22 สิงหาคม 2566 ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นํา นายทักษิณ ชินวัตร บุคคลตามหมายจับมาส่งต่อศาล เพื่อยืนยันว่า บุคคลที่อยู่ต่อหน้าศาลเป็นจําเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้ง 3 คดี คือ
1. คดีหมายเลขดําที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ระหว่าง คณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทําที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พันตํารวจโททักษิณหรือ นายทักษิณ ชินวัตร จําเลย
2. คดีหมายเลขดําที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ระหว่าง คณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทําที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พันตํารวจโททักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 47 คน จําเลย
3. คดีหมายเลขดําที่ อม. 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ของศาลนี้ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ พันตํารวจโททักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร จําเลย
จึงรับตัวจําเลยหรือจําเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดีดังกล่าวไว้
ศาลได้แจ้งให้จําเลยหรือจําเลยที่ 1 ทราบคําพิพากษาแล้ว
โดยคดีหมายเลขดําที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ลงโทษจําคุก 3 ปี (สามปี)
คดีหมายเลขดําที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ลงโทษจําคุก 2 ปี (สองปี)
และคําพิพากษาคดีหมายเลขดําที่ อม. 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ลงโทษจําคุกรวม 5 ปี (ห้าปี)
นับโทษจําคุกของจําเลยต่อจากโทษจําคุกของจําเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 และต่อจากโทษจําคุกของจําเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552
ศาลออกหมายจําคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในแต่ละคดีแล้ว
ทั้งนี้ สำหรับ 3 คดี ที่ “ทักษิณ” จะได้รับโทษจำคุก รวมระยะเวลา 8 ปี โดยหลังฟังคำพิพากษาแล้วเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนำส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที