9 สิงหาคม 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันความพร้อมในการเดินหน้าประสานงานกับฝ่ายต่างเพื่อจัดตั้งรัฐบาลมาแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ภายใต้กติกาที่ชำรุด มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝ่าด่าน สว.ให้ได้ และการดำเนินการทั้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้หลักวาระประเทศ วาระประชาชนชน เพื่อได้รัฐบาลมีเสถียรภาพ สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่าย เพื่อประโยชน์ในการแก้ปัญหาของประเทศและประชาชนให้ได้
พรรคเพื่อไทยมีมุมมองในเชิงการปฏิบัติจริง ในสถานการณ์ที่มีเงื่อนไขและข้อจำกัดจำนวนมาก ทั้งปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมายาวนานตลอด 20 ปีและความขัดแย้งนั้นก็ยังดำรงอยู่ การที่สังคมต้องอยู่ภายใต้อำนาจรัฐประหารมาต่อเนื่อง 9 ปี และปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังดำดิ่ง ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยที่จะขอให้อยู่ไปเรื่อยๆ อีก 10 เดือน เพราะความเชื่อมั่นหายไป เศรษฐกิจยิ่งซับซ้อน และเมื่อมีได้โอกาสก็ต้องเร่งหาทางคลี่คลายจากวิกฤต
ที่ผ่านเน้นทำงานการเมืองใหม่ โดย ‘ภูมิธรรม’ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ที่ต้องมาดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลต่อจากพรรคก้าวไกล ไม่ใช่อยู่ๆ มาเริ่มต้นใหม่ โดยไม่เอาพรรคอันดับหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการเปิดพรรคเชิญพรรคการเมืองต่างๆ ที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนมาพูดคุยทั้งหมด โดยดำเนินการคู่ขนานไปกับการประสานงานกับทาง สว.
ในสถานการณ์วิกฤติประเทศ ซึ่งทุกฝ่ายเห็นความขัดแย้งที่อยากสลายให้ก้าวข้ามไปสู่ความสงบสุข ดังนั้นจึงอยากเริ่มต้นสร้างศักราชมิติการเมืองแบบใหม่ โดยเอาวาระประเทศ และวาระประชาชนเป็นหลัก
พรรคเพื่อไทยมองว่า รัฐธรรมนูญเป็นทางออกของการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน ดังนั้นจึงเสนอในวาระแรกให้ทำประชามติ และเราจะทำทุกเรื่องที่ดีต่อประชาชน เราจะทำให้หมด
พรรคเพื่อไทยยืนหนึ่งอยู่กับการเมืองที่เป็นจริง บางเรื่องอาจมองต่างในการแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่เรายอมรับสภาพความเป็นจริง ที่ไม่ใช่การยอมจำนน เพื่อเป็นการหาทางออก จากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า ฉะนั้นภารกิจของพรรคเพื่อไทยคือต้องพยายามจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เสนอ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีความน่าเชื่อถือ แบกรับภารกิจที่ยุ่งยากให้ผ่านไปได้ โดยยึดภารกิจประเทศ ภารกิจประชาชน หาทางสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น
นายภูมิธรรม ย้ำว่า “แม้การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ยากลำบากมากกว่าทุกครั้ง แต่สิ่งที่พรรคเพือ่ไทยคิดเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ คิดนอกกรอบ และเราเคยทำในเรื่องที่เหลือเชื่อให้สำเร็จมาแล้ว และการตัดสินใจร่วมกันเป็นรัฐบาลของเรา จะต้องทำเพื่อได้รัฐบาลสมานฉันท์ทุกฝ่าย ภายใต้หลักวาระประเทศ วาระประชาชนชน เพื่อได้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เกิดความเชื่อมั่น สำหรับแก้ปัญหาของประเทศไทยในอนาคต
