ยกแรก “ด่าเอามัน” – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เป็นไงครับท่านผู้ชม!
ผ่านไปวันแรก กับญัตติซักฟอกรัฐบาล ที่ถือเป็นญัตติคอขาดบาดตาย เพราะเวทีนี้มีไว้เพื่อแฉ ประจาน เพื่อลากไส้รัฐบาลเท่านั้น
ฝั่งที่เชียร์ฝ่ายค้าน ฟันธง รัฐบาลตายแน่ แบบนี้อยู่ต่อไม่ได้แล้ว
ส่วนฝั่งสนับสนุนรัฐบาล นั่งเกาคาง อภิปรายอะไรจืดชืด ไร้ข้อมูล ไม่มีหลักฐาน
แค่ซักฟอกตัดแปะ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

    ที่กลางๆ หน่อย น่าจะปิดทีวีหนี พร้อมเสียงบ่น การเมืองน้ำเน่า ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
ถ้าให้คะแนนวันแรก ยังไม่มีให้
มีแต่ไม้บรรทัดให้ไปคาบหน้าห้อง

    ครับ…เท่าที่ฟังการอภิปรายค่อนวัน ตั้งแต่เช้ายันเย็น ยังไม่สมราคาคุย
“สมพงษ์ อมรวิวัฒน์”  ผู้นำฝ่ายค้านเปิดหัว ทั้งหมดในการอภิปรายพบว่า ๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์เป็นการตีสำนวน ด้วยการอ่านโพยที่คนอื่นเขียนให้
เหมือนตั้งข้อหาเอามัน

    …พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรม จริยธรรม

    และไร้ความสามารถที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำประเทศ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่อง เสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน

    บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่สุจริต มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริตต่อหน้าที่ในหลายเรื่อง
ทั้งการจัดหาวัคซีนที่มีพฤติการณ์ปิดบังอำพราง ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ไม่ทั่วถึง เลือกปฏิบัติ และไม่มีประสิทธิภาพสูงสุด

    อีกทั้งแอบอ้างว่ามีวัคซีนของบริษัทในพระปรมาภิไธยเพื่อมาฉีดให้กับประชาชน เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบัน

    พฤติการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ มีลักษณะ “ค้าความตาย” โดยเห็นวัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะ เหิมเกริม คิดการใหญ่โตในการสร้างกำไรจากวัคซีน

    หวังการกอบโกยผลประโยชน์บนซากศพและคราบน้ำตาของพี่น้องประชาชน เพิกเฉยละเลยทำให้ประชาชนสูญเสียโอกาสที่จะได้รับวัคซีนที่หลากหลายและทั่วถึง ภายใต้โครงการโคแวกซ์ จนกระทั่งสถาบันวัคซีนแห่งชาติต้องออกมาขอโทษประชาชน

    โอหังและการเสพติดในอำนาจของตัวเอง จนทำให้อยู่ในสภาพของคนเป็นโรค “โอหังคลั่งอำนาจ” (Hubris Syndrome) ไม่อยู่ในภาวะที่จะเป็นผู้นำประเทศได้อีกต่อไป

    “ผู้นำเช่น พล.อ.ประยุทธ์ คือความอับอายของประเทศโดยแท้ ผู้นำเช่นนี้ไม่สามารถนำประเทศพ้นวิกฤตได้อีกต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ผู้นำของอนาคต และไม่ใช่ความหวังของลูกหลาน แต่เป็นเพียงสิ่งที่ไร้ค่า ไร้ความหมายในความทรงจำของคนรุ่นต่อๆ ไปเท่านั้น”….

    ข้อหารัฐมนตรีคนอื่นๆ สรุปดังนี้ครับ

    ……”อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ ฉ้อฉล หลอกลวงประชาชน ส่งผลให้การบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุขล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ขาดสติปัญญา มุ่งเน้นแต่จะจัดหาวัคซีนลึกลับแต่ด้อยคุณภาพ วัคซีนสายสัมพันธ์

    และยังมีพฤติการณ์ในการแสวงหาประโยชน์ในการจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีนและการจัดซื้ออุปกรณ์ตรวจโรค

    “สุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

    ปล่อยปละละเลยให้แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายปะปนอยู่ในระบบแรงงาน และเกิดการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานผิดกฎหมายดังกล่าว จนเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ปล่อยปละละเลยให้เกิดคลัสเตอร์การติดเชื้อใหม่ในโรงงานรายวันโดยไม่มีมาตรการป้องกัน

    “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

    มุ่งแต่แสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานที่อยู่ในกำกับดูแล รู้เห็นและปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการประมูลโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เข้าบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อนำมาเป็นของตนและเครือญาติโดยการฉ้อฉล

    ประพฤติตัวเสเพลไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมโรคเข้าไปในแหล่งอบายมุขจนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน

    “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

    มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต

      “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

    ใช้ตำแหน่งหน้าที่และสื่อของรัฐเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างความแตกแยกในสังคม ทำลายบรรทัดฐานอันดีของสังคม มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน……..

    เป็นไงครับข้อหาสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ และ ๕ รัฐมนตรี
ถ้าเอามันอย่างเดียว ให้ ๑๐๐ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๑๐

    แต่…การบริหารประเทศภายใต้วิกฤตโควิด ซึ่งเป็นวิกฤตโลก ไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลบริหารในสภาวะปกติ แต่ก็เอาตัวไม่รอด

    การอภิปรายเรื่องโกง แต่ไม่มีหลักฐาน เสียเวลา เปลืองค่าน้ำค่าไฟของสภาครับ

    ถ้าฝ่ายค้านชุดนี้ทำให้ได้ครึ่งหนึ่งของ หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ลากไส้ขบวนการคอร์รัปชัน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนรัฐมนตรีเดินก้มหน้าไปติดคุก นายกฯ เผ่นไปเมืองนอก ประเทศจะได้ประโยชน์กว่านี้เยอะครับ

    เอาเข้าจริง วันแรกการอภิปราย สิ่งที่ฝ่ายค้านพูด ไม่ต่างจากสารข่าวในโซเชียล บ้างเป็นข่าวปั่น ข่าวปลอม บ้างก็พูดไม่หมด ให้ข้อมูลด้านเดียว

    พูดแต่เรื่องเขาเล่าว่า แต่งานวิจัย มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กลับไม่พูดถึง
ดรามาผู้ป่วยโควิด คนตายข้างถนน ไม่ได้เกิดที่ไทยประเทศเดียว

    พบเห็นได้ทั่วโลก
โดยเฉพาะอเมริกา ยุโรป ผ่านการตายบนถนนเพราะโควิดมาแล้วทั้งนั้น

    แต่ไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศ ที่นายกรัฐมนตรี สองพี่น้องถูกศาลพิพากษาจำคุกจากคดีโกงทั้งคู่
และหนีไปทั้งคู่

    ครับ…ประเด็นหลักที่ฝ่ายค้านนำอภิปรายคือวัคซีน เนื้อหาสาระไม่ต่างไปจากที่เอาไปด่ากันในโซเชียล โดยเฉพาะกรณี บิดเบือนวัคซีนซิโนแวค

    ว่าไปแล้วประเด็นนี้มีการชี้แจงเป็นระยะๆ จากทีมแพทย์ ถึงความจำเป็นในการนำเข้าวัคซีนซิโนแวคจากจีนเพิ่มเติม
ประเทศไทยพัฒนาสูตรฉีดวัคซีนที่เรียกว่า สูตรไขว้ โดยใช้วัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มหนึ่งและวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มสอง พบว่าได้ผล สู้กับโควิดได้

    WHO เองเตรียมจัดส่งวัคซีนซิโนแวค-ซิโนฟาร์ม ร่วม ๑๐๐ ล้านโดส แจกประเทศต่างๆ ผ่านโครงการโคแวกซ์
ยกแรกจึงยังไม่มีอะไร ฉายหนังเก่าซะเยอะ
รอดูยกสองวันนี้ครับ

Written By
More from pp
กรมท่าอากาศยานพร้อมให้บริการผู้โดยสารภายหลังการประกาศมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3
นายทวี เกศิสำอาง อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ประกาศมาตรการผ่อนปรน ระยะที่ 3
Read More
0 replies on “ยกแรก “ด่าเอามัน” – ผักกาดหอม”