25 ตุลาคม 2566 เวลา 10.25 น. ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ถนนรางน้ำ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ภายหลังการกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เร่งเครื่อง…ติดสปีดเศรษฐกิจไทย” และมอบรางวัลสุดยอด CEO ประจำปี 2023
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความคืบหน้าของนโยบาย Digital Wallet ขอให้ติดตามข้อมูลจากนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
ส่วนเรื่องการปรับเงื่อนไขดูว่าใครรวย ไม่รวยนั้น รัฐบาลกำลังหาคำจำกัดความที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายว่า คำว่าคนรวยนั้นคืออะไร พร้อมกับน้อมรับคำแนะนำของผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะเจาะจงมากขึ้น ซึ่งบางภาคส่วนที่ไม่เดือดร้อนอาจจะไม่ต้องรับ
ในส่วนนี้รัฐบาลจะรับฟังความเห็นคิดของทุกฝ่าย ส่วนเรื่องการแบ่งจ่ายเป็นสามงวดนั้น ได้มีการพิจารณาแล้วและมีความเห็นว่าไม่เอา เพราะการจ่ายงวดเดียวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินที่ใหญ่ และจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริง
ทั้งนี้ กรณีการร้องเรียนกับองค์กรอิสระว่านโยบาย Digital Wallet ขัดต่อกฎหมาย รัฐบาลพร้อมชี้แจง ถือเป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระมีในการตรวจสอบ รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องชี้แจงถึงข้อเท็จจริง จะเห็นได้ว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา GDP ของประเทศไทยเติบโตเฉลี่ย 1.8% หนี้ครัวเรือนขึ้นจาก 76% ขึ้นมาเป็น 91% สูงจนเป็นอันดับ 7 ของโลก
ประเทศไทยต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลต้องเดินสายชี้แจง รับฟังข้อเสนอแนะ ข้อท้วงติง หากมีคนไปร้องเรียน รัฐบาลก็จำเป็นต้องชี้แจง นอกจากนั้นรัฐบาลกำลังเร่งเดินหน้านโยบาย Digital Wallet ให้เร็วที่สุด สำหรับข้อมูลรายะละเอียดต่าง ๆ ขอทำการประชุมก่อน เพราะทุกคนมีข้อสงสัยมากมายหากพูดไปโดยที่รายละเอียดยังไม่เรียบร้อยจะทำให้เกิดความสับสนขึ้นอีก
นากยกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่อง ข่าวการรับสินบนกรณีคนในครอบครัวนายชาดาฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย แต่ยืนยันหากตรวจสอบแล้วผิดจริงต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนเรื่องที่ว่ารัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกไหมนั้น ตนมองว่าคงไม่ถึงระดับนั้น เพราะยังไม่รู้เลยว่ากระทำผิดจริงไหม ขอให้เสร็จกระบวนการก่อนเราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ข่าวการปล่อยตัวประกัน 50 คนว่า ได้รับรายงานแล้ว แต่ตนยังไม่ได้พูดคุยกับรองนายกรัฐมนตรีเลย ทั้งนี้ ได้ทราบจากรองนายกรัฐมนตรีบอกว่าจะมีข่าวดีในเร็ว ๆ นี้
โดยทางฝ่ายความมั่นคง ผู้บัญชาสูงสุด สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ทำงานอย่างเต็มที่ และมีรายงานมาโดยตลอด ส่วนกรณีแรงงานที่ทำงานในอิสราเอลที่เดินทางกลับประเทศไทยนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีรายงานว่ามีแนวโน้มดีขึ้น
ซึ่งวันนี้จะมีการพูดคุยกับรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังและทีมงานกระทรวงการคลังว่าจะมีมาตรการไหนมาช่วยตรงส่วนนี้ เพราะแรงงานหลายท่านที่เดินทางไปต่างประเทศต้องมีการกู้เงินมาเพื่อใช้ในการเดินทาง เหตุผลหนึ่งที่บางท่านตัดสินใจไม่กลับนั้น และยอมเสี่ยงชีวิตเป็นเพราะว่ามีเรื่องของเงินกู้ที่ต้องจ่าย รัฐบาลต้องกลับมาดูว่าสามารถช่วยเหลือส่วนไหนได้บ้าง ขอยืนยันว่ารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่