เศรษฐากับ “ไฟหายนะ” – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ..⬇️

เปลว สีเงิน

“นายกฯเศรษฐา” นี่
“เครื่องฟิต” ปึ๋ง
เห็น “ให้โอวาท” รัฐมนตรีเพื่อไทยเมื่อวาน (๔ กย.๖๖) แล้วต้องบอกว่า
เป็นปลา “ตื่นน้ำ” ดีแท้!
ก็อยากสะกิดไว้นิดว่า “เครื่องยนต์ยังใหม่ อย่าเพิ่งเหยียบคันเร่งให้มันเต็มตีนนัก”
ไม่ใช่อะไรหรอก “เครื่องมันจะไหม้ซะก่อนน่ะ”!

เช่นที่บอกว่า…….
“การทำงานเพื่อประชาชนห้ามบอกว่า ทำไม่ได้ หากติดขัดเรื่องกฎหมายให้แก้กฎหมาย หรือหากติดขัดเรื่องคน ก็ให้เปลี่ยนคน”

สมแล้วที่สายเลือดนายทุนแท้ เงินตัวเอง ธุรกิจตัวเอง บริษัทตัวเอง ลูกจ้างตัวเอง กฎระเบียบบริษัทเขียนเอง
เลยติดนิสัย ต้องการแบบไหน ทุบโต๊ะสั่งได้ ไม่พอใจไล่ออก!

แต่นี่ “ประเทศไทย”….
อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ในระบบบริหารราชการและการปกครองแผ่นดิน
“พระมหากษัตริย์” ทรงใช้พระราชอำนาจ ผ่านทาง ๓ สถาบันหลักของชาติ

สถาบันบริหาร คือรัฐบาล, สถาบันนิติบัญญัติ คือรัฐสภา และสถาบันตุลาการ คือศาล

นั่นคือ ทั้งนายกฯ-ผู้นำฝ่ายบริหาร, ทั้งประธานรัฐสภา-ผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ และทั้งประธานศาลฎีกา-ผู้นำฝ่ายตุลาการ
ล้วนปฎิบัติหน้าที่ “ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์” ทั้งสิ้น

ดังนั้น เศรษฐาตอนนี้เป็นนายกฯ การจะสั่งรัฐมนตรี “ติดขัดเรื่องกฎหมาย ให้แก้กฎหมาย, ติดขัดเรื่องคน ให้เปลี่ยนคน”
แบบนั้น สั่งลูกจ้างบริษัทแสนสิริ สั่งได้

แต่ในระบบราชการงานเมือง ถึงสั่งได้ แต่มันทำไม่ได้ ถึงทำได้ มันก็ไม่ง่าย
เผลอๆ คุก ทั้งคนสั่งและคนทำตามสั่ง!

ตัวอย่างมีทั้งในคุก-นอกคุก สมัยยิ่งลักษณ์นั่นไง ติดขัดเรื่องคน ก็ย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาฯ สมช.เอาพวกตัวเองมาเป็น

ผล…ศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยมติเอกฉันท์

“ยิ่งลักษณ์ใช้ตำแหน่งแทรกแซงโยกย้าย ทำให้ความเป็นรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว”
ตกเก้าอี้นายกฯไปเลย เศรษฐาน่าจะจำได้นะ!?

ดูทัศนคติ แนวคิด-แนวปฎิบัติแล้ว เศรษฐานี่ ทำงานร่วมทีมพรรคก้าวไกล น่าจะเข้าขากันได้ดี
อย่างเรื่อง “ติดขัดกฎหมายให้แก้กฎหมาย”

สเปกเดียวกับก้าวไกลเป๊ะ

วันก่อน นายอะไรล่ะ…จำชื่อไม่ได้ พรรคก้าวไกลที่เป็นรองประธานสภาคางเหมือนเขียงนั่นน่ะ

โพสต์ภาพตัวเองโฆษณาเบียร์คราฟ อ้างเป็นผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นพิษณุโลก

สังคมโวย เฮ้ย…นั่นมัน “ผิดกฎหมาย” นะ ตำแหน่งสูง แต่ไหงวุฒิภาวะต่ำอย่างนั้นล่ะ?

พรรคพวกในพรรคก้าวไกล สายนิยมผลิตสินค้าอบายมุข ก็ออกมาสวนทันที

“เดี๋ยวจะไปแก้กฎหมาย ให้ผลิตได้-โฆษณาได้ แถมวันสำคัญทางศาสนาก็ให้ขายได้”!

นี่ โอวาทเศรษฐามาแนวนี้เลย

“มีอำนาจแล้วทำอะไรต้องไม่ผิด กฎหมายตะหากที่เขียนให้ผิด ฉะนั้น ผิดตรงไหน ก็ไปแก้กฎหมายให้มันเป็นถูกซะ”
ก็คงเจริญหละ แบบนี้

ไม่ใช่บ้านเมืองเจริญ หากแต่ “เจริญตามรอย (ทักษิณ) น่ะ!

วันนี้ คณะรัฐบาลเศรษฐา (๕ กย.) จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฎิญานตนก่อนปฎิบติหน้าที่

เท่าที่ฟังนายกฯเศรษฐาผู้ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยบอก เข้าทำงานปุ๊บ งานแรก ลดราคาน้ำมัน ลดค่าไฟ รถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย

ที่ชะเง้อรอกันคอยืด-คอยาว คือ แจกเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่านเหรียญ “ดิจิทัลเพื่อไทย” ให้กับทุกคน ที่อายุ ๑๖ ปี ขึ้นไป ที่มีบัตรประชาชน เลข ๑๓ หลัก

เศรษฐาบอก จะโอนเข้าบัญชีคน ๕๐ ล้านคน รวดเดียวเลยคนละ ๑ หมื่นบาท และต้องใช้ให้หมดภายใน ๖ เดือน
ถอนเป็นเงินสดไม่ได้!

การใช้ก็มีเงื่อนไขว่า ตามร้านค้าในรัศมี ๔ กม.ของที่อยู่แต่ละคนเท่านั้น จะใช้รวดเดียว ๑ หมื่น หรือทะยอยใช้ก็ได้

คนไม่มีโทรศัพท์มือถือ ก็ไม่ต้องห่วง แค่มีบัตรประชาชนก็ใช้ได้แล้ว

รัฐบาลเขาจะโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินสดตามเลขที่ลงทะเบียน ตามบัตรประชาชน และมีโค้ดให้

การจะเอาไปใช้จ่าย ก็ต้องใช้จ่ายตามร้านค้าที่ลงทะเบียน

ส่วนร้านค้าที่จะรับเงินเหรียญดิจิทัลเพื่อไทย ต้องเป็นร้านค้าในระบบภาษี ร้านไหนไม่มี ต้องไปตีทะเบียนที่ “กรมพัฒนาธุรกิจ” มาให้ถูกต้อง

แล้วสรรพากรจะไปติดตั้งระบบ Point of Sale ให้แต่ละร้านค้า ตรวจสอบคนใช้ เพื่อรู้ยอดภาษี ยอดรายได้ และยอด VAT

นี่ ผมก็อธิบายตามที่พยายามฟังพรรคเพื่อไทยคนนั้นพูดที-คนนี้พูดที ได้ความประมาณนี้ ซึ่งดูแล้ว เพื่อไทยเองก็ยังไม่ตกผลึกว่า

จะใช้ระบบอะไรรองรับ “เหรียญดิจิทัลเพื่อไทย” จะว่า e-money อย่างบัตรทั่วไปที่ใช้แลกเงินได้ ก็ไม่ใช่ จะเป็นระบบบล็อกเชน ก็ไม่เชิง!

เพราะบล็อกเชน เป็นระบบไม่ผ่านตัวกลาง การใช้จ่ายจึงไม่สามารถตรวจสอบได้

ต่างกับระบบ e-money คือพวกบัตรอย่างที่เราใช้กัน ซึ่งมีตัวกลางคือแบงก์ คุณจะใช้ได้ ก็ต้องมีเงินจริงๆ ของคุณอยู่ที่แบงก์

แต่ทีนี้ ฟังเศรษฐาว่า จะใช้โทเคน คือเหรียญระบบบล็อกเชน ซึ่งเป็นระบบไร้ตัวกลาง

แล้วที่ให้สรรพากรไปติดตั้งระบบตามร้านค้า เพื่อเช็คว่าใครใช้จ่ายอะไร มันก็ต้องใช้ KYC คือการตรวจสอบ-ยืนยันตัวตนลูกค้า คือคนเอาดิจิทัลเพื่อไทย ๑ หมื่นมาใช้

แล้วมันจะยังไงกันล่ะ?
เพราะนี่เท่ากับ “พันธุ์ลูกผสม” ระหว่าง มีตัวกลางกับไม่มีตัวกลาง รัฐบาลต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ ในการสร้างระบบนี้ขึ้นมารองรับ “งานแจกเฉพาะกิจ” นี้

ต้องเข้าใจกันด้วยนะ ๑ หมื่นที่แจก ไม่ใช่ธนบัตรใช้หนี้ได้ตามกฎหมาย

มันไม่ต่าง “เบี้ยกุดชุม” หรือ “บัตรกำนัล” ที่เขากำหนดสถานที่-เวลา-ร้านค้า-ตัวคน ให้ไปแลกสินค้าเท่านั้น เอาแลกเป็นเงิน หรือทอนเป็นเงินก็ไม่ได้

แล้วร้านค้านั้นก็เอาไปใช้ต่อไม่ได้ ต้องเก็บไว้จนครบ ๖ เดือนหรือตามงวดที่รัฐบาลกำหนดให้นำไปแลกเงินได้ จึงจะเอาไปแลกได้

เพราะเงินที่ใช้แจกนี้ตั้ง ๕ แสนกว่าล้านบาท รัฐบาลไม่มีเงินมากองรอให้แลกได้ ๒๔ ชั่วโมงหรอก

เขาก็หวังให้เบี้ยกุดชุมหรือบัตรกำนัลนั้น ไปหมุุนเครื่องจักรการผลิตสินค้าไปเป็นตัวขับเคลื่อนแต่ละฟันเฟืองระบบอุตสาหกรรม

เพื่อสร้างยอด GDP ไว้โม้ ว่า…เห็นมั้ย เพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วเศรษฐกิจโต เท่านั้น-เท่านี้

แต่ผมจะบอกให้ ฝันไปเหอะ!
ที่คิดว่า แจก ๑ หมื่นแล้ว เงินจะหมุน ๔-๕ รอบ เก็บภาษีบริษัท-ร้านค้าได้เพิ่มขึ้น ภาษี VAT ได้เพิ่มขึ้น ๒-๓ แสนล้าน

แล้วเอาเงินนั้น ย้อนกลับไปให้ร้านค้าเอาเหรียญดิจิทัลเพื่อไทยมาแลกเป็นเงินกลับไปนั้น

“คิดบวก” เพื่อ “ผลบวก” ทางการเมืองบนทางหายนะทางการคลังมากกว่า ไม่เชื่อมาพนันดีดไข่คนละทีก็ยังได้

ร้านค้ารัศมี ๔ กิโล ที่อยู่ในระบบภาษีมีเท่าไหร่ และมีซักกี่ร้านค้า ที่อยากเข้าไปอยู่ในระบบภาษี?

ที่หวังระบบโทเคนเพื่อไทยจะราบรื่นนั้น ไถลลื่น ๙๙% ชัวร์

ที่หวังเงิน ๕ แสนล้านบาท จะหมุน ๔-๕ ตลบ ดัน GDP โต ถึง ๕% นั้น ต่อมลูกหมากนายใหญ่นั่นแหละโต ชัวร์

เศรษฐกิจไทย ที่หายใจผ่านรูจมูกเศรษฐกิจโลกนั่นแหละ กำลังดิ่งหัว ๒-๓ แสนล้านที่หวังหมุนกลับรอบแรก
ได้ซักแสนล้านก็บุญแล้ว!

ลงท้าย นโยบายนี้ รัฐบาลต้องกู้อย่างน้อยๆ ไม่ต่ำว่า ๓-๔ แสนล้านบาทมาสังเวยนโยบายหาเสียงเพื่อไทย
ใช้หนี้จำนำข้าวยิ่งลักษณ์ ยังค้างอีกตั้ง ๒-๓ แสนล้าน

ดูท่า เงินแจก ๑ หมื่น ……..
มันจะกลายเป็น “เงินหนี้ให้ชาวบ้านแบก” ในบั้นปลายอีกไม่หนี ๔-๕ แสนล้าน!

นี่ไม่ได้พูดเพราะแช่งหรือแรงริษยารัฐบาลเพื่อไทย
๕ แสนล้าน “เพื่อแจก” ยามนี้ จะเอาจากไหน ถ้าไม่กู้?

จะมีก็อีกทาง…….
คือ “เงินคงคลัง” และ “ทองคำ” หลวงตามหาบัว!

เปลว สีเงิน
๕ กันยายน ๒๕๖๖

Written By
More from plew
“หยก” ปัญหา “มองข้าม” – เปลว สีเงิน
คลิกฟังบทความ…?   เปลว สีเงิน เมื่อวาน คุยแต่พฤติกรรม “เกินเด็ก” ของหยกอย่างเดียว วันนี้ คุย “ทางออก” ซักนิดปะไร...
Read More
0 replies on “เศรษฐากับ “ไฟหายนะ” – เปลว สีเงิน”