ปลายทาง ‘พิธา’ อาจถึงคุก – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ชีวิตมนุษย์ไม่ได้สั้นเหมือนยุงครับ

ฉะนั้น ใครไม่พอใจศาลรัฐธรรมนูญ ที่สั่งให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ลองมองย้อนกลับไปในวันที่ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หยุดปฏิบัติหน้าที่

ถ้าวันนั้นโห่ฮาป่าด้วยความสะใจ ซูฮกศาลรัฐธรรมนูญทำถูกต้องแล้ว แต่วันนี้ขุดโคตรตุลาการศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาด่า

ก็โปรดรับรู้ไว้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรงแล้วครับ

ที่ไม่เที่ยงคือ จิตใจของคนด่าศาลรัฐธรรมนูญ

เป็นจิตที่คิดคดแม้กระทั่งกับตัวเอง!

หามาตรฐานในตัวไม่ได้

ครับ…สถานการณ์การเมือง เป็นประโยชน์กับพรรคเพื่อไทยสมบูรณ์แบบแล้ว หลังที่ประชุมรัฐสภาวานนี้ (๑๙ กรกฎาคม) มีมติ ๓๙๕ ต่อ ๓๑๒ ว่าการเสนอชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” รอบสองนั้น ถือเป็นการเสนอญัตติซ้ำ

ขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๔๑ ที่ระบุว่า….

“ญัตติใดซึ่งตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติซึ่งยังไม่มีการลงมติหรือญัตติที่ประธานสภาอนุญาต ในเมื่อพิจารณาเห็นว่าเหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป”

ถือเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายหลังจากนี้ การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีให้ที่ประชุมรัฐสภาเลือกนั้น หากชื่อไหน ได้รับความเห็นชอบไม่ถึงครึ่ง ถือว่าตกไป

ไม่สามารถนำมาเสนอใหม่ได้

ที่จริง ๘ พรรคที่จะร่วมกันตั้งรัฐบาล ซึ่งขณะนี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว รู้ตั้งแต่แรกว่ามันทำไม่ได้ แต่ปล่อยให้พรรคก้าวไกลไปสุดทาง จะได้ไม่เกิดข้อครหาทีหลัง

ลองคิดมุมกลับนะครับ หากมีการเสนอชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” สองรอบเหมือน “พิธา” คิดหรือว่า ส.ส.ก้าวไกลจะยอม

ค้านจนปากฉีกโน้นแหละครับ

ครับ…มติที่ประชุมรัฐสภา คือ ๓๙๕ ต่อ ๓๑๒

แสดงว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้เสียงจาก ส.ว.เพิ่มเลย ที่โม้ว่าหากได้โหวตรอบสอง จะมี ส.ว.สนับสนุนเพิ่มนั้นโกหกทั้งเพ

ก็ถึงคิวพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครับ

เรื่องสูตรตั้งรัฐบาล ก็ว่ากันไปเยอะแล้ว หลักๆ มี ๒ สูตร

สูตรแรกมีก้าวไกล

และสูตรที่สอง ไม่มีก้าวไกล

แต่แนวโน้มสูตรไม่มีก้าวไกลมีความเป็นไปได้มากกว่า ก็อย่างที่บอก ส.ว.ไม่ได้โหวตคว่ำ “พิธา” แต่โหวตไม่เอาก้าวไกลเป็นรัฐบาล

สูตรตั้งรัฐบาลอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ไม่ว่าจะสูตรเตี๋ยว เสียวตรูด ก็คงจะเป็นรายละเอียดแล้วว่า จะเป็นรัฐบาลกี่พรรค มีพรรคไหนบ้าง

พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ จะข้ามขั้วไปเป็นรัฐบาลกับเขาด้วยหรือเปล่า

หรืออยู่เป็นฝ่ายค้าน เป็นเพื่อนกับพรรคก้าวไกล

แต่ในที่ประชุมรัฐสภาวานนี้มีเรื่องให้ต้องคุ้ยแคะเล่นเหมือนกัน เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่า พรรคก้าวไกล อ่อนหัด อ่านเกมไม่ออก หรือไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวกันแน่

อภิปรายกันเกือบทั้งวัน สุดท้ายถูกต้อนไปติดกับดักของพรรคเพื่อไทย

การอภิปรายช่วงแรกดูเหมือนกว่า พรรคก้าวไกล พยายามจะเดินตามแผนของตัวเอง คิดว่าเมื่อ “สุทิน คลังแสง” จากเพื่อไทย เสนอชื่อ “พิธา” ให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวต ก็สามารถโหวตได้เลย

มีการเตรียมตัวมาสู้ประเด็นข้อบังคับ ข้อ ๔๑ เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่า คนในก้าวไกลไม่สามารถอธิบายให้เป็นชิ้นเป็นอันได้ว่า การเสนอชื่อนายกฯ ไม่ใช่ญัตติ

บรรยากาศในที่ประชุมสภาฯ ไม่เป็นใจกับก้าวไกล เพราะฝั่งตรงข้ามแม่นข้อบังคับมากกว่า อธิบายให้เข้าใจได้ดีกว่า

ที่สำคัญเหมือนกับว่าเพื่อไทยจะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยก้าวไกล

แต่…ช่วยจริงหรือเปล่า?

การอภิปรายของ “ชลน่าน ศรีแก้ว” หากฟังผ่านๆ ก้าวไกลคงจะดีใจ เพราะอย่างน้อยยังมีเพื่อนมาช่วยแก้ไขสถานการณ์ในห้องประชุม

ไม่โดดเดี่ยว!

“…ผมไม่ได้พูดว่าญัตติ แต่กระบวนการทำเหมือนญัตติ ถ้าประธานไม่วินิจฉัยแล้วใครจะวินิจฉัย ถ้ารัฐสภาจะวินิจฉัยเกี่ยวกับการบังคับใช้ข้อบังคับ ก็คือการตีความข้อบังคับที่มีปัญหาอยู่ ๒ ส่วน ที่เขียนเอาไว้ชัดเจนแล้วว่าข้อ ๑๕๑ หากมีปัญหาตีความข้อบังคับ ให้เป็นอำนาจรัฐสภาวินิจฉัย ซึ่งลงคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง เท่ากับต้องได้เสียง ๓๗๕ เสียงถึงจะสามารถวินิจฉัยข้อบังคับได้

แต่การโหวตครั้งนี้ถ้ารัฐสภาได้เสียง ๓๗๔ เสียง ญัตติที่เสนอมาจะตกไป วินิจฉัยไม่ได้ ก็เป็นไปตามข้อบังคับ เดินหน้าเข้าสู่การโหวตนายกรัฐมนตรีต่อไป

ดังนั้น ขอให้ประธานวินิจฉัยว่าสมาชิกสามารถเสนอญัตตินี้ได้โดยอาศัยข้อบังคับที่ ๑๕๑ กรณีมีความเห็นต่างเรื่องการใช้ข้อบังคับ ถ้าคะแนนออกมา เสียงข้างมากได้ ๓๗๕ เสียง ท่านต้องยอม แต่ถ้าไม่ได้หรือท่านได้ ๓๗๔ เสียง ท่านต้องยอมพวกผมเหมือนกัน เพื่อให้มีการโหวตเลือกนายกฯ ต่อไป…”

ดูเหมือนจะช่วยก้าวไกล

แต่ที่ไหนได้ ข้อเสนอนี้คือ ปิดประตูตีแมว!

นี่ไม่ใช่แนวทางที่ก้าวไกลต้องการครับ เพราะหากปล่อยให้โหวต ก็เท่ากับเป็นจุดจบของ “พิธา” แบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม

หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี!

“ประธานวันนอร์” รับลูกจาก “ชลน่าน” ให้โหวตตามข้อบังคับที่ ๑๕๑

ก้าวไกลรู้ตัวอีกทีก็สายไปเสียแล้วครับ

มติออกมา ๓๙๕ ต่อ ๓๑๒

จะว่าไปแล้ว “พิธา” ถูกเขี่ยโดยเพื่อไทย ไม่ใช่วุฒิสภา ฉะนั้นหลังจากนี้คงยากที่ทั้ง ๒ พรรคจะร่วมรัฐบาลกัน

เห็น “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ผลการลงมติในที่ประชุมรัฐสภาวันนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตำแหน่งประธานรัฐสภา”

ก็นี่แหละครับสาเหตุที่พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการให้ตำแหน่งประธานสภาตกไปอยู่กับก้าวไกล

รู้วันนี้ก็สายไปเสียแล้ว

ไม่มีอะไรติดมือ นอกจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

สำหรับ “พิธา” บอกว่า “I’ll be back”

จะกลับมาได้หรือเปล่าอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญครับ

มาตรา ๑๕๑ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง บัญญัติไว้ว่า

…ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี…

ถ้าศาลรัฐธรรมนูญลงโทษจำคุกก็จบครับ “พิธา” กลับมาไม่ได้อีกแล้ว

หากตัดสิทธิเลือกตั้ง ๒๐ ปี “พิธา” กลับมาก็อายุ ๖๒

ยังพอมีโอกาสติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้องอีกครั้ง

Written By
More from pp
โกงซักฟอกคอร์รัปชัน
ผักกาดหอม ใกล้ทะลุหมื่นแล้ว             สู้กันมาเป็นปี ต้นเดือนธันวาคมอยู่ที่ ๔ พัน ผ่านไปแค่เดือนเดียวเจอผู้ป่วยโควิด กว่าเท่าตัว             มองแง่บวกวิกฤติคราวนี้ หวังว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาคอร์รัปชันในวงการเมือง...
Read More
0 replies on “ปลายทาง ‘พิธา’ อาจถึงคุก – ผักกาดหอม”