ประเทศไทย “มีอะไรเหลือ” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

อ้าว….
“อัยการบอย” มีตัวตนจริงๆด้วยหรือนี่?
เห็นใครบอก “ทุกคนพอเข้าคุก ถามไปทำอะไรมา จะบอก…ผมถูกกล่าวหาแทบทั้งนั้น”
สรุป คือ คำพูดโจร “ไม่มีน้ำหนัก” ให้เชื่อถือ!

ไอ้ผมก็เลยคล้อยตาม
ว่าที่ “แป้ง นาโหนด” ออกมาแฉ ๒-๓ คลิปนั้น “แป้ง” เป็นพวก “หมาหางด้วน” ซะอีก

คือตัวเองติดคุก แต่ไม่ได้ประกันตัว ระหว่างอุทธรณ์
“สำออยป่วย” อยู่โรงพยาบาล แล้วขยิบตากันให้หลบหนีลอยชายชายจาก ชั้น ๑ หรือชั้น ๑๔ ก็ไม่ทราบ

ไปจำ “ศีลโจร” อยู่ในป่า ในเซฟเฮาส์ หรือถลกตูดออกนอกประเทศไปแล้ว การข่าวประเทศไทยยังไม่แจ้ง

เมื่อถูกไล่ล่า……
ไม่รู้จะหาความชอบธรรมตรงไหนมาแก้ตัว

พอมีความรู้ทางเทคโนโลยีพื่อการสื่อสารอยู่บ้าง แป้งก็เลยอัดคลิป ยกเมฆ “ข้าราชการอัยการ” ขึ้นมาคน
สมมติชื่อ “อัยการบอย”

แล้วกล่าวหาลมๆ แล้งๆ หวังลากอัยการบอยให้ “หางด้วน” เหมือนตัวเองด้วย

แต่เมื่อวาน (๓๐ พย.๖๖) “นายธนกฤต จิตรอารีย์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี
นำหนังสือเป็น “คลิป” ร้องเรียนขอความเป็นธรรมของ “แป้ง นาโหนด” มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับอัยการเรียกรับสินบนจำนวน ๕ แสนบาทและพาดพิงถึง “อัยการบอย”
ไปมอบต่อ “อัยการสูงสุด” โดยโฆษกอัยการสูงสุดเป็นผู้หนังสือไว้

ปรากฎว่า…….
“นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์” อัยการสูงสุด มีคำสั่งลงนามย้าย “อัยการบอย” จาก “อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดจังหวัดสงขลา”

เข้ามาประจำที่ “สำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด”
แสดงว่า “อัยการบอย” ของ “แป้ง นาโหนด” มีตัวตนจริงๆ

นั่นเท่ากับ ยอมรับว่า “คำพูดโจร” ใช่จะไร้น้ำหนักทางข้อเท็จจริงซะทีเดียว

อย่างน้อยที่สุด การที่ “อัยการสูงสุด” สั่งย้าย คือการยอมรับ คนที่มีพฤติกรรมโฉดตาม “แป้ง นาโหนด” กล่าวหา
เป็น “ข้าราชการอัยการ”

ผู้ทำงาน “ต่างพระเนตร-พระกรรณ” พระมหากษัตริย์ ในฐานะ “ทนายแผ่นดิน” จริง!

แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อประชาชนทุกคน ต้องการความเป็นธรรม เรียกร้องความเป็นธรรม

ในกรณีนี้ เราทุกคน ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการอัยการ โดยเฉพาะ “อัยการบอย” จำเลยทางใจ ของ “แป้ง นาโหนด” เขาด้วย

คือที่ย้ายอัยการบอยเข้ามาประจำในสำนักงานอัยการสูงสุดนั้น นายธนกฤตบอกว่า…..

“การย้าย มิได้หมายความว่า นายพงษ์พิพัฒน์ (อัยการบอย) ทำผิดตามคลิปของนายแป้ง

แต่ย้ายเข้ามา ให้กระบวนการตรวจสอบของ “สำนักงานวิชาการ” และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ได้เป็นไปโดยโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน

เพราะปัจจุบันถึงแม้ว่าอัยการบอยย้ายมาที่จังหวัดสงขลาแต่ว่าก็ยังเกี่ยวข้องกับงานคดี

ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสบายใจและเพื่อให้สังคมมั่นใจ ในกระบวนการทำงานของอัยการ

ทาง “อัยการสูงสุด” จึงมีการลงนาม “ย้ายอัยการบอย” มาประจำที่ “สำนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์” ที่ศูนย์ราชการเรียบร้อย มีผลวันที่ ๑ ธ.ค.นี้”

ในส่วนการตรวจสอบ “สำนักงานอัยการสูงสุด” กำลังดำเนินการ

สำหรับการตรวจสอบมี ๒ สำนวน……

กรณีฟ้องตำรวจชุดจับกุมและพลเรือนรวม ๘ ราย คดี “อุ้มรีดทรัพย์, กักขังหน่วงเหนี่ยว” แลกกับการไม่ดำเนินคดี นั้น

พนักงานอัยการมีความเห็น “สั่งฟ้อง” ไปเมื่อ ๑๓ ก.ย.๖๖ อยู่ระหว่างนัดส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาฟ้องพร้อมสำนวนวันที่ ๒๒ ธค.นี้

ในข้อหา “ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่” ตามมาตรา ๑๕๗,กักขังหน่วงเหนี่ยวและข้อหาอื่นๆ รวม ๑๐ ข้อหา

ส่วนประเด็น “แป้ง นาโหนด” อ้างว่า….
“อัยการบอย” เรียกรับผลประโยชน์เป็นเงิน ๕ แสนบาท นั้น “ข้อกล่าวหา” นี้

ต้องรอ “คณะกรรมการ” ที่อัยการสูงสุดตั้งขึ้นมาตรวจสอบในประเด็นที่ร้องเรียนว่า “ไม่ได้รับความเป็นธรรม”

จะรู้ผลเมื่อไรนั้น…

“นายประยุทธ เพชรคุณ” โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด บอกว่า
“จะมีการชี้แจงถึงผลการสอบสวนอีกครั้ง”

ส่วนจะมีคำสั่งย้ายอัยการที่ถูกกล่าวอ้างหรือไม่นั้น ท่านบอกว่า
“มองว่า…เรื่องนี้ ยังไกลไปที่จะมีคำสั่งได้”

ทั้งแป้ง ทั้งสาธุชนคนดี-คนเลวทั้งหลาย สดับแล้วโปรดโยนิโสมนสิการตามนี้นะครับ

ผมเพียงผู้นำข่าวสารมาบอก
ส่วนใคร “เข้าใจได้-เข้าใจไม่ได้” ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณา-วินิจฉัย ด้วยรากปัญญาของแต่ละท่าน เทอญ!

ก็อย่างที่ทราบกันทั่วไปนั่นแหละ “ศาล” นั้น เป็น “ปลายน้ำ” ของกระบวนการยุติธรรม
ส่วน “ตำรวจ” เป็น “ต้นน้ำ” และอัยการเป็น “กลางน้ำ”

แต่ละคดีที่ “นำขึ้น-ไม่นำขึ้น” สู่ชั้นพิจาณาในศาล
อยู่ที่ “ต้นน้ำ” กับ “กลางน้ำ” นี่แหละ!

แต่ละคดีจะมีทิศทางและน้ำหนักไปทางไหน ก็อยู่ที่สำนวนด้วยฝีมือปรุงรสของ “ตำรวจ-อัยการ”
“จะหลุด-จะติด” ขึ้นอยู่กับสำนวน พยานหลักฐาน และน้ำหนักการให้การของโจทก์-จำเลย พร้อมทั้งพยานเอกสาร พยานบุคคล พยานวัตถุ

ในระบบ “กล่าวหา” ข้อเท็จจริง เป็นส่วนหนึ่ง
“ข้อเท็จ” แต่ทนายฟอกถ่านเก่ง พยานให้การเก่ง ถ่านก็ขาวได้

เช่นเดียวกัน “ข้อจริง” แต่โจทก์หรือจำเลย รวมทั้งพยาน มัวกระหยิ่มว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”
ก็จริง… “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”

แต่ผมเห็นคนเชื่อมั่นในความจริงต้อง “ตายคาคุก” ไปหลายต่อหลายรายแล้ว

เพราะความจริง “ในความเป็นจริง” กับข้อเท็จจริง “ในสำนวนคดี” มันเป็น “จริงคนละเรื่องเดียวกัน”!

ตั้งแต่สมัย “นายสมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นรัฐมนตรียุติธรรมในรัฐบาลที่แล้ว ถ้าสังเกตจะเห็นว่า
“กรมราชทัณฑ์” ก้าวหน้าไปเยอะ!

เยอะจนต้องจัดสารบบในกระบวนการยุติธรรมใหม่ว่า
นอกจาก “ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ” คือ “ตำรวจ-อัยการ-ศาล” แล้ว

ในยุคนายสมศักดิ์ งอกขึ้นอีกกระบวนการอย่างมีความหมายซ่อนเร้น คือ
“ราชทัณฑ์” ก่อเกิดเป็น “น้ำที่ ๔” ในกระบวนการยุติธรรม

ทุกวันนี้ ลำดับสายธารกระบวนการยุติธรรมจึงเป็น
“ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ”

และทั้ง ๓ น้ำ ไหลลงไปรวมที่ “ปากอ่าว” คือ “คุก”

นั่นคือ “กรมราชทัณฑ์” เป็นอำนาจที่ ๔ ในกระบวนการยุติธรรม “โดดเด่น” เป็นสง่าในยุคนี้!

ตำรวจจับ-จับไป, อัยการส่งฟ้อง-ฟ้องไป, ศาลตัดสินจำคุก-จำไป

พอเข้าคุก ราชทัณฑ์มีโบนัส มีลด-แลก-แจก-แถม มีแต่ชื่อ แต่ไม่มีตัวบ้าง, มีตัว แต่ไม่อยู่ในคุกบ้าง

แปลงคุกเป็นอาณาจักรเจ้าพ่อได้บ้าง, ให้เหาะไปอยู่ชั้น ๑๔ บ้าง, ให้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วล่องหนไปบ้าง
เรียกว่า “ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ”
ไหลลง “ปากอ่าว” เรียบ!

ไม่งั้น “ทักษิณ” จะเป็น “นักโทษเทวดา” ป่วย ๑๐๐ วัน อยู่รอยัล สวีท ชั้น ๑๔ ของโรงพยาบาลตำรวจ ชนิดไม่มีคำตอบใดๆ จากราชทัณฑ์ได้หรือ?

ในเมื่อทักษิณเริงร่า ฟิตปั๋ง ชนิดนั่งฉี่ ฟาดใส่หัวคางคกแตก ขึ้นเรือบินจากสิงคโปร์ มาเข้าคุกไม่ทันข้ามวัน ป่วยปุบ-ปับ ต้องเอาฮ.มารับไปเข้าโรงพยาบาลกลางดึกได้ไง?

แถมป่วย ๑๐๐ วัน ยังไม่หาย หมายความว่าอาการสาหัสปางตายหรือยังไง ทำไมราชทัณฑ์ตอบไม่ได้ว่า “ป่วยเป็นอะไรแน่?”

“ป่วย” จะตายจริง หรือ “ป่วยการเมือง” หรือป่วยสำแดงเดชเป็นคนพิเศษ “เหนือ” กบิลบ้าน-กบิลเมือง”?

และหมอคนไหนเป็นเจ้าของไข้ ตอบทีซิ…มันเป็นโรคร้ายชนิดหมอไร้ฝีมือรักษาให้หาย
หรือป่วยเพราะอาถรรพณ์ “ผีบ้าน-ผีเมือง” ทำกับคน “ยำแกง” ประเทศ ให้ต้องมีอันเป็นไป?

ไม่ใช่อะไร จะได้ช่วยกันจัดหาหมอมารักษาให้ถูกกับอาการโรค ในเมื่อหมอโรงพยาบาลรักษาไม่หาย
ลอง “หมอผี” ดูบ้าง อาจเข้าตำรา “ลางเนื้อ-ชอบลางยา” นักโทษเทวดาจะได้หายสูญ

แล้วมาเอา “นายกฯ เศรษฐา” ออกไป เอา “อุ๊งอิ๊ง” นายกฯ ใหม่เข้ามา ผมอยากกิน “หมูกระทะ” จนทนไม่ไหวแล้ว
คิดแล้วก็กลุ้มนะ เป็นคนยุคนี้

จะกินอาหารญี่ปุ่น เช่น “ปลาดิบ” ก็กลัวปลาสารกัมมันตะรังสี จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แตก

ครั้นจะกิน “หมูกระทะ” ซอฟต์ พาวเวอร์อุ๊งอิ๊ง ก็กลัว “หมูเถื่อน” เพราะมันร้าย ขนาดตายข้ามทวีปเข้ามาแท้ๆ
พอเปิดตู้ปุ๊บ-กัดปั๊บ
อธิบดี DSI ชักแหงกๆ เลย!

นายกฯเศรษฐา เกรี้ยวกราดดีเอสไอก่อนหน้า “ผมสั่งแล้ว ทำไมไม่จับ?”
พอไปจับห้างเจ้าพ่อ เจอทั้งหมู เจอทั้งตอ
DSI เจอคำถามใหม่….

“ใครใช้ให้มึงไปจับ?”!?
ตะแลม..ตะแลม..ตะแล้มแต่มแต้มมมม!!

เปลว สีเงิน
๑ ธันวาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
๗ ปี “ไล่นายกฯ” อย่างเดียว – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน หมา-แมว จับมาแต่งเป็นคน ยังเหมือนคน แต่ “ตะกวด” นี่ แต่งยังไงๆ แถมให้เอาโบมาผูก มันก็ยังเป็นตะกวด! ย้อนดูสส.บางคน...
Read More
0 replies on “ประเทศไทย “มีอะไรเหลือ” – เปลว สีเงิน”