คลิกฟังบทความ…?
เปลว สีเงิน
เอ้า…..
ปั่นกันเข้าไป เรื่องค่าไฟแพงนั่นน่ะ ปั่นไม่พอ แถมตะแบงเข้าไปอีก
เขารู้กันทั้งบ้าน-ทั้งเมือง
ว่าค่าไฟแพงทุกวันนี้ มาจากค่า Ft สมัยยิ่งลักษณ์อนุมัติให้ “กัลฟ์” เป็นผู้ได้สัมปทานผลิตไฟฟ้าด้วย “ก๊าซธรรมชาติ” กว่า ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์
ซื้อขายผูกพันระยะยาว ๒๕ ปี กับกฟผ.ด้วยเงื่อนไข
“ต้องใช้เชื้อเพลิงในการผลิตด้วย “ก๊าซธรรมชาติ” อย่างเดียว” ค่าไฟมันถึงแพงไงล่ะ!
เพราะก๊าซธรรมชาติต้องนำเข้า ซ้ำราคา “ขึ้น-ลง” ตามตลาด พอเจอวิกฤติพลังงานผลพวงสงคราม “ยูเครน-รัสเซีย”
ราคาก๊าซพุ่งพรวดเป็นเท่าตัว
จาก ๑๐ กว่าบาท เป็น ๒๐ กว่าบาท
แล้วไอ้ที่ “ถูก-แพง” ทั้งหมด มันก็สะท้อนออกมาในรูป Ft “ค่าไฟผันแปร” ตามต้นทุนนั่นแหละ
ก็แล้วกันไป ผมไม่ถามหรอกว่า รายการนี้ How much?
และไม่ถามด้วยว่า…..
มีคน “หน้าเหลี่ยม-หน้ากลม” แอบถือหุ้นโครงการ ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์นี้หรือไม่?
ที่มันตึงตังขึ้นช่วงนี้ เหตุหนึ่ง นอกจากค่าไฟสะท้อนต้นทุนก๊าซตอนราคา ๒๐ กว่าบาทต่อหน่วย ในเดือนเมษา.พอดี
อีกเหตุ เพราะมันประจวบช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
พรรคการเมืองต่างๆ จึงฉวยโอกาส ที่ชาวบ้านโอดครวญค่าไฟแพง โยนใส่ “รัฐบาลประยุทธ์” ซะเลย
ว่าเป็นทั้งตัวการ ทั้งเป็นรัฐบาลแต่ไม่แก้ไข!
เนี่ย…การเมืองมันก็แบบนี้ ตะโกนหลอก ตะโกนด่า โทษคนอื่นไว้ก่อน ชาวบ้านก็เชื่อ
เพราะใครจะไปรู้-ไปจำ ว่ารัฐบาลไหน ทำริยำไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๕๕!?
การทำหน้าด้าน “ป้ายโทษ-ป้ายขี้” ตัวเองใส่คนอื่นช่วงนี้ พวกด้านจึงได้ ๒ ต่อ
ต่อแรก ป้ายขี้ใส่พลเอกประยุทธ์ให้ชาวบ้านร้องว่าเหม็น
ต่อที่สอง ได้เตะตัดขา “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่ลุงตู่ลงแข่งในตำแหน่ง “นายกฯบัญชีเลือกตั้ง” ของพรรค
ความจริง ผมคุยไปแล้วเมื่อ ๒๐ เมษา.ก็ไม่ได้ตั้งใจจะคุยอีก แต่บังเอิญเห็นเจ้านี่….
“นายพิชัย นริพทะพันธุ์” เดาะตำแหน่งซะโก้ “รองประธานยุทธศาสตร์และการเมืองพรรคเพื่อไทย”
ออกมาแถลงว่าวัวเป็นควาย, ควายเป็นวัว ผมจึงเวทนาทั้งคนพูดและพรรค
ก็อยากเสริมสมองซักเล็กน้อย คนรู้เขาจะได้ไม่หยาม ว่า
“เนี่ยเรอะ ภูมิของคนระดับรองประธานยุทธศาสตร์พรรคที่จะมาเป็นรัฐบาล?”
มาดูที่นายพิชัยพูดเมื่อวาน (๒๕ เมย.) บางตอนก่อน
“เป็นความผิดพลาดในการบริหารเศรษฐกิจและการจัดการเรื่องไฟฟ้าเรื่องพลังงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มาตลอด ๘-๙ ปี
แต่กลับโทษรัฐบาลในอดีตที่ล่วงเลยมากว่า ๘ ปี แล้ว
ทั้งนี้ สมัยรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ การบริหารเศรษฐกิจไปได้ดีเยี่ยม เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้สูง …ฯลฯ….
ดังนั้น ต้องมีแผนงานขยายการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต จึงมีความสำคัญและจำเป็น
เพราะขณะนั้น กำลังสำรองไฟฟ้ามีอยู่ประมาณ ๑๕% ซึ่งเป็นการสำรองขั้นต่ำ
ต่อมา เมื่อพลเอกประยุทธ์ทำปฏิวัติรัฐประหารเข้ามาบริหารประเทศ ได้บริหารเศรษฐกิจไทยล้มเหลว
เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยตลอด ๘ ปี เพียง ๑% กว่าๆเท่านั้น จึงทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าล้นเกิน
ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจไทยขยายได้ปีละ ๕% ตามที่คาดการณ์ กำลังผลิตไฟฟ้าจะไม่เพียงพอด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ เมื่อพลเอกประยุทธ์บริหารเศรษฐกิจล้มเหลวก็ควรจะต้องเจรจาชะลอการผลิตไฟฟ้าลง
ซึ่งสามารถเจรจาชะลอการผลิตได้ แต่กลับไม่ทำ
ซึ่งความจริง การเซ็นสัญญา ๕,๐๐๐ เมกกะวัตต์ เกิดในสมัยพลเอกประยุทธ์ ซึ่งสามารถเจรจาต่อรองได้
อย่างไรก็ดี ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีปริมาณไฟฟ้าผลิตล้นเกิน นอกจากพลเอกประยุทธ์จะไม่เจรจาต่อรองแล้ว
พลเอกประยุทธ์ยังออกใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก
โดยล่าสุดก่อนยุบสภา
พลเอกประยุทธ์ยังอนุมัติใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกเกือบ ๕,๐๐๐ เมกกะวัตต์ ยิ่งทำให้กำลังไฟฟ้าที่ล้นอยู่แล้วต้องล้นมากขึ้น และจะทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นอีก
ซึ่งพลเอกประยุทธ์ น่าจะต้องชี้แจงว่าอนุมัติไปได้อย่างไรทั้งที่กำลังผลิตไฟฟ้าล้นแล้ว
ทีนี้ฟังนะ พิชัย……..
ยุคยิ่งลักษณ์ “สถานการณ์โลก” มีอะไรที่กระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ-การเมืองมั้ย?
คำตอบคือ นอกจาก “น้ำท่วม” เพราะยิ่งลักษณ์ “เอาอยู่”
ลักหลับ พรบ.นิรโทษเหมาเข่ง และเรื่อง “จำนำทุกเมล็ด-โกงทุกเมล็ด” แล้ว
สถานการณ์ทั้ง “ภายนอก-ภายใน” ที่จะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ-การเมืองไม่มีเลย
ตรงข้ามกับยุคพลเอกประยุทธ์ นายพิชัยต้องเข้าใจนะ ไม่ได้เข้ามาเพราะปฎิวัติรัฐประหาร
เข้ามาเพราะ ๑.ยิ่งลักษณ์ยุบสภาแล้ว ๒.ศาลให้พ้นสภาพนายกฯ เพราะใช้อำนาจโยกย้ายข้าราชการมิชอบ
๓.เมื่อนายกฯ พ้นสภาพ รัฐบาลรักษากาารณ์จึงเกิดภาวะสุญญากาศทางการเมือง ซ้ำรัฐบาลผีหัวขาด ไม่มีน้ำยา
๔.เมื่อประชาชนเป็นล้านๆ ออกมาต่อต้านพรบ.นิรโทษเหมาเข่ง จึงแก้ปัญหาไม่ได้ บ้านเมืองจลาจลวุ่นวาย และ
๕.พลเอกประยุทธ์จึงจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ บ้านเมืองถึงสงบและพัฒนาให้ก้าวหน้า
นายพิชัยถึงได้อยู่สบาย มีแรงออกมาสำรอกได้ไงล่ะ
ต่อมา ประเด็น “๘ ปี ประยุทธ์” เศรษฐกิจโต ๑% สู้ยิ่งลักษณ์ไม่ได้
๘ ปีประยุทธ์ เผชิญปัญหาทั้งภายใน-ภายนอก ภายในก็พวกพิชัยนั่นแหละ ทั้งแดง-ทั้งส้ม ก่อกวน-ป่วนเมือง
แต่ที่หนักหนา คือผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ-การเงินสหรัฐ-ยุโรป ตามด้วยวิกฤติพลังงาน ล้วนมีผลต่อเศรษฐกิจทุกด้าน
ไม่แค่นั้น เกิดภาวะ “โรคล้างโลก” โควิดระบาดชนิด “ตายยกโลก” ทุกประเทศ เศรษฐกิจ-การลงทุน-การท่องเที่ยว “ตายสนิท”
รัฐบาลลุงตู่ต้องหาเงินมาช่วยคนทั้งประเทศ หาวัคซีนซึ่งมีค่ากว่าทองคำมาฉีด เกิด “ทุกข์ซ้ำ-กรรมซัด” สงคราม “ยูเครน-รัสเซีย” ตามมา
ที่พังกันอยู่แล้ว ต้องพังพาบนราบสนิทเกือบทั้งโลก
ไทยโตได้ ๑% นับว่าปาฎิหาริย์ยิ่งกว่าหัวล้านมีเส้นผมงอกซะอีก
นี่ถ้าเป็นยุคยิ่งลักษณ์บริหาร เศรษฐกิจประเทศ -๑๐ ก็นับว่าเก่ง
แต่ผมเกรงว่า ประเทศก็คงไม่เหลือให้ใครมาล้มแล้วมั้งคงถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์เอาไปจำนำ หรือไม่ก็ขายในภาวะล้มละลายไปแล้ว!
นี่คือภาพรวมเชิงเปรียบเทียบในสถานการณ์ที่ต่างกัน
ทีนี้ มาถึงประเด็นที่พิชัยดูเหมือนฉลาด แต่อวดโง่ ที่ว่า
“เจรจาชะลอการผลิตได้ แต่กลับไม่ทำ การเซ็นสัญญา ๕,๐๐๐ เมกกะวัตต์ เกิดในสมัยพลเอกประยุทธ์ ซึ่งสามารถเจรจาต่อรองได้” นั้น
ผมขี้เกียจสีซอให้ควายฟังซ้ำซาก เอาที่ผมฉายไว้แล้วเมื่อ ๒๐ เมษา.มาฉายซ้ำก็แล้วกัน
-๑๔ ธ.ค.๖๔ “ศาลปกครองสูงสุด” พิพากษาการกระทำของกระทรวงพลังงาน ทั้งในส่วนของการส่งหนังสือถึงคณะกรรมการ BOI หรือการเรียกผู้ฟ้องคดี เข้าไปเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยยกเลิกสัญญาขายไฟฟ้า นั้น
เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายดังนั้น “ศาลปกครองสูงสุด” จึงพิพากษาให้กระทรวงพลังงาน ยกเลิกหนังสือของกระทรวงพลังงานที่มีถึงสำนักงานคณะกรรมการ BOI ในการให้ชะลอการสนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนของโครงการของผู้ฟ้องคดี
และให้กระทรวงพลังงานแจ้งสำนักงานคณะกรรมการ BOI ทราบภายใน ๗ วัน นับตั้งแต่ที่มีคำพิพากษา
รวมถึงห้ามกระทรวงพลังงานนำผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงการประมูลโครงการดังกล่าวไปใช้เจรจากับผู้ฟ้องคดีเพื่อยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอีกต่อไป
คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวถือเป็นที่สุด.
นายพิชัยไม่ใช่ควาย
เป็นรองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย อ่านแล้วคงเข้าใจนะว่า “ทำไมจึงไม่เจรจาต่อรองกันได้”
แหม….เสียดายจัง
หมดพื้นที่ซะแล้ว ว่าจะสีซอในประเด็นที่พิชัยอยากให้พลเอกประยุทธ์ชี้แจง ว่า
“ไทยมีปริมาณไฟฟ้าผลิตล้นเกินนอกจากพลเอกประยุทธ์จะไม่เจรจาต่อรองแล้ว ยังออกใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกจำนวนมาก
ล่าสุดก่อนยุบสภา พลเอกประยุทธ์ยังอนุมัติใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกเกือบ ๕,๐๐๐ เมกกะวัตต์ ซึ่งยิ่งทำให้กำลังไฟฟ้าที่ล้นอยู่แล้วต้องล้นมากขึ้น
และจะทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นอีก ซึ่งพลเอกประยุทธ์น่าจะต้องชี้แจงว่า อนุมัติไปได้อย่างไร ทั้งที่กำลังผลิตไฟฟ้าล้นแล้ว”
นั่นน่ะ…ยกยอดไปพรุ่งนี้นะ
แล้วผมจะมา “โกนผมไฟ” ให้เกลี้ยงเลย!
เปลว สีเงิน
๒๖ เมษายน ๒๕๖๖