กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว “โครงการศูนย์/อู่บริการซ่อมรถ ลดฝุ่น PM 2.5” เพื่อสนับสนุนการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้กับประชาชนที่ใช้รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 10-29 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ โดยคาดว่าจะมีศูนย์บริการทั้งจากค่ายรถยนต์ ผู้ค้าน้ำมัน และศูนย์บริการเอกชน เข้าร่วมโครงการกว่า 400 แห่ง สามารถรองรับการบริการได้ถึง 150,000 คัน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมและผู้ค้าน้ำมัน กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และศูนย์บริการเอกชน ร่วมดำเนิน “โครงการศูนย์/อู่บริการซ่อมรถ ลดฝุ่น PM 2.5” โดยสนับสนุนการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้กับประชาชนที่ใช้รถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลที่หมดอายุการรับประกันในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 10-29 กุมภาพันธ์ 2563 โดยคาดว่าจะมีศูนย์บริการทั้งจากค่ายรถยนต์ ผู้ค้าน้ำมัน และศูนย์บริการเอกชน เข้าร่วมกว่า 400 แห่ง และสามารถรองรับการบริการตรวจสภาพและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ดีเซลได้มากกว่า 150,000 คัน โดย ส.อ.ท. ได้ประสานขอการสนับสนุนจากสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมให้การสนับสนุนสูงสุด อาทิ ส่วนลดน้ำมันเครื่อง 50% ฟรีการตรวจสอบสภาพ ฟรีค่าแรง และส่วนลดค่าอะไหล่ 20% ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยมีรายละเอียดการสนับสนุนโครงการ ดังนี้
1.กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และผู้ค้าน้ำมัน
1.1 บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก สนับสนุนส่วนลดน้ำมันเครื่อง 50% (เฉพาะ10 รายการ โดยสามารถซื้อน้ำมันเครื่องไปใช้ศูนย์บริการอื่นได้), ฟรีตรวจสอบสภาพฯ, ฟรีค่าแรง, ส่วนลดค่าอะไหล่ 20% อาทิ กรองอากาศยี่ห้อ SAKURA และกรองแอร์ยี่ห้อ FIT Auto, SAKURA พร้อมส่วนลด 200 บาท/คัน สำหรับการล้างแอร์ด้วยกล้อง Microcam และฟรีการอบโอโซน โดยมีศูนย์บริการรองรับ 50 แห่งทั่วประเทศ
1.2 บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น สนับสนุนส่วนลดน้ำมันเครื่อง 50% น้ำมันกลุ่มสังเคราะห์แท้ (F1) ทั้งเบนซินและดีเซล (โดยสามารถซื้อน้ำมันเครื่องไปใช้ที่ศูนย์บริการอื่นได้), ฟรีตรวจเช็คสภาพฯ, ฟรีค่าแรงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, ส่วนลดค่าอะไหล่ 8% อาทิ ไส้กรองน้ำมันเครื่องภายใต้ แบรนด์ FURiO Care/ Green Serve/Power S โดยมีศูนย์บริการรองรับ 33 แห่งทั่วประเทศ
1.3 บจก.เอสโซ่ (ประเทศไทย) สนับสนุนส่วนลดน้ำมันเครื่อง 20-30%, ฟรีตรวจสอบสภาพฯ, ฟรีค่าแรงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, โดยส่งเสริมการขายผ่านเฉพาะศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง Mobil 1 Center และ Mobil Express ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ จนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563
1.4 บจก. เชฟรอน (ไทย) สนับสนุนส่วนลดน้ำมันเครื่อง 25% ทั้งเบนซินและดีเซล, ฟรีตรวจสอบ สภาพฯ, ฟรีค่าแรงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยมีศูนย์บริการรองรับ 20 แห่ง ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
1.5 บจก.เชลล์แห่งประเทศไทย โดยเมื่อซื้อน้ำมันเครื่องเชลล์ เฮลิกส์ เพาเวอร์ ดีเซล ราคา 2,990 บาท สนับสนุนฟรีการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์, ส่วนลดอะไหล่ 15%, ส่วนลดน้ำมันเชลล์ 350 บาทและเชลล์ ฟลัชชิ่ง ออยล์ 440 บาท รวมส่วนลด ทั้งสิ้น 790 บาท
2.กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
บริษัทที่ใช้น้ำมันเครื่องจากบริษัทภายนอกได้
2.1 บจก.ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ฟรีตรวจสอบสภาพฯ, ฟรีค่าแรงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง (เฉพาะ 4 สาขา อาทิ จตุจักร พุทธมณฑล บางนา บางปะกง) และส่วนลดอะไหล่ 15% สำหรับไส้กรองอากาศ และไส้กรองแอร์ สำหรับศูนย์บริการทั่วประเทศ
2.2 บจก. โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย สนับสนุนส่วนลดน้ำมันเครื่อง 20%, ฟรีตรวจสอบสภาพฯ, ฟรีค่าแรง และส่วนลดอะไหล่ 20% สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยมีศูนย์บริการรองรับ 152 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และสามารถรองรับปริมาณรถยนต์ 10 คัน/ศูนย์บริการ/วัน
2.3บจก. ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) ฟรีตรวจสอบสภาพฯ, ฟรีค่าแรง และส่วนลดอะไหล่ 20% สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยมีศูนย์บริการรองรับ 8 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และสามารถรองรับปริมาณรถยนต์ 10 คัน/ศูนย์บริการ/วัน
บริษัทที่ขอสงวนสิทธิ์ในการใช้น้ำมันเครื่องเฉพาะยี่ห้อบริษัท
2.4 บจก. นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) สนับสนุนส่วนลดน้ำมันเครื่อง 20%, ฟรีตรวจเช็คสภาพฯ, ส่วนลดค่าแรง 20% และส่วนลดอะไหล่ 20% สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยมีศูนย์บริการรองรับ 49 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และสามารถรองรับปริมาณรถยนต์ 10 คัน/ศูนย์บริการ/วัน
2.5 บจก. เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) สนับสนุนส่วนลดน้ำมันเครื่อง 20% /ฟรีตรวจสอบสภาพฯ, ส่วนลดค่าแรง 15% และส่วนลดอะไหล่ 20% สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง อาทิ แหวนรอง, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง, ไส้กรองอากาศ, ไส้กรองระบบปรับอากาศ ตามคู่มือรถยนต์ โดยมีศูนย์บริการรองรับ 18 แห่ง สำหรับรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องเป็นรถยนต์ดีเซลมากกว่า 5 ปี
2.6 บจก. สามมิตร พีทีจี โปรทรัค โซลูชัน เซ็นเตอร์ สนับสนุนส่วนลดน้ำมันเครื่อง 30% (ฟรีน้ำมันเครื่อง 10 ลิตร มูลค่า 1,200 บาท) และฟรีตรวจสอบสภาพฯ โดยสิทธิพิเศษดังกล่าวเฉพาะรถบรรทุก 10 ล้อ เท่านั้น โดยมีศูนย์บริการ 3 แห่ง และสามารถรองรับปริมาณรถยนต์ 10 คัน/ ศูนย์บริการ/ วัน
2.7 บจก.มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) สนับสนุนส่วนลดน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 20% , ฟรีตรวจเช็คสภาพฯ 21 รายการและเช็กเครื่องยนต์ด้วยระบบ MUT-III ส่วนลดอะไหล่ 20% เฉพาะไส้กรองน้ำมันเครื่อง โดยมีจำนวนศูนย์บริการ 51 แห่ง และสามารถรองรับปริมาณรถยนต์ 20 คัน/ศูนย์บริการ/เดือน
3.ศูนย์บริการเอกชน
3.1 ศูนย์บริการ AUTO BAC มีราคา Package น้ำมันเครื่อง, ฟรีตรวจเช็คสภาพฯ, ฟรีค่าแรง
3.2 ศูนย์บริการ B-QUIK ราคาน้ำมันเครื่องเริ่มต้นชุดละ 990 บาท, ฟรีตรวจเช็คสภาพฯ, ฟรีค่าแรง, ส่วนลดค่าอะไหล่ 25% เฉพาะ Diesel Purge
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากแต่ละศูนย์บริการได้โดยตรง
นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนหนึ่งเกิดจากภาคการขนส่งทางถนน โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซลที่มีอายุการใช้งาน และขาดการบำรุงรักษา ดังนั้น โครงการศูนย์/อู่บริการซ่อมรถ ลดฝุ่นละออง PM 2.5 โดยการให้สิทธิประโยชน์ ทั้งการสนับสนุนส่วนลดน้ำมันเครื่อง การตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ การสนับสนุนค่าแรง และอะไหล่ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และลดผลกระทบของฝุ่นละออง PM 2.5 จากแหล่งกำเนิด โดยกรมฯ ยินดีในการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนรับทราบและสามารถเข้าร่วมโครงการฯ
นายธนะ อัลภาชน์ รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า บทบาทสำคัญของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม คือ การส่งเสริมการจัดทำมาตรฐานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง สมอ. จึงมีแนวทางในการลดผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ และยกระดับมาตรฐานการควบคุมฝุ่นละออง PM 2.5 โดยนอกจากการประกาศใช้มาตรฐานหน้ากากสําหรับใช้เพื่อป้องกันฝุ่นละอองในอากาศ และมีแผนที่จะกําหนดมาตรฐานเครื่องฟอกอากาศให้ครอบคลุมประสิทธิภาพในการใช้งาน นั้น สมอ. ยังอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรฐานค่ามลพิษจากเครื่องยนต์ในประเภทรถยนต์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และผลประโยชน์ต่อประเทศ ดังนั้น การพัฒนาประสิทธิภาพเครื่องยนต์ในปัจจุบันควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการที่เน้นการปรับปรุงสภาพเครื่องยนต์เก่า ถือเป็นส่วนสำคัญในการลดผลกระทบฝุ่นละออง PM 2.5 จากภาคขนส่งในภาพรวม