นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้สถานการณ์การเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติและถือได้ว่าวิกฤตพอสมควร
ระยะเวลาที่ล่าช้าออกไปอาจทำให้ประเทศวิกฤตมากขึ้นไปอีก ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนอยู่บนความเป็นจริง และใช้วิธีแก้ปัญหาแบบละมุนละม่อม แสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้และทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ
โดยขณะนี้อยู่ในช่วงเวลาวิกฤต ทั้งด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ปัญหาโครงสร้างภายในประเทศ ซึ่งมีความขัดแย้งที่เป็นพื้นฐานยังดำรงอยู่ การที่จะได้นายกรัฐมนตรีที่ทุกฝ่ายสบายใจจนสามารถเลือกมาได้ก็จะเป็นกระบวนการสร้างความเชื่อมั่นได้ดีที่สุด
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ในฐานะพรรคแกนนำจะต้องหนักแน่น มีความเป็นผู้นำ มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำพาประเทศและความแตกต่างของพรรคการเมืองต่างๆ มาช่วยกันพาประเทศพ้นวิกฤตได้
เราจะต้องตัดสินใจบนความเป็นจริงของสถานการณ์และความต้องการของประชาชน ขณะที่พรรคการเมืองต่างๆ ก็มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเราก็ต้องให้ความเคารพ
“เราอยู่ในช่วงเวลาวิกฤต ทั้งด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ปัญหาโครงสร้างภายในประเทศ ซึ่งมีความขัดแย้งที่เป็นพื้นฐานยังดำรงอยู่ การที่จะได้นายกรัฐมนตรีที่ทุกฝ่ายสบายใจจนสามารถเลือกมาได้ ก็จะเป็นกระบวนการสร้างความเชื่อมั่นได้ดีที่สุด”
สถานการณ์ขณะนี้ชี้ให้เห็นว่าประเทศเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ประชาชนและนักการเมืองก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน ทุกคนรู้ว่า 8-9 ปีที่ผ่านมาประเทศเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง รวมถึงวิกฤตการณ์ภายนอกประเทศอีกมากมาย
ดังนั้นจึงต้องกำหนดปัญหาของประเทศเป็นหลัก ถ้าประเทศรอด ประชาชนรอด ทุกคนก็จะรอดหมด ซึ่งนักการเมืองทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ดังนั้นจึงต้องมาหาทางออกร่วมกัน ต้องเอาวาระประเทศและประชาชนเป็นตัวตั้ง
นายภูมิธรรม ย้ำว่า นโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้จะต้องทำให้สำเร็จในอายุรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะทำการเมืองรูปแบบใหม่ ด้วยการเอาปัญหาของประชาชน และผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาปัญหาและผลประโยชน์ของพรรคการเมืองเป็นตัวตั้ง
นายภูมิธรรมเชื่อมั่นว่าบุคลากรของพรรคเพื่อไทย รวมถึงประสบการณ์การทำงาน เป็นองค์ประกอบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศที่วิกฤต และมีปัญหาความขัดแย้งสะสมมากว่า 20 ปี
“เราเชื่อว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ที่ยืนอยู่บนความเป็นจริง ใช้วิธีการปัญหาแบบละมุนละม่อม แสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย จะช่วยให้เราฝ่าวิกฤตินี้ไปได้ และทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ”