นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงความเห็นเกี่ยวกับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท หรือนโยบายเหรียญดิจิทัลเพื่อไทยว่า เป็นนโยบายที่ไม่สามารถทำได้จริงเนื่องจากเห็นว่าเหรียญดิจิทัลเพื่อไทยที่จะส่งเข้าไปในกระเป๋าตังค์ดิจิทัลนั้นออกแบบให้สามารถใช้ชำระหนี้ระหว่างประชาชนด้วยกันได้ แต่ในเนื้อหาทางเศรษฐกิจและในข้อเท็จจริง เหรียญดิจิทัลเพื่อไทย มีสภาพเป็นเงินตราอย่างหนึ่งซึ่งต้องเข้าบังคับภายใต้พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501
“ผมมีความเห็นว่า ถึงแม้กฎหมายกำหนดว่ายื่นขออนุญาตจากรัฐมนตรีคลังได้ก็ตาม แต่รัฐมนตรีคลังไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้แก่เอกชน เพราะพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 บัญญัติให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นองค์กรเดียวที่มีอำนาจและหน้าที่ในการออกเงินตรา” นายธีระชัยกล่าว
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า ในเชิงวิชาการจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไข ประกอบด้วย โครงการออกแบบให้มีการส่งเหรียญเข้าไปในระบบดิจิตอล โดยระบุว่า เป็นแนวคิดเหมือนกันกับการใช้คูปองจากรัฐบาล โดยมีการแจกคูปองให้กับประชาชนและประชาชนนำไปใช้ซื้อสินค้าหรือบริการ ลักษณะอย่างนี้จะเป็นการใช้รอบเดียว แต่แนวทางในการออกแบบของเหรียญดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยเป็นเหรียญที่สามารถนำมาใช้บนชำระหนี้ระหว่างประชาชนด้วยกันได้
“ลักษณะของเหรียญเช่นนี้มีถือว่าเป็นการออกเงินตราอย่างหนึ่ง และเมื่อมีสภาพเป็นเงินตราก็จะเข้าบังคับพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ส.2501 ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคและเป็นประเด็นที่ควรจะต้องมีการปรึกษาเพื่อจะหาทางออกให้เรียบร้อยก่อน เพราะในแง่ของกฎหมายระบุเอาไว้ว่า กรณีการออกเงินตราสามารถขออนุญาตจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้ก็ตาม แต่ตามความเห็นของผม รัฐมนตรีกระทรวงการคลังที่จะมาอนุญาตให้เอกชนรายใดรายหนึ่งให้ออกเงินตราทำไม่ได้ เพราะพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทยถูกบัญญัติให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจในการออกเงินตราเท่านั้น”
นอกจากนีเหรียญดิจิทัลเพื่อไทยเป็นบล็อกเชนที่เก็บข้อมูลการใช้จ่าย 54 ล้านคนโดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของข้อมูลก่อน ซึ่งจะเป็นการเปิดให้บริษัทเอกชนสามารถล้วงลึกข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์ทางการตลาดและเป็นข้อมูลที่มีมูลค่าสูงนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งมีความเสี่ยงข้อมูลรั่วไหลทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนรายบุคคลได้
นายธีระชัยกล่าวด้วยว่ารัฐบาลชุดต่อไป จำเป็นต้องมีการวางแผนแม่บทพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลสำหรับประเทศ แต่โครงการที่ใช้เหรียญดิจิทัลเพื่อไทยเช่นนี้ ไม่สามารถต่อยอดเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างแท้จริง จะต้องเป็นการใช้เหรียญดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยเท่านั้น
“โครงการทำนองนี้พัฒนาในแง่ซอฟต์แวร์ไม่ยากนัก แต่พิจารณาแง่ซอฟต์แวร์อย่างเดียวไม่พอ จำเป็นจะต้องมีการพิจารณาครบทุกด้าน ทุกแง่ทุกมุม ทั้งในแง่ธรรมาภิบาล ทั้งแง่ผลได้ผลเสียต่อเอกชนและต่อประชาชนส่วนรวม ในความเห็นของผม โครงการตามที่ออกแบบไว้ ยังไม่เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ” นายธีระชัยกล่าว