะกักตุน “โก่งราคา” กัน จนเกิดทำเทียม และเก็บจากกองขยะมาซักขาย
กลายเป็นปัญหาระดับชาติ ที่นายกฯ ต้องลงมาตรวจตรา-ควบคุม การผลิต การขาย ทั้งประเทศ
แล้วใครเดือดร้อนที่สุด กรณีหน้ากากอนามัยขาดแคลน?
ไม่ใช่ประชาชน……
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({
google_ad_client: “ca-pub-8615230610650868”,
enable_page_level_ads: true
});
หากแต่เป็น แพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ และบุคคลใน “กลุ่มบริการ” ที่วันๆ ต้องสัมผัสผู้คนมากๆ
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงเมื่อวาน(๔ มีค.๖๓)
“๑๒ เขตสุขภาพ” สำรวจปริมาณหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ สำหรับให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้ในสถานพยาบาลพบว่า
เขตที่มีหน้ากากอนามัย น้อยสุด ๑.๗ แสนชิ้น/เขต
ที่มีมากที่สุด ๑.๕ ล้านชิ้น/เขต
รวมแล้ว ข้อมูล ณ วันที่ ๒๖ กพ. “ทั่วประเทศ” มีประมาณ ๘ ล้านชิ้น สำหรับให้บุคลากรในโรงพยาบาลใช้
ระหว่าง ๑๐ กพ.-๓ มีค.”องค์การเภสัชกรรม” จัดหาเพิ่มได้ต่ำสุด ๕ หมื่นชิ้น/วัน และ สูงสุด ๕ แสนชิ้น/วัน
ช่วงนี้ เราจึงพบมีหมอออกมาบ่น บางท่านโพสต์เฟซ โรงพยาบาลต่างๆ หน้ากากอนามัยมีไม่พอกับความจำเป็นต้องใช้!
ในขณะที่โรงพยาบาล “ขาด” ชาวบ้าน “หาซื้อไม่ได้” แต่มีประกาศขายออนไลน์กันว่อน เป็นแสนๆกล่อง!
สรุปก็คือ หน้ากากอนามัยจริงๆ แล้ว “ไม่ขาด”
เพราะตื่น ทำให้ขาด นำไปสู่การกักตุน
จริงๆ แล้ว เมืองไทยเรา “คนในประเทศ” ไม่มีใครเป็นตัวพาหะเชื้อโควิด-๑๙ คือที่จะแพร่ติดกันเอง…ไม่มี
หากแต่ “คนไปติดเชื้อจากนอกประเทศ” แล้วกลับเข้ามาแต่ก็ไม่มีออกมาเพ่นพ่าน
เพราะสาธารณสุขไทยเราเจ๋ง คัดกรองทุกด่านเข้า-ออกตั้งแต่แรก คือก่อนข่าวไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดด้วยซ้ำ
ประกอบกับสภาพอากาศบ้านเรามีแต่ร้อนและร้อนมาก ไม่ตรงสเปกโควิด-๑๙ จะฝังตัว
อีกอย่าง ต้องขอบคุณฝุ่น PM 2.5 ทำให้คนในเมืองสวมหน้ากากอนามัยก่อนโควิด-๑๙ เกิด
คุมกำเนิดโควิดไปกรายๆ….
นอกจากคนที่ไปอยู่ในถิ่นระบาด เช่นเมืองอู่ฮั่น ต่อมาก็ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐฯ-ยุโรป-ตะวันออกกลาง
ก็ดูซี อย่างอินเดีย คนเป็นพันล้านและอยู่กันบ้านๆแบบนั้น มีข่าวโควิดมั้ยล่ะ?
ยิ่งตั้งแต่มีนา.เป็นต้นไป ร้อน ๓๐-๔๐ องศา โควิดชักแหง่กๆ!
สรุป ด้วยลักษณะไทย คนที่ไม่ป่วย ไม่เป็นหวัด ไม่ไอค๊อกแค๊ก ไม่น้ำมูกไหล จะสวมหน้ากากให้รำคาญไปทำไม?
เว้นอยู่ในที่คนแน่นๆ เช่นในรถเมล์ รถไฟฟ้า สนามบิน สนามมวย โรงหนัง หรือกิจกรรมคนมากๆ
โรงเรียน มหา’ลัย ราชการในส่วนไม่ได้ติดต่อประชาชนจะสวมทำไม ในเมื่อ “ห้าม” เดินทางไปประเทศเสี่ยงอยู่แล้ว
ละอองฝอยจากโควิด น้ำมูก-น้ำลาย ชีวิตมันสั้น ๕-๑๐ นาทีก็ตาย
ฉะนั้น ที่ควรระวัง-ป้องกัน ผมว่า “มือ” ทั้งสองข้างเรานี่แหละ
เพราะต้องจับโน่น ฉวยนี่ตลอดเวลา เช่น ราวรถเมล์ รถไฟฟ้า ราวสะพานลอย ปุ่มลิฟท์ ก๊อกน้ำ ตามพื้น ตามโต๊ะ-เก้าอี้
พวกนี้ โควิดมันมีชีวิตสิงอยู่ได้เป็นวัน!
เพราะอย่างนั้น การล้างมือบ่อยๆสำคัญกว่าสวมหน้ากาก “กินร้อน-ช้อนกลาง-ล้างมือ” นั่นละ แม่นแล้ว
ก็สังเกตดูซี วันๆ มือเราแคะ-แกะ-เกา จับโน่น-นี่ ตามหน้า-ตา, ปาก-จมูก, วันละกี่สิบครั้ง เป็นร้อยครั้งมั้ง
แต่เราไม่ได้ป้องกันทางง่ายนี้เลย กลับไปป้องกันทางยาก คือสวมหน้ากากกันละอองฝอย
อีกอย่าง วัฒนธรรมไทยอารยะอยู่แล้ว ทักทายด้วยการยกมือไหว้
ไม่มีการหอมแแก้มซ้าย-ขวา ไม่มีการเอาจมูกมาถูแลกขี้มูกกัน จึงเท่ากับตัดหนทางโควิดติดต่อชะงัดนัก
สรุปแล้ว สำหรับคนทั่วไป การสวมถุงมือ การล้างมือบ่อยๆ จำเป็นมากกว่าสวมหน้ากากอนามัย
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({
google_ad_client: “ca-pub-8615230610650868”,
enable_page_level_ads: true
});
หน้ากากอนามัย “จำเป็นที่สุด”……….
สำหรับใช้ ตามโรงพยาบาล สถานพยาบาล สถานบริการ สถานชุมชน โดยเฉพาะกับ ……
๑. แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์
๒.ผู้ป่วย-ญาติ ผู้ไปโรงพยาบาล
๓.คนป่วย คนเป็นหวัด,ไอ-จาม-น้ำมูกไหล
๔.คนอยู่ร่วมกลุ่มมากๆ รถเมล์,รถไฟฟ้า,สนามบิน
๕.คน “อนามัยจัด” และคนตื่นกลัวชนิดไร้ขีดจำกัด
ฉะนั้น ไม่จำเป็นขับรถเผาน้ำมัน ๕๐-๖๐ โล ไปแย่งที่จอด แล้วเบียดเสียดกัน แย่งซื้อหน้ากาก ๓ แผ่น ๑๐ บาท!
สติน่ะ…สติ!
สิ่งที่ภาครัฐควรทำ คือ บริษัท/ห้างร้านใหญ่ เขามีงบ CSR ก็ขอความร่วมมือเขาไปซีว่า
ช่วงนี้ แต่ละบริษัททำหน้ากากอนามัยติดโลโก้ออกแจกเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กรและตัวสินค้าของตน จะดีมั้ย?
แต่ละบริษัท จะผลิตซักกี่แสน-กี่ล้านแผ่น ก็ตามสบาย อนุญาตให้แจกได้ ตั้งแต่ที่ทำเนียบไปถึงก้นครัวชาวบ้านทุกบ้าน
เนี่ย….แบบนี้ “หน้ากากอนามัย” เข้าภาวะปกติแน่
กระจายให้ SME โรงเรียนอาชีวะ กลุ่มแม่บ้าน ผลิตด้วย ก็จะช่วยสร้างสภาพคล่องในยามแห้งโหยได้เยอะ
คนไม่ป่วย-ไม่ไข้-ไม่หวัด อยากใส่ ตามกระแส เชิญตามสบาย
ตามห้าง-ตามบริษัท เขาดีไซน์แบบ ทำแจกเท่ๆเยอะแยะไป ไม่ต้องไปแย่งที่เขาผลิตป้อนโรงพยาบาลใช้ยามนี้
ตอนนี้ ผมว่าปัญหาสำคัญกว่าเรื่องหน้ากากอนามัยสำหรับนายกฯ ที่ต้องลงไปรับมือ คือ
ที่แล้ง-แห้ง คนร้องให้ “เอาน้ำเข้ามา” ตอนนี้
ตกปลายปี…….
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({
google_ad_client: “ca-pub-8615230610650868”,
enable_page_level_ads: true
});
คนก็จะร้องให้นายกฯ มา “เอาน้ำออกไป” ตอนนั้น!
เพราะ “ภัยธรรมชาติล้างโลก” มันมาถึงแล้วจริงๆ เวลานี้
ผมอ่าน “เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก” เขาบอกว่า…..
โซญคลื่นความร้อนโลก ทำให้ธารน้ำแข็งเทือกเขาหิมาลัย ที่ทอดผ่าน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน จีน อินเดีย เนปาล ภูฏาน พม่า
กำลังละลายในอัตราเร่ง!
“ทะเลสาป” กำลังเกิดบนหิมาลัย น้ำจะล้นข้ามตะกอนน้ำแข็ง และตะกอนก็จะละลายเป็นน้ำล้นไหลทะลักลงมาในอนาคตอันใกล้
บวกกับทางเขตวงกลมอาร์กติก……..
น้ำแข็งและชั้นดินเยือกแข็งคงตัวในเขตขั้วโลกละลาย อุณหภูมิที่สูงขึ้น…..
อาจปลดปล่อยเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่หลับไหลในชั้นดินมานานนับพันนับหมื่นปี ให้กลับฟื้นคืนชีพและแผลงฤทธิ์ก่อโรคระบาดในหมู่ประชากรมนุษย์อีกครั้งได้
นั่นคือ…….
โลกพลิกผันดับทะยานมนุษย์วันนี้ ควรปรับยุทธศาสตร์ที่รุกไปข้างหน้า
ถอยลงมาตั้งกำแพงรับด้วยการฟื้นฟูธุรกิจอุตสาหกรรมพื้นฐานอันมีอยู่เดิม และชาวบ้านด้วย “เกษตรพอเพียง” ก่อน
ไม่งั้น “ของเดิม” ก็พัง “ของใหม่” ก็รุกไม่ขึ้น
ไทยเราต้อง “ไม่ยืนตาย” นะครับ!
ภาพ : FB-Army Time Thailand
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({
google_ad_client: “ca-pub-8615230610650868”,
enable_page_level_ads: true
});