ทำไมต้อง “ดิจิทัล โทเคน”? – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

คนอายุ ๑๖ ปี ขึ้นไป มีราวๆ ๕๖ ล้านคน
รัฐบาล “เศรษฐา-เพื่อไทย” จะแจกเงินให้คนละ ๑ หมื่นบาท รวมเงินที่จะแจกทั้งหมด ๕๖๐,๐๐๐ ล้านบาท!
ครอบครัว “ชินวัตร”
คุณหญิงพจมาน ๑ คน ลูก ๓ คน แต่งงานหมดแล้ว รวมลูกตัว-ลูกเขย-ลูกสะไภ้ ๖ คน นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ อีก ๑ คน รวมเป็น ๗ คน

ก็จะได้รับแจกรวม ๗๐,๐๐๐ บาท นำไปจับจ่ายใช้สอยซื้อข้าวของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน

ซื้อผักหญ้า ข้าวปลา อาหาร ที่จำเป็น เพื่อทุกคนในครอบครัวจะได้สุขภาพแข็งแรง เพราะมีอาหารรับประทานครบ ๕ หมู่

ยายเมี้ยน ที่สุพรรณฯ ดายหญ้าแลกข้าว-แลกอาหารสดกับเงินนิดหน่อย เลี้ยงดูตาถม-สามี ที่ป่วยอัมพาต กับหลาน ๑ คน

เสียดาย ตา-ยาย ได้แจกแค่ ๒ หมื่น

เพราะหลานสาวที่แม่มันถูกผัวทิ้ง ก็เลยเอาลูกมาทิ้งให้พ่อกับแม่เลี้ยงแทน อายุแค่ ๑๔ เลย…อด

สู้ตาเทิ้มคนละแวกเดียวกันไม่ได้ มีลูกชาย-ลูกสาว อายุ ๑๗-๑๘ ปีแล้ว ได้อีกคนละหมื่น เอาไปเติมเน็ต เติมน้ำมันมอไซค์

วันๆไม่รู้ไปไหนของมัน?
งานการไม่ทำ เล่นแต่เน็ต ตื่นสาย กินข้าวแล้วเข้าแก๊งมอไซค์ เป็นฝูง พากันไป ไม่รู้ไปซื้อสินค้าบริการที่ไหน กลับก็มืดค่ำ-ดึกดื่น

ได้กันคนละหมื่น ตาเทิ้มคงโมโหน้อยลง
เพราะอย่างน้อย ใน ๖ เดือนนี้ ลูกบังเกิดเกล้าคงไม่…”พ่อ ตังค์หน่อย”
แล้วก็ลอยชายไปตามเทรนด์ “คนรุ่นใหม่”
ที่ “ไม่ได้อยากเกิด พ่อแม่ทำให้เกิดเอง ก็ต้องรับผิดชอบสิ”!

สรุปแล้ว ไอ้แจก ๕.๖ แสนล้าน ทุกหัวอายุ ๑๖
ถอดแบบมาจาก “รับจำนำทุกเมล็ด เกวียนละหมื่นห้า” ถึงไม่ใช่ ก็ใกล้เคียง

แจกน่ะ ไม่มีใครว่า แต่การไล่แจกชนิดไม่แยกแยะ “คนด้อยโอกาส-คนมีโอกาส” ในวงจรชีวิต,อาชีพ,ฐานะ

คือแจกดะ กระทั่ง นายชาตรี โสภณพนิช เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าสัว ธนินทร์ เจียรวนนท์

กระทั่ง สส.-สว.ทั้งรัฐสภา กระทั่งครม.เศรษฐาทั้งคณะ ได้หมด

ถามว่า แจกแบบนี้…แจกทำเกี๊ยะหรือ?

นี่แหละ ประเด็นที่นักวิชาการ อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ และคนมีความคิดทั้งหลาย เขาท้วงติง อยากให้เศรษฐาทบทวน

เพราะ ๕.๖ แสนล้าน ไม่ใช่เงินครอบครัวชินวัตร ไม่ใช่เงินนายกฯ เศรษฐา ไม่ใช่เงินบัญชีม้า หรือเงินค้ายาเสพติด

แต่มันคือ เงินที่เก็บจากประชาชนไปในรูปแบบภาษีต่างๆ เพื่อใช้เป็นงบประมาณเลี้ยงดูคนในระบบราชการ และเพื่อใช้พัฒนาประเทศชาติ

ไม่ใช่ให้นักการเมืองเอาไป “ตกเบ็ด” ชาวบ้านเพื่อคะแนนเสียง-คะแนนนิยมในการเลือกตั้ง

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านตลอดถึงลูกหลานในอนาคต ก็ต้องรับภาระใช้หนี้ เงิน ๕.๖ แสนล้านก้อนนี้ ไปอีกครึ่งค่อนศตวรรษ

บวกดอกเบี้ยรายเดือนไปด้วย จาก ๕.๖ แสนล้าน ก็ไม่หนี ๘ แสนล้าน

ที่ “เศรษฐา-เพื่อไทย” เอาทั้งเงินในอนาคต เอาทั้งอนาคตประเทศ-อนาคตลูกหลาน มาพล่าผลาญ สังเวยนโยบายหาเสียงแท้ๆ

ผมฟังนโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ ๑ หมื่น ตั้งแต่วันแรกตอนหาเสียง จนเป็นรัฐบาล และจนมาถึง ณ วันนี้ (๑๑ ตค.๖๖)

จับได้ชัดว่า นโยบายแจก ๑ หมื่นถ้วนหน้า นั้น เริ่มต้นจาก ๒ ไม่ ๑ รู้

ไม่แรก….
คือไม่รู้ ไม่ศึกษา ไม่มีแผน ที่คิดครบมาก่อน แค่พูดไปก่อน “แจก ๑ หมื่น” เพื่อหลอก “เสือตาบอด” ให้มาเข้ากรงเพื่อไทย

ไม่ที่สอง…
ยังไม่รู้เลยว่า จะเอาเงิน ๕.๖ แสนล้านบาทมาจากไหน?

๑ รู้ คือ….
“เศรษฐา-เพื่อไทย” รู้ว่าต้องแจกเป็น “ดิจิทัล โทเคน” เท่านั้น แทนการแจกเงินสด ๑ หมื่นเข้า “แอปเป๋าตัง” ที่ลุงตู่ทำไว้ ที่ทุกบาท-ทุกสตางค์ ถึงมือชาวบ้านโดยตรง ชนิดไม่มีเลศนัย

โอนเงินเข้า “แอปเป๋าตัง” ก็เป็นแอปของกรุงไทย แพลตฟอร์มก็ของกรุงไทย ทุ่นไปเป็นพัน-เป็นหมื่นล้าน โดยไม่ต้องยักเยื้องไปลงทุนสร้างระบบใหม่

รู้กันมั้ย….?
ว่าการลงทุนสร้างเซิร์ฟเวอร์ คืออุปกรณ์ที่ใช้ประมวลผลตามที่ Application ต้องการ นั้น มันต้องใช้ทั้งมืออาชีพ ทั้งเงิน และเวลา ขนาดไหน?

แต่ถ้าโอนเงินสดเข้าแอปเป๋าตัง ก็อดค่าลงทุนระบบ!?

นอกจากไม่ได้ใช้เงินสร้างระบบใหม่แล้ว….
ถ้าใช้เงินสด
มันก็ไม่มีงบค่าใช้จ่ายในการออกเหรียญและการให้บริการโทเคน ซึ่งต้องจ้างบริษัทภายนอกเขาออก

นั่นหมายถึง การออกโทเคน ในรูปแบบคูปองผ่าน “ดิจิทัล วอลเลต” นี้ ต้องเข้าใจให้ชัด
ไม่ใช่เงินสด และใช้แลกเป็นเงินสดไม่ได้

ให้ใช้เฉพาะซื้อสินค้าและการบริการตามที่กำหนดเท่านั้น

ดังนั้น งานนี้ จึงต้องมีบริษัท รับจ้างออกโทเคนและผู้ให้บริการโทเคน ๕.๖ แสนล้านบาท และต้องออก ๕.๖ แสนล้านโทเคน สำหรับแจกคน ๕๖ ล้านคน!

ค่าบริการและค่าออกโทเคน รวมถึงตอนครบกำหนด ๖ เดือน ผู้ถือโทเคนมือสุดท้าย นำมาขึ้นเงินสด ๕.๖ แสนล้าน จากรัฐบาล

ค่าธุรกิจบริการส่วนนี้ อีกเท่าไหร่ จากยอด ๕.๖ แสนล้าน คิดแล้ว…น้ำลายหยดเป็นปลากระป๋องปุ้มปุ้ย!?

เหล่านี้ ในฐานะเศรษฐามีประสบการในการขาย “โทเคน ดิจิทัล สิริ ฮับ” ของเศรษฐาเองมาแล้ว กับ “บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด” ซึ่งเศรษฐาถือหุ้นใหญ่อีกนั่นแหละ

โดยบริษัท เอสพีวี 77 จำกัด เป็นผู้ออกโทเคน และเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการ

นโยบายหาเสียง เน้นแจก ๕.๖ แสนล้าน แต่ไม่เน้นเป็นเงินสด ต้องแจกเป็น “ดิจิทัล โทเคน” ดังว่านั้น
ใน ๒ ไม่รู้ ของเศรษฐา….

ก็พอปรู๊ฟได้ว่า มี ๑ รู้ คืออย่างน้อยเศรษฐา รู้อยู่กับใจว่า เพราะอะไร จึง “ยืนกระต่ายขาเดียว”
…ว่าแจกนั้น ต้องแจกเป็น “ดิจิทัล โทเคน!?”

อย่าว่าแต่ชาวบ้านทั่วไปเลย แม้ผมเองก็ค่อยประสาในความแตกต่าง ระหว่าง “โทเคน” กับ “เหรียญ” หรือ Coin
จึงทั้งเรียก-ทั้งเข้าใจ สับสนกันไปหมด

ต้องเข้าใจให้ชัดนะ เวลาฟังรัฐบาลเขาพูด จะได้เป็น “เสือตาสว่าง” กับเขาบ้าง

ทั้งโทเคนและเหรียญหรือ Coin ใช้เทคโนโลยี “บล็อกเชน” เหมือนกัน

แต่ “โทเคน” นี้ เป็นแบบคูปอง ใช้แลกซื้อของกิน-ของใช้ บ้านไหนลูกดก รวมเงินไปดาวน์บ้าน “โครงการแสนสิริ” ก็ได้ เขารับ “ดิจิทัล โทเคน”

เพราะครบ ๖ เดือน ในฐานะซัพพลายเออร์ เขาเอาไปขึ้นเงินสดได้

ส่วน Coin หรือเหรียญดิจิทัล เหมือน “สกุลเงิน” ที่เรียก Cryptocurrency อย่างหยวน ดิจิทัล ของจีน ของไทยก็มี

นั้นคือ Coin คือ “เงินสกุลดิจิทัล” ออกโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ที่เรียก “สกุลเงิน CDBC”

ตรงนี้แหละ ที่เป็นปัญหา เมื่อคนถามว่า “รัฐบาลจะเอาเงิน ๕.๖ แสนล้านจากไหนมาแจก?”
แล้วทุกคนในรัฐบาล ก็ตอบอู้อี้เหมือนถูกผีอำ

ครั้นถาม ถ้าอยากแจก ก็แจกเป็นเงินสดเข้าแอปเป๋าตังไปซี ต้องโยกโย้แจกเป็น ดิจิทัล โทเคน ผ่าน ดิจิทัล วอลเลตให้มันยุ่งยากซับซ้อนทำไม?

เป็นไข่ปลิ้นในกางเกงไปเลย หาความชัดเจนไม่ได้จนบัดป่านนี้

ทั้งหมดนั้น เพราะ ๑.ยังไม่รู้จะเอา ๕.๖ แสนล้านมาจากไหน ตะก่อนคุยโว รับประกันไม่แตะงบประมาณ ไม่กู้

แต่ตอนนี้ เริ่มแทะเล็มงบประมาณแล้ว ตัดตรงโน้น รีดตรงนี้ แต่มันก็ยังได้ไม่ครบ ๕.๖ แสนล้าน

เมื่อยังได้ไม่ครบ นั่นแหละ จึงเป็นที่มา ระบุชัดจะออก “ดิจิทัล โทเคน” ยังไม่ได้ ได้แค่พูดแค่ว่า จะผ่าน “ดิจิทัล วอลเลต”

“ดิจิทัล วอลเลต” มันแค่กระเป๋าเปล่า

“ดิจิทัล โทเคน” นั่นตะหาก จะออกได้ยังไง เพราะการจะออกโทเคน ตามกฎต้องมีสินทรัพย์รองรับ-หนุนหลัง

จึงมาถึงข้อ ๓๒.คือในเมื่อ รัฐบาลยังควานหาเงินอยู่ ตราบใดที่ยังไม่มีหลักทรัพย์มารองรับโทเคน ๕.๖ แสนล้าน
ตราบนั้น ก็ยังออก “ดิจิทัล โทเคน” ไม่ได้!

ต่อให้ บริษัท เอ็กซ์สปริง บริษัท เอสพีวี 77 ที่ถูกต้องตามกฎหมาย คู่ธุรกิจออกเหรียญ “โทเคนจิทัลสิริฮับ” ให้เศรษฐาเองก็เถอะ

แม้มีค่าธุรกิจบริการล่อใจขนาดไหน ยังไงๆ ก็ไม่กล้า!

เห็นรัฐมนตรีช่วยคลังบ้าง บิ๊กๆ เพื่อไทยบ้าง ออกมายกแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน โน้มน้าวให้เคลิ้ม ว่าต้องแจก ๑ หมื่น

แต่พอนักข่าวซักไป-ซักมา คนตอบลอยไปตามปิง วัง ยม น่านโน่น อพิโถ!

สรุปแล้ว ความเป็นกบในกะลาครอบของผม มองผ่านรูกะลาตาเดียว

ก็เห็นว่า เจตนาต้องแจก “ดิจิทัล โทเคน” แทนที่จะแจก “เงินสด” ไปเลย มีอย่างเดียว

“ดิจิทัล โทเคน” มันเป็นธุรกิจระดับหมื่นล้านน่ะ!

เปลว สีเงิน
๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
อย่าล้นจนเกินศาล-เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน เลขาฯ สภาผู้แทนราษฎรนี่ ฉับไวดีจัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” สั่งปุ๊บ ๘ กันยา. ให้จัดส่ง “สำเนาบันทึกการประชุม” และ...
Read More
0 replies on “ทำไมต้อง “ดิจิทัล โทเคน”? – เปลว สีเงิน”