ผักกาดหอม
รับทราบ…
“วิญญัติ ชาติมนตรี” ทนายความประจำตัว นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร บอกว่าไปพบลูกความที่ชั้น ๑๔ ห้อง ๑๔๐๑ โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อพูดคุยเรื่องคดีความคงค้างและเรื่องอื่นๆ
น่าเห็นใจครับ ป่วยหนักไม่พอ ยังต้องคุยกับทนายเรื่องเครียดๆ อีก
แล้วอาการ นักโทษชายทักษิณ ล่าสุดเป็นอย่างไร?
“วิญญัติ ชาติมนตรี” เล่าให้ฟังตามนี้ครับ
“…ยังคงมีอาการอ่อนเพลียบ้าง แต่ยังพูดคุยตอบโต้ได้ ไม่ถึงขนาดมีอาการเหนื่อยหอบ ส่วนเรื่องอาการของโรคหัวใจหรือโรคอื่นๆ รวมถึงการรักษาพยาบาลยังคงอยู่ในการประเมินวินิจฉัยของทีมแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ และทางเรือนจำแบบวันต่อวัน
เวลานี้จึงยังไม่มีแนวโน้มว่าอาการเจ็บป่วยทุเลาดีขึ้น หรือจะได้รับการพิจารณาจากแพทย์เพื่อส่งกลับไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่สามารถยืนยันในส่วนนี้ได้…”
ก็เป็นไปตามที่คาดหมายครับ
นักโทษชายทักษิณ จะยังคงนอนโรงพยาบาลตำรวจแบบไม่มีกำหนด
โอกาสกลับเข้าเรือนจำขณะนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้
นักโทษชายทักษิณจะไปไหนต่อ จะได้อภัยโทษอีกครั้งหรือไม่ หลังจากนี้ขึ้นกับ กรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม
ทีมทนายก็ยังต้องทำงานหนัก เพราะกรณี นักโทษชายทักษิณ ไปได้อีกหลายช่องทาง
“วิญญัติ ชาติมนตรี” บอกว่า…
“…มีหลายช่องทางที่เป็นไปได้ ทั้งเรื่องอาจเข้าเกณฑ์ได้รับการพักการลงโทษ หรือเรื่องคุมประพฤติโดยการติดกำไล EM แต่จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ใดก็ขึ้นอยู่กับกรมราชทัณฑ์ที่จะพิจารณาความเป็นไปได้ เพราะหน่วยงานก็ดำเนินไปตามระเบียบกฎหมายกำหนดไว้
แต่ในฐานะทนายความก็ต้องไปศึกษาทั้งหมด ทั้งกฎระเบียบเก่า กฎกระทรวงที่ได้รับการแก้ไขเพิ่มเติม หรือกฎกระทรวงเดิม
นอกจากนี้ ในเรื่องการติดหรือไม่ติดกำไล EM มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งหมด เนื่องจากจะมีหลักเกณฑ์ รวมถึงข้อยกเว้นอยู่ อยู่ที่ว่าจะเข้าหลักเกณฑ์หรือข้อยกเว้นหรือไม่ หากมีข้อยกเว้นให้สามารถดำเนินการได้ ผมในฐานะทนายความก็ต้องดำเนินการเพื่อลูกความ ถือเป็นสิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขัง…”
“…การยื่นขอพระราชทานอภัยโทษที่ผ่านมาและนายทักษิณได้รับการอภัยลดโทษ ก็ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดแล้วในครั้งนั้น ซึ่งผมมองว่าเป็นรายครั้งมากกว่า
ส่วนในครั้งถัดไป หากมีวาระโอกาสสำคัญหรือวันสำคัญ นายทักษิณก็มีสิทธิ์ได้รับประโยชน์หรือมีผลเป็นคุณต่อตัวเองได้ในฐานะที่เป็นผู้ต้องขังทั่วไป…”
เป็นการวางแผนที่ค่อนข้างละเอียดครับ
เดิมทีทุกฝ่ายตั้งคำถามว่า ที่นักโทษชายทักษิณยืนยันจะกลับไทย เป็นแค่การสร้างกระแส หรือกลับจริง เพราะพูดมาหลายรอบ แต่ไม่เคยกลับ
นักโทษชายทักษิณ พูดตั้งแต่ต้นปี
“…ตอนนี้ผมได้รับโทษในคุกขนาดใหญ่เป็นเวลา ๑๖ ปีแล้ว เพราะพวกเขากีดกันผมไม่ให้อยู่กับครอบครัว ผมได้รับความทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว ถ้าหากต้องกลับไปทุกข์ทรมานในคุกเล็กๆ มันไม่เป็นไร ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่ราคาที่ตนเองต้องจ่าย แต่จำเป็นต้องจ่ายเพราะอยากอยู่กับหลานๆ ผมควรใช้เวลาที่เหลือของชีวิต อยู่กับลูกๆ และหลานๆ ของผม”
“ผมบอกลูกสาวว่า อย่าอนุญาตให้พรรคเพื่อไทยออกกฎหมายนิรโทษกรรมในสภาให้ผม ผมไม่ต้องการ เพราะสิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้ทำให้ผมมีความสุข”
หลังเลือกตั้ง “แพทองธาร ชินวัตร” ประกาศว่า พ่อจะกลับไทยวันที่ ๑๐ สิงหาคม
แต่สุดท้ายเลื่อน เพราะที่ประชุมรัฐสภายังไม่สามารถโหวตหานายกฯ คนใหม่ได้
วันที่ ๒๒ สิงหาคม นักโทษชายทักษิณ กลับไทยในช่วงเช้า และช่วงบ่าย ที่ประชุมรัฐสภาโหวตเลือก “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ ๓๐
นี่คือพล็อตเรื่องที่วางมาตามลำดับขั้น
ไม่มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่ใช้อิทธิพลของพรรคการเมือง
แต่ทันทีที่กลับถึงไทย นักโทษชายทักษิณ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษทันที
๑ กันยายน “นักโทษชายทักษิณ” ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เป็นรายบุคคล
เหลือโทษจำคุก ๑ ปี
หากดูตามไทม์ไลน์ ทำไม “นักโทษชายทักษิณ” มีเจตนาที่จะกลับไทยช่วงปลายปี
ก็เพิ่งจะเข้าใจกัน เพราะจะมีพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ ในวาระสำคัญ ตามมาอีก ถึง ๒ ครั้ง คือ วันที่ ๑๓ ตุลาคม และ วันที่ ๕ ธันวาคม
เป็นพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษตามวาระทั่วไป
เช่นกรณี “จตุพร พรหมพันธุ์” ก็ได้รับการปล่อยตัว จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๔
ขณะนี้มีการพูดกันมากว่า “นักโทษชายทักษิณ” อาจจะขอพักโทษ
แต่ดูแนวโน้มแล้ว แนวทางนี้จะเป็นแนวทางท้ายๆ ที่ “นักโทษชายทักษิณ” จะเลือก
จริงอยู่แม้ นักโทษ ที่มีโรครุมเร้า หรือ เจ็บป่วยร้ายแรง จะมีการพักโทษในกรณีพิเศษ
แต่นั่นต้องจำคุกไปแล้ว ๑ ใน ๓
หากการนอนห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ถือเป็นการจำคุก “นักโทษชายทักษิณ” ก็อาจใช้ช่องทางนี้ก็ได้
ในเมื่อ “นักโทษชายทักษิณ” จะไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว ก็น่าจะมุ่งไปที่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษตามวาระทั่วไปมากกว่า
เพราะอาจพ้นโทษทั้งหมดในทันที
มีข่าวจากกระทรวงยุติธรรมแพลมมาแล้ว….
ความเป็นไปได้ที่ “นักโทษชายทักษิณ” จะพ้นโทษ และได้รับการปล่อยตัวทันที
คือ กรณีมีพระราชกฤษฎีกา ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา โดยการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป วันที่ ๑๓ ตุลาคม หรือ วันที่ ๕ ธันวาคม
เหรียญมี ๒ ด้าน อีกด้าน ก้าวไกล และสามนิ้ว กำลังเคลื่อนไหวหวังผลสะท้อนจากกรณี “นักโทษชายทักษิณ”
มีการเรียกร้องส่ง “วารุณี วีระศักดิ์” จำเลยคดี ม.๑๑๒ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์
โหมปั่นกระแสในโซเชียลว่า “วารุณี” ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กำลังโคม่า จากการอดอาหารกว่า ๑๐ วัน น้ำหนักลด ไม่ขับถ่าย
ครับ…นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
