“นพดล ปัทมะ” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวตั้งคำถามถึงมีกระแสข่าว ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำหนังสือเชิญรัฐมนตรีประเทศอาเซียนมาประชุมอย่างไม่เป็นทางการกรณีเมียนมาที่ประเทศไทย
แต่ทางประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็น ‘ประธานอาเซียน’ กลับไม่ตอบรับมาร่วมประชุม เนื่องจากอาเซียนกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการเรื่องนี้และปัญหาในเมียนมาเพิ่งถูกหยิบยกขึ้นหารือในที่ประชุมสุดยอดอาเซียนที่ผ่านมา
อีกทัังประเทศไทยเพิ่งมีการเลือกตั้งทั่วไป โดยประชาชนเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยอย่างท่วมท้น และ รัฐบาลประยุทธ์ ซึ่งอยู่ในฐานะ ‘รัฐบาลรักษาการ’ ก็ควรรอให้รัฐบาลใหม่มาดำเนินการในเรื่องนี้
1. ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลประยุทธ์ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักมาตลอด ในส่วนของ นโยบายด้านการต่างประเทศว่าอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพ และไม่ประสบผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเมียนมา
2. รัฐบาลประยุทธ์อยู่มาแล้ว 8-9 ปี แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนนี้เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ จะมีอำนาจต่อรองอะไรไปขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา และตามกระแสข่าวที่ออกมาอินโดนีเซียซึ่งเป็นประธานอาเซียนปฏิเสธไม่มาประชุม โอกาสสำเร็จคงน้อย
3. ปัญหาเมียนมานั้นยืดเยื้อมานาน ยากที่รัฐบาลรักษาการจะแก้ไขได้ เชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่ ที่มีพรรคเพื่อไทยร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย มีความชอบธรรมที่มาจากการเลือกตั้ง และตัวผู้นำใหม่ จะสามารถกอบกู้เกียรติภูมิของไทยและสร้างโอกาสไทยในเวทีโลก และจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาเมียนมาประสบความสำเร็จได้
4. นโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาลชุดใหม่ จะให้ความสำคัญกับปัญหาเมียนมาเป็นลำดับต้นๆ โดยเฉพาะในประเด็นปัญหาผู้อพยพ ปัญหาสิทธิมนุษยชนและคนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนและปัญหาประชาธิปไตยในเมียนมา
5. ไทยและอาเซียนมีผลประโยชน์ร่วมกันในเมียนมา และการดำเนินการในกรอบอาเซียนจะมีพลังมากกว่าการดำเนินการของประเทศหนึ่งประเทศใด เราต้องผลักดันฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนต่อไป การเรียกร้องให้หยุดใช้ความรุนแรงในเมียนมา การเจรจาสันติภาพระหว่างฝ่ายต่างๆ และการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมควรต้องเกิดขึ้น เพราะสันติภาพและประชาธิปไตยในเมียนมานั้นสำคัญต่อการแก้ปัญหาาต่างๆ ที่กระทบต่อประเทศไทยและอาเซียน