พระมหากษัตริย์ “ยุคใหม่” – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ..⬇️

เปลว สีเงิน

มี ๒ เรื่องที่เราควร “ใคร่ครวญคิด” กัน
เรื่องแรก

ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์ทรงใช้พระชนม์ชีพและเลือดเนื้อพร้อมทหาร รบแลกแผ่นดินผืนนี้มา
โลกใบนี้ ก็จะไม่มี “ประเทศไทย”
เรื่องที่สอง
บ้านเมือง “ขาดนักการเมือง” ประเทศไทยก็ดำรงอยู่ได้

แต่ถ้าขาด “สถาบันพระมหากษัตริย์” ประเทศไทย ล่มสลายแน่นอน!

ถ้าเข้าใจตรงนี้ ในช่วงนี้ ก็ให้แต่ละพรรคเขา “รักชาติ” เรื่องตั้งรัฐบาลกันไป ส่วนเรา-ชาวบ้าน “รักชาติ” น้อยกว่าเขา ชิดซ้ายไปก่อน

มาดูเรื่องที่ดีต่อใจพวกเรากันดีกว่า แถมเป็นมงคลต่อชาติบ้านเมืองด้วย

เมื่อศุกร์ที่ ๔ สิงหา.หลายท่านคงดูข่าวกันแล้ว และบางท่านอาจอยู่ในสถานที่นั้น ในวันนั้นด้วย

คือที่ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” พร้อมด้วย”
“สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี”

เสด็จฯ ไปทรงเปิดงาน “โครงการหลวง ๕๔” ที่เซ็นทรัลเวิลด์

ซึ่ง “มูลนิธิโครงการหลวง, ม.เกษตรศาสตร์ และกลุ่มบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด จัดขึ้น
เฉลิมพระเกียรติ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” องค์นายกกิตติมศักดิ์มูลนิธิฯ และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี”

และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ผู้ทรงก่อตั้ง “มูลนิธิโครงการหลวง”

รวมทั้งเฉลิมพระเกียรติ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
เนื่องในโอกาสมหามงคล “เฉลิมพระชนมพรรษา ๙๑ พรรษา” วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๖

ผมดูคลิปข่าวการเสด็จฯ และได้อ่านโพสต์ของผู้เฝ้ารับเสด็จฯ เขียนถ่ายทอดบรรยากาศสุดแสนประทับใจวันนั้นไว้

เป็นเรื่อง “ตื้นตัน-ปีติ” เหลือหลาย แชร์ต่อกันท่วมท้น เช่นคุณนิติพงษ์ ห่อนาค นำมาโพสต์ว่า

“Chawalit Limsowan” เล่าเรื่องราวสุดซึ้ง เมื่อมีโอกาสได้รับเสด็จ ในหลวง รัชกาลที่ ๑๐ และ สมเด็จพระราชินี ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

บอกว่า “อ่านแล้วชื่นใจนัก”
ผมก็ชื่นใจ จึงนำมาให้อ่านเพื่อได้ชื่นใจกันทั่วๆ ดังนี้ครับ
………………………………

“Chawalit Limsowan
เมื่อวานมีโอกาสทอง ได้รับเสด็จในหลวง และสมเด็จพระราชินีอย่างไม่คาดฝันที่ CTW ครับ

ด้วยมุมมองแบบ “คนสองแผ่นดิน”
ผมพบว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่บ่งชี้ว่า “สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย” ท่านทรง “ปรับตัว” ให้เข้ากับค่านิยมใหม่ๆ ในสังคมหลายเรื่อง

ในช่วงที่กำลังตั้งแถวเพื่อรอรับเสด็จฯ มีประชาชนทั้งไทยและต่างชาติจำนวนมากมารอรับเสด็จ โดยมี จนท.ช่วยอำนวยความสะดวกและมีการ “ประชาสัมพันธ์” ถึงแนวทางการปฏิบัติตัวอยู่ตลอดเวลา

มีเรื่องน่าสนใจอยู่หลายประการ เช่น
อนุญาตให้มีการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอได้ตามสะดวก แต่ขอแค่ให้ใช้กิริยาสุภาพ (ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่เราพึงปฏิบัติเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ)

และขอให้งดการ Selfie เนื่องจากเป็นการนำภาพของท่านไปเป็น Background ของภาพเรา
ซึ่งเป็นมารยาทที่ไม่เหมาะสม อันนี้ก็เป็นไปตามหลักสากล

ตรงนี้คงไม่สามารถนำไปเทียบกับแผ่นดินในหลวง ร.9 ได้ เนื่องจากในยุคนั้น ยังไม่มีกล้องมือถือในราคาที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้แบบยุคนี้

แต่ถ้ามี ผมมั่นใจว่าในหลวง ร.9 ท่านจะทรงอนุญาตให้มีการถ่ายภาพได้เช่นกัน

ในขณะตั้งแถวรับเสด็จ มี “คนรุ่นก่อน” จำนวนนึง ทำท่าจะนั่งลงบนพื้นเพื่อรับเสด็จด้วยความเคยชิน
เมื่อ จนท.พบเห็นเข้า ก็รีบเข้าไปแจ้งว่า ไม่จำเป็นต้องนั่งรับเสด็จเหมือนที่เคยทำ

สามารถยืนรับเสด็จและอาจจะถวายความเคารพโดยการโค้ง หรือถอนสายบัวอย่างสากลได้เลย

อันนี้ คืออีกเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไป ใครที่ยังคิดว่าการเข้าเฝ้าจะต้อง “ถูกบังคับ” ให้หมอบกราบ ควร update ความคิดใหม่นะครับ

การหมอบกราบที่เราเห็นกันบ่อยๆ เป็นความพอใจของผู้เข้าเฝ้าเองที่ต้องการแสดงความเคารพสูงสุดต่อตัวแทนของสถาบันที่มีบุญคุณต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวงแค่นั้น

อย่าได้เอามาเป็น “วาทกรรมทางการเมือง” เพื่อสร้างความเกลียดชังใส่ใครอีกเลย

ยังมีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ อีกจำนวนหนึ่งที่เปลี่ยนไปมากจากยุคก่อนๆ เช่น ลาดพระบาท (พรมสีแดง) ที่ใช้เป็นทางเสด็จ
ในยุคก่อนจะไม่อนุญาตให้ใครเหยียบย่ำเลย

แต่ที่ผมเห็นเมื่อวาน….
จะใช้วิธีเอาพลาสติกมาคลุมทางลาดพระบาทไว้ก่อน เพื่อกันความสกปรกจากรองเท้าคนที่เดินผ่านไปมา และไม่ได้ห้ามคนเหยียบแต่อย่างใด

เมื่อใกล้เวลาเสด็จฯ ในช่วงเตรียมการณ์ขั้นสุดท้าย จึงจะมีการนำเอาพลาสติกที่คลุมออกไป

ตรงนี้มีเรื่องน่าประทับใจเรื่องนึงเกิดขึ้น คือ ใกล้ๆ ผมมีนักท่องเที่ยวชาวจีนถือโอกาสมารอรับเสด็จด้วย

เมื่อใกล้เวลาแล้วมี จนท.มานำเอาพลาสติกคลุมลาดพระบาทออก ปรากฏว่ามีเศษพลาสติกชิ้นเล็กๆ ตกหล่นอยู่บนลาดพระบาท

นทท.ท่านนั้น รีบก้าวเข้าไปเก็บเศษพลาสติกชิ้นนั้นออกไปให้ ทั้งๆ ที่เป็น “แขก” ของเราแท้ๆ แต่กลับมีความรู้สึกร่วมกับคนไทยแท้ๆ อย่างผมได้

เป็นเรื่องน่าประทับใจ และรู้สึกขอบคุณมาจนถึงบัดนี้

ในระหว่างที่ท่านเสด็จ มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากอยู่ในห้าง มาร่วมรับเสด็จด้วย

ท่านทรงยิ้มแย้มทักทายชาวต่างชาติอย่างเป็นกันเอง สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงขนาดออกเสียงฮือฮาด้วยความชื่นชมในพระบารมีด้วยซ้ำ

ผมมั่นใจว่า เมื่อวาน มีนักท่องเที่ยวไม่น้อย ที่รู้สึกประทับใจในช่วงเวลาที่ได้รับเสด็จท่าน

ที่จริงในระหว่างที่ท่านเสด็จ นอกจากเสียง “ทรงพระเจริญ” ที่ดังไปทั่วเส้นทางเสด็จแล้ว

ยังมีเสียงฮือฮาและเสียงชื่นชมพระบารมีแบบอื่นๆ ให้ได้ยินแบบที่ “คนสองแผ่นดิน” อย่างผมไม่คิดว่าจะได้ยินในการรับเสด็จ

เพราะบางช่วงนี่ แทบจะเหมือนการปรากฏตัวของดาราด้วยซ้ำ
ท่านเป็น “พระมหากษัตริย์” ของยุคใหม่

แนวทางการปฏิบัติตัวในการรับเสด็จท่านก็ทรงปรับเปลี่ยนให้เป็นยุคใหม่

จนท. “สำนักพระราชวัง” ก็มีการปรับเปลี่ยนวิธีอารักขา ยิ้มแย้มและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มารอรับเสด็จมากขึ้นกว่าเดิมมาก

เรียกว่า ไม่มีความรู้สึก “เครียดเกร็ง” เลยในช่วงที่รอรับเสด็จท่าน

เรื่องเล็กๆน้อยๆ พวกนี้ ท่านไม่ได้มองข้าม ถ้าเปิดใจกว้างๆ ก็จะเห็นครับว่า

“สถาบันพระมหากษัตริย์” บ้านเราเป็นฝ่าย “เปิดกว้าง” และ “ตั้งรับ” ต่อพสกนิกร ต่อประชาชนของท่านมาตลอด

ถึงจะ “ว่าร้าย” ท่านยังไง มีคนหลงเชื่อแล้วร่วมแสดงความเกลียดชังทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อท่านยังไง

ท่านก็ไม่เคยตอบโต้ เพราะท่านทรงเห็นพวกเราเป็น “คนไทย” ของแผ่นดินไทยของท่านเท่านั้น

ปล. “สมเด็จพระราชินี” ทรงงามสง่ามากครับ

การได้ชื่นชมพระบารมีของทั้งสองพระองค์ ผมว่านับเป็นโอกาสอันดีงามของชีวิตอีกวาระนึงเลยทีเดียว
———————————–

อ่านแล้ว รู้สึกอย่างไรกันบ้าง เล่าสู่กันฟังบ้างนะ

แถมอีกซักโพสต์ก็ได้
“Jirath Tan Wongpraywit”

รอยแย้มสลวลแบบนี้ ใครเจอเข้าไป ไม่ละลายอคติในใจก็ให้รู้ไป ขอให้ได้มารับเสด็จสักครั้งเถิด แล้วพวกเธอจะเข้าใจ

รับเสด็จครั้งนี้ ทลายทุกกำแพงพิธีรีตอง ไม่มีอะไรกั้น นักท่องเที่ยวยืนโบกมือ เด็กขี่คอพ่อ ขาสั้นยืนถือแก้วน้ำดูด ไม่มีปิดถนน ปิดทางเดินใด ๆ

พี่นี้ โทรตามบอกกล่าวไปเป็นร้อยคน ชวนให้มา เพราะไม่มีครั้งไหนสบายกว่านี้แล้ว

รับเสด็จในห้องแอร์ ไม่ต้องนั่งพับเพียบ ตรวจ atk ตรวจนั้นตรวจนี้ ปกติพี่ใช้เวลาไม่เคยต่ำกว่า 12 ชม ในการรอคอย

นี้ คือสวย ๆ มาบ่ายโมง มาเดินเซอเวย์ว่าอยู่ไหนดี เพราะลาดพระบาทยาวมาก ตอน 4 โมงค่อยมายืนรอในจุดที่ต้องการ คือสบายที่สุด ตั้งแต่เคยรับเสด็จมาจริง ๆ

แล้วเนี้ย งานโครงการหลวง สิ่งดี ๆ ที่สถาบันให้ประชาชนเพื่อมุ่งหวังอย่างเดียวคือความสุขที่ยั่งยืน ให้โอกาส ให้อาชีพ ให้อยู่ได้ด้วยลำแข้งตนเอง

ถ้าบอกว่ารักชาติ จงพิจารณาให้ดี ว่ากำลังเป็นเหยื่อการเมืองหรือเปล่า สิ่งที่เราจะต้องปกป้องคือสถาบันหลักของชาติเท่านั้น รู้เรื่องนะพวกเธอ

#เรารักสถาบัน #เรารักในหลวง #เรารักสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
————————
Suphanat Aphinyan

เมื่อก่อนยอมรับว่า ไม่ได้ชอบในหลวง ร.10 เพราะได้ยินข่าวลือมากมาย แต่พอโตขึ้น กลับสงสารท่าน ที่ตกเป็นเป้าขบวนการสร้างความแตกแยก

ท่านไม่ได้เป็นยักษ์เป็นมารตามที่พวกชั่วบิดเบือนให้ร้าย คนรุ่นใหม่อย่างผม จึงปกป้องท่าน หวังนำไปสู่การสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง #ราชประชาสมาสัยนำไทยสู่อนาคต
……………………..

งานนี้ มีไปถึง ๑๔ สิงหา.ไปกันได้ที่ “ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์” นะครับ
วันนี้ ไม่มีแถมท้าย เพราะใจผมมันเต็มแล้ว.

เปลว สีเงิน

๗ สิงหาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
ด้วยยินดี “ผู้ว่าฯชัชชาติ” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน วันนี้ “ไม่คุย” เรื่องสภา คุยเรื่อง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ดีกว่า เมื่อวาน (๑...
Read More
0 replies on “พระมหากษัตริย์ “ยุคใหม่” – เปลว สีเงิน”