8 พฤษภาคม 2566 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการเลือกตั้ง กทม. พรรคภูมิใจไทย, ดร.อนุกูล แต้มประเสริฐ ประธานมูลนิธิ มูลนิธิสถาบันเพื่อพัฒนานวัตกรรม Innova Foundation อาจารย์ วิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ดร.เพียงออ เลาหะวิไลย นักวิจัยมูลนิธิสถาบันเพื่อพัฒนานวัตกรรม Innova Foundation อาจารย์ วิทยาลัยนานาชาตินวัตกรรมดิจิทัล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ร่วมแถลงข่าว ชี้แจงนโยบายพรรคภูมิใจไทย หลังจาก TDRI วิเคราะห์ต้นทุนทางการเงินของนโยบายพรรคการเมือง โดยที่ระบุว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ใช้วงเงินงบประมาณของรัฐ ในนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้หรือ แลนด์บริดจ์ โครงการสะพานเศรษฐกิจ หรือแลนด์บริดจ์ (ชุมพร-ระนอง) ซึ่งจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ภาคใต้เชื่อมโยงสองฝั่งทะเล (อ่าวไทย-อันดามัน) ถึง 1.7 ล้านล้านบาท
นายศุภชัย กล่าวว่า สำหรับตัวเลขที่ TDRI นำมาเเสดง เป็นตัวเลข และบอกว่าเป็นพรรคที่ใช้งบประมาณสูงที่สุดกว่า 1.99 ล้านล้านบาทนั้น เป็นตัวเลขมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะได้รับ ส่วนงบลงทุนยืนยันว่าไม่ได้ใช้งบประมาณของรัฐ แต่เป็นการใช้งบประมาณร่วมลงทุนของภาคเอกชน
โดยใช้วิธีร่วมลงทุนรัฐกับเอกชนมาร่วมลงทุนกัน ยืนยันสิ่งเดียวที่พรรคทำได้ คือขอออกพระราชบัญญัติเขต พัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อมีอำนาจในการทำโครงการเหมือนกับโครงการ EEC ภาคตะวันออก
ยกตัวอย่าง กรณีโครงการเงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ใช้เงินนอกงบประมาณปีละ 7 แสนล้านบาทสิ่งที่พรรคมีหน้าที่คือแก้ไขอำนาจที่กระทรวงการคลังออกไปนุญาตให้กับภาคธุรกิจ หรือ นาโน ไฟแนนซ์ เพราะ ประชาชนเข้าไม่ถึงกลไกในการกู้ ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทย ดำเนินการในส่วนที่เป็นกลไกของกฎหมาย ยืนยันว่าทุกเรื่องที่นำเสนอล้วนแต่ได้ศึกษาแล้วในทุกมิติว่าทำได้จริง อะไรที่เป็นเรื่องของกฎหมาย เราเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว
นายศุภชัย ยังระบุ นโยบายของพรรคภูมิใจไทย เน้นไปที่การเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายให้กับประชาชนโดยไม่กระทบกับงบประมาณแผ่นดิน เเละยืนยันว่า เราใช้งบประมาณแผ่นดินน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่น อีกทั้งเป็นนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยการหารายได้เข้าประเทศ ซึ่งโครงการ “แลนด์บริดจ์” จะเปลี่ยนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางและสร้างรายได้มหาศาล ในเรื่องของการขนส่ง และเชื่อมโยงระบบรางการขนส่งอื่นๆไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ และมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคที่ใช้งบประมาณแผ่นดินน้อยที่สุดแล้ว จะเป็นพรรคที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศได้
พร้อมยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย ได้ทำหนังสือชี้แจงไปยัง TDRI แล้ว พร้อมเรียกร้องให้ TDRI ช่วยแก้ไขข้อมูลให้กับพรรคภูมิใจไทยด้วย เพราะว่าส่งผลกระทบกับคะแนนนิยม คะแนนเสียงของพรรคภูมิใจไทย
นอกจากนี้ นายศุภชัยยังยืน ว่า พรรคไม่ได้คิดเรื่องต่างๆด้วยตนเอง แต่ได้ทำร่วมกับภาควิชาการ จากมหาวิทยาลัยต่างๆ สถาบันต่างๆ มีที่มาที่ไปอย่างชัด
ด้านดร. เพียงออ กล่าวว่า ได้รับการติดต่อมาจากพรรคภูมิใจไทยว่ามีความประสงค์ที่จะทำนโยบาย เห็นว่าเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ จึงได้ร่วมทำงานกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำงานร่วมกับพรรคภูมิใจไทยมาก่อนแล้ว เข้าใจพื้นฐานของประเทศไทยว่าเรามีปัญหาอย่างไรบ้าง จึงได้ร่วมกันขับเคลื่อนทั้ง 21 เรื่อง ยืนยันได้ว่าทุกนโยบายของพรรคภูมิใจไทยไม่ใช่งบประมาณแผ่นดินแต่เป็นเงินจากการระดมทุน
ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า งบพรรคภูมิใจไทย ใช้งบประมาณของรัฐเพียงกว่า 2 แสนล้านบาท และใช้งบประมาณจากแหล่งอื่น กว่า 7 ล้านล้านบาท ซึ่งมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 6.1 ล้านล้านบาท ซึ่งได้รับผลตอบแทนมากกว่าการลงทุน ถึง 5.9 ล้านล้านบาท มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากกว่าผลลงทุนของรัฐ 27.5 เท่า
นายศุภชัยยังกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้นำเสนอนโยบายและที่มาที่ไปในการใช้เงินดำเนินนโยบายให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. อย่างครบถ้วนแล้ว และกกต.ไม่ได้มีหน้าที่ในการห้ามพรรคการเมืองนำเสนอนโยบาย แต่ให้พรรคบอกที่มาที่ไปของเงิน ว่า ทำได้จริงหรือไม่ ประชาชนจะไม่ถูกหลอก
ด้านนายพุทธิพงษ์ เชื่อว่ามีการบิดเบือนในเรื่องของงบประมาณที่ได้ชี้แจงไป ตนเชื่อว่าในหลายโครงการไม่ได้เป็นโครงการที่เป็นรูปแบบใหม่และเป็นโครงการที่รัฐจะต้องลงทุน 100% ซึ่งที่ผ่านมาเป็นนโยบายที่กระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประชาชน ยืนยัน ว่า นโยบาย ของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่นโยบายให้เปล่า และยังเชื่อในวินัยการเงินการคลัง เราเรียนรู้จากบทเรียนในอดีตที่ผ่านมาจากวิกฤตต้มยำกุ้ง เราจึงเชื่อในวิธีการบริหารจัดการงบประมาณที่ถูกต้อง
พร้อมกล่าวถึง แลนด์บริดจ์ที่ได้นำเสนอไป 1.7 ล้านล้านบาท เป็นตัวเลขมูลค่าทั้งโครงการ เพื่อให้เอกชนเข้ามาแข่งขันกัน ไม่ได้ใช้งบประมาณของแผ่นดินเลย ดังนั้นการนำเสนอของ TDRI มีความคาดเคลื่อน ดังนั้นที่บอกว่าพรรคภูมิใจไทยใช้งบประมาณมากที่สุด ก็ขอให้ไปดูนโยบายของพรรคการเมืองอื่นมีนโยบายที่มากกว่านี้ และไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินเช่นเดียวกัน ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ติด 1 ใน 5 พรรคการเมืองที่ใช้งบประมาณมากขนาดนี้ ย้ำว่า มาตรฐานทุกเรื่องไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกันได้ ภูมิใจไทยยังคงเชื่อว่าการสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยวันนี้มาจากการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ และมี 3 เรื่อง ที่พรรคภูมิใจไทยพยายามทำ คือ
1.เพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนและฃผลัดดันให้มีการลงทุนภายในประเทศ จากนักลงทุนจากต่างประเทศ สร้างบรรยากาศทางการเมืองให้มีความเข้มแข็งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
2.เชื่อว่ายังมีกฎระเบียบอีกหลายเรื่องที่จะต้องแก้ไขลดภาระลดขั้นตอนให้กับนักลงทุน ซึ่งเรื่องกฎระเบียบจะต้องได้รับการแก้ไขหลังจากที่พรรคภูมิใจไทยเข้าไปเป็นรัฐบาล
และ 3.เมกะโปรเจกต์ในภูมิภาค เพื่อจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิต เป็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยยึดมั่นมาโดยตลอดในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน เพราะเราไม่เชื่อว่าการเก็บภาษีในประเทศจะนำพาประเทศไปได้ ดังนั้นต้องหาแหล่งเงินทุนใหม่ๆการลงทุนใหม่เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับคนไทย ยืนยันว่ารอบคอบไม่สร้างปัญหาสร้างภาระให้กับคนในประเทศ