อย่าทรยศชาวสีส้ม – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เข้าใจผิดกันไปหมด

อุปสรรคในการตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ไม่ได้อยู่ที่ ๒๕๐ ส.ว.

แต่อยู่ที่พรรคก้าวไกลเอง

ถึงวินาทีนี้ ต้องเข้าใจในข้อเท็จจริง ส.ว.ส่วนใหญ่พร้อมที่จะโหวตให้ขั้วการเมืองที่สามารถรวมเสียงได้เกิน ๒๕๑ เสียง

ใครรวมได้เอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปเลย

ส่วนใครที่คิดจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เลิกคิดครับ เพราะจะมีปัญหาตามมามากมาย

เผลอๆ ไม่เกินครึ่งปีได้เลือกตั้งกันอีกรอบ

ฉะนั้นเข้าใจให้ตรงกัน ผ่านมา ๘-๙ ปี เชื้อรัฐประหารเจือจางเต็มทีแล้ว

ยิ่ง “ลุงตู่-ลุงป้อม” หมดอำนาจ พรรคพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ ส.ว.แทบทุกคน คิดถึงการอยู่รอดปลอดภัยของประเทศทั้งสิ้น

เหลือเวลาอีกแค่ ๑ ปีเต็ม ส.ว.ชุดนี้ ต้องกลับไปเลี้ยงหลานกันหมดแล้ว ฉะนั้นน้อยคนมากๆ ครับ จะทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ไม่ยอมให้ ขั้วการเมืองที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้บริหารประเทศ

แต่มันติดอยู่ที่เงื่อนไขเดียว ที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. คือ นโยบายแก้ ม.๑๑๒

ตรงนี้ต้องชัดเจนครับ

เวลานี้มีการสร้างกระแสใหม่ในโซเชียลขึ้นมา

ตำแหน่งนายกฯ ต้องเป็นของ “พิธา” คนเดียวเท่านั้น เพราะพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง เป็นเสียงส่วนใหญ่

หากเป็นของคนอื่น สีล้มจะลงไปบนถนนทั่วประเทศ

เป็นประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจครับ และสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ

“โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา” เขียนเอาไว้ในเฟซบุ๊ก ครบถ้วนกระบวนความ

“…ส.ส.ที่อยากได้พิธาเป็นนายก มี ๑๕๐ คนจาก ๕๐๐ .. ซึ่งไม่ถึงครึ่ง

อีก ๑๕๐ กว่าเสียงที่ไปเติม คือตัวแทนจากพรรคที่อยาก ‘ร่วมรัฐบาล’ ไม่ใช่ตัวแทนของคนที่อยากให้พิธาเป็นนายก เพราะ ส.ส.เหล่านั้นหาเสียงให้แคนดิเดตคนอื่นหมด ตอนเลือกตั้ง

จะไปเหมาว่านี่คือการแสดงว่าคนไทยส่วนใหญ่อยากให้พิธาเป็นนายก จนต้องบีบให้พรรคที่เขาไม่อยากได้ ‘พิธา’ มาหลับหูหลับตาโหวตให้ .. ไม่ได้

ไม่มีใครต้องไปโหวตสนับสนุน ‘การร่วมรัฐบาล’ หรือความอยากเป็นนายกของใคร ถ้าเขาไม่ได้ต้องการ เหตุผลพื้นฐานที่สุดของการโหวตคือการแสดงความต้องการ เพื่อเอามานับกันแล้วกำหนดทิศทางประเทศ

การบีบให้คนต้องเลือกในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ ไม่ใช่ประชาธิปไตยค่ะ อย่าใช้คำว่า ‘ประชาธิปไตย’ ให้มันมั่วไปกว่านี้

เมื่อไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขกติกาเพี้ยนๆ ก็ต้องหาทางเอาชนะตามกติกาให้ได้ ไม่ใช่ไปสร้างความเพี้ยนใหม่ขึ้นมา

(ตอนเรารณรงค์แก้ ม.๒๗๒ ตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯ มีคนมาร่วมลงชื่อแปดหมื่นคน ที่เหลือบอกจะทำไปทำไมไร้สาระ เดี๋ยวชนะเลือกตั้งถล่มทลายก็ปิดสวิตช์ ส.ว. ได้เอง ถึงตอนนี้ทำไม่ได้ตามนั้น จะเลือกใช้วิธีไปบีบบังคับคนอื่น)

ถ้าพิธาได้โหวตไม่พอ พรรคต่อไปมีสิทธิ์ลองเสนอแคนดิเดตของตัวเองแล้วจัดสูตรใหม่บ้าง และควรทำด้วย ถ้าไม่ทำก็ประหลาดแล้ว ตกลงคุณหาเสียงมาแทบตาย เพื่อให้พรรคอื่นซึ่งได้เสียงไม่ถึงครึ่งเป็นนายกหรือ? …​

ลองดูว่าคุณ ‘เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย’ ได้มากกว่าหรือไม่ นั่นคือคุณสมบัติที่นายกฯ ของวันพรุ่งนี้ต้องมี

ถ้าพรรคเพื่อไทยยังไม่ Get a grip ทุกอย่างจะหลุดไปอยู่ในมือของคนที่คุณไม่ต้องการแน่นอน…”

ครับ…นอกจากเขียนถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแล้ว ยังเป็นการสั่งสอนพวกรักส้มเหนือจินตนาการว่า ประชาธิปไตยคืออะไร

ถ้า “พิธา” ไม่ได้รับการยอมรับจากพรรคเพื่อไทย มันก็จบแค่นั้น

“พิธา” ก็เป็นแค่ว่าที่นายกฯ ในโซเชียล

ถามว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยชัดหรือยัง

ยังหรอกครับ เพราะต้องรอเอ็มโอยูจากก้าวไกลก่อน

หากเพื่อไทยเห็นว่า เอ็มโอยู มัดแน่นเกินไป ก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่นิ่งเฉย รอก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไปเรื่อยๆ

อย่าลืมว่าตอนหาเสียง พรรคเพื่อไทย ชู “อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา-ชัยเกษม” เป็นนายกฯ ไม่ใช่ “พิธา”

ฉะนั้นอย่าหลงประเด็น วันนี้ทุกฝ่ายต่างรอดูเอ็มโอยูของพรรคก้าวไกลกันทั้งนั้น

เอ็มโอยู มันต้องมีความสำคัญครับ ถือเป็นอุดมการณ์ของรัฐบาล

หากไม่มีการแก้ ม.๑๑๒ ก็เท่ากับ พรรคก้าวไกล ทรยศชาวสีส้ม

จะเป็นการทรยศหักหลังที่ไม่สามารถยอมได้

อ่านเจอข่าวมีนักวิชาการบอกว่า แก้ ม.๑๑๒ ล้มเจ้าเป็น Fake News

เป็นการแก้เพื่อให้สอดคล้องกับหลักนิติธรรม และใช้กระบวนการยุติธรรมเหมือนกฎหมายทั่วไป ไม่ใช่ยกเลิก

ขอโทษเถอะครับ เคยแหกตาดูรายละเอียดการแก้ไข ม.๑๑๒ ของพรรคก้าวไกลหรือยัง

มาดูกันอีกทีว่าร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกล ขยันขันแข็งเสนอเข้าสภาก่อนหน้านี้นั้นมีรายละเอียดอย่างไร

ย้ายความผิดฐาน มาตรา ๑๑๒ ออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ คือการแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกไป ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของรัฐอีกต่อไป

ก้าวแรกนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า คือจุดเริ่มต้นของการลดความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ลง

ในการกระทำความผิดต่อพระมหากษัตริย์ ปัจจุบัน ม.๑๑๒ มีโทษจำคุก ๓-๑๕ ปี

ก้าวไกลจะแก้ให้เหลือจำคุกเหลือไม่เกิน ๑ ปี

หรือมีเพียงโทษปรับไม่เกิน ๓ แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การกระทำความผิดต่อ พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เดิมจำคุก ๓-๑๕ ปี

แก้ไขโทษจำคุกเหลือไม่เกิน ๖ เดือน

หรือมีเพียงโทษปรับไม่เกิน ๒ แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์เท่านั้น ซึ่งแน่นอนครับหากแก้ไขสำเร็จ เท่ากับให้สถาบันเผชิญหน้ากับประชาชนโดยตรง

ซ้ำร้ายฐานความผิด ม.๑๑๒ ของก้าวไกล จะเป็นความผิดในลักษณะความผิดอันยอมความได้

คือความผิดส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ

พรรคก้าวไกลต้องการให้เป็นความผิด เฉกเช่น ความผิดฐานยักยอก ฉ้อโกง หมิ่นประมาท ทำให้เสียทรัพย์ อนาจาร ข่มขืนกระทำชำเรา ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงิน เป็นต้น

การที่พระมหากษัตริย์ทรงถูกลดสถานะลงต่ำต้อย เทียบได้กับคนธรรมดาทั่วไป หรือน้อยกว่าด้วยซ้ำ แล้วจะให้แปลความว่าพรรคก้าวไกลมีเจตนาเป็นอย่างอื่นอย่างนั้นหรือ

นั่งไถโทรศัพท์ ดูข้อความในทวิตเตอร์ไปเรื่อยๆ เห็นข้อความที่โพสต์โดย อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล @AmaratJeab

..หมดเวลาของความพอเพียง

ถึงเวลาของความทะเยอทะยาน

#นายกพิธา

#รัฐบาลก้าวไกล…

ถ้าพรรคเพื่อไทย เห็นด้วย วันนี้พรุ่งนี้ประกาศเข้าร่วมรัฐบาลได้เลยครับ

แต่ ส.ว.ส่วนใหญ่ เขาจะไม่เอาด้วย

เพราะไม่อยากร่วมขบวนการล้มล้างการปกครอง

Written By
More from pp
“อนุทิน” ลงพื้นที่แม่ฮ่องสอนส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 สร้างภูมิคุ้มกันบุคลากรด่านหน้า
รองนายกรัฐมนมตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ลงพื้นที่แม่ฮ่องสอนส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวม 2,000 โดส สร้างภูมิคุ้มกันบุคลากรด่านหน้าปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ลี้ภัยความไม่สงบจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างปลอดภัย
Read More
0 replies on “อย่าทรยศชาวสีส้ม – ผักกาดหอม”