เปลว สีเงิน
“ตกรถ” อีกจนได้…ผม!
แต่ไม่เจ็บเหมือน “ตกเก้าอี้” เพราะมีฤทธิ์ยาชาช่วย
กระนั้นก็เถอะ
การ “แหงนหน้า-อ้าปาก” เป็นชั่วโมงให้หมอซ่อมเขี้ยวนี่ “กรามค้าง” พอทน
แต่ “ปวดต้นคอ” นี่ซี ทำให้ “หัวหมุน-ตาลาย” กว่าจะเรียกวิญญานเข้าประทับทรงเพื่อคุยกับท่านได้ ก็ปาเข้า-ไป ๒-๓ ทุ่ม
อ่านเว็บไทยโพสต์แทนอ่านหนังสือพิมพ์ไปอีกวันก็แล้วกันนะ
เรื่อง “พิธาตกเก้าอี้” เห็นว่ายังติดเทรนด์ทวีตอยู่!
แต่ผมว่า เอาเวลาไปขูดหวยงวดที่จะออกวันอาทิตย์นี้ยังพอจะมีความหวังกว่า ที่จะไปลุ้นว่า โหวตพิธารอบ ๒ ผ่าน/ไม่ผ่าน?
มองข้ามชอตไปได้เลย….
ว่าใคร…คือคนต่อไป ที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวต หลังจากพิธาตกเก้าอี้เป็นครั้งที่ ๒ ในวันพุธที่ ๑๙ กรกฎา.นี้!
ผมละเอ็นดูพรรคก้าวไกลนัก
แค้น สว.เมื่อวาน ก็ไปยื่นหนังสือเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อท่านประธานวันนอร์ “ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗๒”
เพื่อ “ปิดสวิตช์สว.” มันซะเลย
โทษฐาน ไม่ยอมโหวตให้พิธาเป็นนายกฯเมื่อพุธที่ผ่านมา!
“ชัยธวัช” เลขาฯ ก้าวไกล คิดเอง
หรือปิยบุตร “ผู้ประทับทรงวิญญานก้าวไกล” คิดให้ก็ไม่รู้นะ
แต้มขี้เท่อนี้ ก้าวไกลไม่อาย
แต่ผมว่า “เพื่อไทย” เขาคงอาย!
กว่าจะคลำหา “ปุ่มสวิตช์” สว.เจอ พิธาก็ตกเก้าอี้หกคะเมนเกนเก้ รอบ ๒ วันที่ ๑๙ กรกฏา.ไปแล้วมั้ง!
นี่แหละ “รุ่นใหม่-ไร้เดียงสา” ของแท้ละ
คิดอะไรเพ้อเจ้อ สส.แก้เองได้ที่ไหน รัฐธรรมนูญน่ะ ก็ต้องพึ่งสว.ด้วย แต่ดันแจกกล้วยเขาขรม แบบนี้เขาคงช่วยยกมือให้ละมั้ง?
อีกอย่าง จะคิดแก้ไปหาเกี๊ยะหรือ ในเมื่อ พฤษภา.ปีหน้า ไม่ต้องแก้-ไม่ต้องไล่ สว.ชุดนี้เขาก็ไปหมดแล้ว ตามบทเฉพาะกาล
เพื่อสุขภาพจิต ผมว่าปล่อยให้พิธาเขาเป็น “นายกฯทิพย์” ไปเถอะ เรามาจับตาดูในเรื่อง ๒ ประเด็นดีกว่า
ประเด็นแรก…….
เมื่อวาน (๑๔ กค.๖๖) จู่ๆ “ชลน่าน ศรีแก้ว” ก็จุดพลุขึ้นในวงนักข่าวว่า
“มีความกังวลต่อกระแสข่าวที่การเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ ๒ จะมีชื่อ “พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐขึ้นมาให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา
เพราะหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง……
“พลเอกประวิตร” ก็มีโอกาสที่จะได้รับเสียงจากขั้วรัฐบาลเก่า ๑๘๘ เสียง และสมาชิกวุฒิสภา ๒๕๐ เสียง
ประเด็น ที่ ๒……
หลังแพ้โหวตในรัฐสภา เมื่อ ๑๓ กค.นายพิธาออกมาให้สัมภาษณ์นักข่าว ที่ถาม “การโหวตครั้งหน้า จะถอยเรื่องแก้ไขมาตรา ๑๑๒ หรือไม่?” ว่า
“ยังเหมือนเดิม เราสัญญากับประชาชนไว้อย่างไร เราก็จะทำอย่างนั้น”
นี่…ผมว่า ๒ ประเด็นนี้ เป็น “หัวข้อใหม่” ที่เราควรขึ้นจากหล่มข่าวโหวตพิธา มา “พิเคราะห์-พิจารณา” ดูเป็นพิเศษ
ประเด็นแรก คำถาม คือว่า…….
มีเหตุผลอะไรที่ชลน่าน “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” จู่ๆ ก็จุดพลุประเด็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ขึ้นมา
ด้วยลีลากังวลว่า เกรงมีคนเสนอชื่อ “พลเอกประวิตร” ให้รัฐสภาพิจารณาเป็นนายกฯ รัฐบาลเสียงข้างน้อย?!
ทั้งที่ ฝ่าย ๑๘๘ เสียง ยืนยันมาตลอด ไม่มีความคิดตั้งรัฐบาล “เสียงข้างน้อย” แข่ง ๘ พรรคที่มี ๓๑๒ เสียงเลย
ในความเห็นผมนะ…….
นี่คือการ “โยนหินถามทาง” จากพรรคเพื่อไทย ในมิติ “จับขั้ว” ตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมี “พรรคพลังประชารัฐ” ร่วม
เพื่อดูว่า ประชาชนจะมี “ปฎิกริยาปฎิเสธ” หรือเชิง “ตอบรับ” ไปทางไหน?
ก็อย่างที่เราเมาธ์กันมาเรื่อยๆ ว่า นายกฯ คนต่อไป
ไม่ ป.ปลา ก็ อ.อ่าง นั่นแหละ!
ทีนี้พูดกันถึงประเด็นที่ ๒ คือ ประเด็น “พิธา-ก้าวไกล” ยืนกราน หัวเด็ด-ตีนขาด “ไม่ลดเพดาน” แก้มาตรา ๑๑๒
อย่างที่ทราบ ทั้งเสียงจากสส.-สว.ทั้งเสียงนักวิชาก่อการด้อมส้ม แนะให้ก้าวไกล “ลดเพดาน” เลิกแตะ “มาตรา ๑๑๒” สว.จะได้โหวตให้
ยังไงก็ “เป็นรัฐบาล” ไว้ก่อน แล้วค่อยก่อการขั้นต่อไป!
แต่ก้าวไกล ไม่เพียงพิธา ทั้งคณะพรรคส่วนใหญ่ ต่าง “ขึงตึง” ห้ามหย่อน-ห้ามลดเพดาน ม.๑๑๒
คือต้อง “ล้มล้าง” ตามนโยบายที่หาเสียงไว้สถานเดียว
กรณีนี้ มองได้ ๒ ทาง
ทางแรก “ยกเลิก/แก้ไข ม.๑๑๒” ก้าวไกลมาไกลจนเกินกู่กลับ
โหวตรอบแรก “ยืนกราน”
ถ้าขืนลดเพดานรอบ ๒ เท่ากับขาย “นโยบายแลกเก้าอี้”
แบบนี้ จะถูกมวลชน “คนเสื้อส้ม” เททันที!
ดังนั้น เมื่อหลงป่า ก็ต้องเดินหน้าฝ่าดง ชูธง “ล้มเจ้า” เป็นสัญลักษณ์พรรคก้าวไกลไว้
ถ้าไม่ถูกเพื่อไทยตลบหลังขี้แตกตายซะก่อน
เลือกตั้งครั้งนี้ ๑๕๑ เสียง ครั้งหน้า อาจเพิ่มเป็น ๓๐๒ เสียง ไม่มีสว.ร่วมโหวต ก้าวไกลพรรคเดียวโดดๆ “เป็นรัฐบาล”
เอาให้มันเยี่ยวกันไม่ออกทั้งประเทศไปเลย!
มาดูทางที่ ๒ กันบ้าง จะเห็นว่า ก้าวไกล “ไม่ลังเล” ที่จะปฎิเสธเงื่อนไข “เลิกแตะม.๑๑๒” แลกกับ “ได้เป็นรัฐบาล” เลย
คำถามคือ “แต้มอะไร” กับไพ่ที่คว่ำของก้าวไกล?
แต้มแรกคือ
-“ข้อมูลส่วนบุคคล” หรือ Personal Data ในมือก้าวไกล น่าจะมีมากกว่าระบบรัฐ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ครองโลกยุคนี้ “แพ้-ชนะ” อยู่ที่ข้อมูลและความไวในการเข้าถึงตัวบุคคล
-มั่นใจในเครือข่าย “ล่มชาติ-ล้มเจ้า” ที่แผ่ขยาย แทรกซึม-ซอกซอน ปลุกปั่น-แยกคนเป็นชนเผ่า เข้าถึงทั้งในป่า ในเมือง ในระบบราชการ สถานศึกษา และชาวบ้านทั่วไป
-มั่นใจ “ประชาชนปฎิวัติ” พร้อมที่จะปลุกระดมให้ลุกฮือเป็น “สงครามประชาชน” บนการสนับสนุนขบวนของการนอกชาติ ผ่านองค์กรที่ขุนเลี้ยงเป็นคู่ขนานไว้ ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม และ
-ยิว-ไซออนิสม์ ในคราบ CFR เจ้าของทฤษฎี New World Order ซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยง “มวลชนปฎิวัติ” ระดับอุโมงค์ยักษ์
ฉะนั้น ม็อบส้มอมแดงจะไม่สิ้นแผ่นดินโดยง่าย
ตราบใดที่ไทยยังไม่เป็น “ประเทศที่สั่งได้” ผ่านรัฐบาลในออร์เดอร์ “สหรัฐ-ยุโรป”!
เพราะ “เวทีนี้มีพี่เลี้ยง” เช่นนี้แหละ
“พิธา-ก้าวไกล” จึงจำต้องยืนกราน ลดเพดาน MOU มาตรา ๑๑๒ ลงมาไม่ได้
เพราะการ “กำจัดรัฐบาลประยุทธ์” ตัวขวางทางฮุบประเทศไปได้ขั้นหนึ่งแล้ว นั่นเท่ากับฝ่ายล้มเจ้าชนะไปครึ่งทาง
ถึงรอบนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาล….
ยืนกราน “รักษามวลชน” ไว้ รอบหน้า “อีกไม่นาน” ประตูป่าช้าก็จะเปิดอ้ารับเอง
ดังนั้น รอบนี้ พลาดจากส้มเป็นแดง
“อินทรี-อีแร้ง” บอก “ส้ม-แดง” สำหรับกู ครือกัน!
ก็เสียใจด้วยนะพิธา…
กันยา.นี้ ไม่ได้เป็นนายกฯ ประเทศไทยไปโชว์ตัวที่ประชุมสหประชาชาติ นครนิวยอร์ค ชัวร์ป้าบ
ก็อยู่รอฟังว่าศาลรัฐธรรมนูญท่านจะรับคดีถือหุ้นสื่อกับคดีแก้มาตรา ๑๑๒ เป็นนโยบายหาเสียงไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่อยู่ที่เมืองไทยก่อนดีกว่า
ให้ “มัมดิว” เขาลี้ภัย….
ไป “ดูลาดเลา” ที่เยอรมันไว้คอยท่าก็แล้วกัน!
เปลว สีเงิน
๑๕ กรกฏาคม ๒๕๖๖