“พูดแล้วทำ” กับ “ตู่ทำต่อ” – เปลว สีเงิน

ต่อแรก ในตลาดเลือกตั้งปีนี้ พรรคไหนจะแลนด์สไลด์ได้ พรรคนั้น ต้อง "ตีหนู" ที่เป็น "ก้างขวางคอ" ให้ตายคารูก่อน

คลิกฟังบทความ…?

เปลว สีเงิน

การเมืองตอนนี้ฝุ่นตลบ
ตะคุ่มๆ ที่เห็นตลบในฝุ่นนั้น ไม่ต่าง ปฎิบัติการ “มาร์เก็ตการ์เดน” ตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒
“ฝ่ายประชาธิปไตย”……..
โดย “วินสตัน เชอร์ชิล” แห่งอังกฤษ กับ “แฟรงกลิน รูสเวสต์” แห่งสหรัฐฯ
ระดมสรรพกำลังผนึกเข้ายึดหัวสะพานข้าม “แม่น้ำไรน์” ทั้ง ๙ แห่ง เพื่อบุกเข้าตีเยอรมัน
แต่จบลงด้วยความล้มเหลว!

ศึกชิงความเป็น “เจ้ายุทธ” สู่บังลังก์นายกฯ จากการเลือกตั้งเดือนพฤษภา.นี้ ก็ประมาณนั้น
จะต่างก็ตรง การบุกยึดเยอรมันของฝ่ายประชาธิปไตย ในปฎิบัติการ “มาร์เก็ตการ์เดน” เป็นการเข้ายึดสะพาน

แต่แผน “แลนด์สไลด์” ในการบุกของฝ่ายประชาธิปไตยในคอก ที่หื่นกระหายจะยึดเก้าอี้นายกฯ จากตูด “ลุงตู่-อยู่ต่อ” นั้น

เขาวิเคราะห์กันแล้ว การจะไปสู่จุดหมายนั้นได้
ต้อง “ตัดสะพานหนู” โดดเดี่ยว “ลุงตู่” ให้ได้ก่อน!

“สะพานหนู” ก็พรรค “ภูมิใจไทย” ของ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” นั่นแหละ!

เพราะอย่างนี้นี่เอง…….
ปฎิบัติการ “สมพ้อง” ระหว่างการเมืองกับการประมูลแข่งทางธุรกิจ จึงนำไปสู่ปฎิบัติการถล่ม “พรรคภูมิใจไทย” ให้ยับ
ผ่านเรื่องกัญชา, เรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชนิด “จงใจ-โจ่งแจ้ง”

ที่ว่า “จงใจ-โจ่งแจ้ง”
เพราะเกิดขึ้นต่อเนื่อง “ผิดธรรมชาติ” ด้วยวาทกรรมรายวัน ส่อเจตนาหักล้าง-ทำลาย มากกว่าการวิพากษ์และตรวจสอบโดยสุจริต

เพื่ออะไร?
เพื่อ ๒ ต่อ “เข้าฮอส” ไง!

ต่อแรก ในตลาดเลือกตั้งปีนี้ พรรคไหนจะแลนด์สไลด์ได้ พรรคนั้น ต้อง “ตีหนู” ที่เป็น “ก้างขวางคอ” ให้ตายคารูก่อน

ต่อที่สอง การตีหนูให้ตาย นั่นเท่ากับ “ตัดสะพานหนู” ปิดโอกาส “ลุงตู่” สู่นายกฯ สมัย ๓
“แนวร่วมหลัก” ของลุงตู่ ก็คือ “นายอนุทิน” พรรคภูมิใจไทย

เพราะเหตุนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจ
ที่เห็น “ภูมิใจไทย” ถูกปฎิบัติการ “จองล้าง-จองผลาญ” ชนิดต้องฆ่ามัน แบบโจ่งแจ้ง!

ผมว่า อะไรที่เกินพอดี มันก็ไม่ดีทั้งนั้น อย่างกรณีนี้ เฉพาะตัวผม แทนที่จะคล้อยตามคุณชูวิทย์ “ฮีโร่” ของผม
กลับ “เห็นใจ” นายอนุทินและภูมิใจไทยมากขึ้น!

เพราะอะไรน่ะหรือ?
เพราะผมชอบ อะไรที่มันแฟร์ๆ ผึ่งผาย เปิดเผย

ผิด-ถูก เป็นเรื่องหนึ่ง
แต่การทำชนิด “จองล้าง” แบบจงใจ โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลและความพอดี
ผมว่ามันก้าวข้ามเส้นแบ่ง “การตรวจสอบ” แบบสุจริตใจ ไปสู่การ “ทำลายกัน” ทางการเมือง แบบซ่อนเร้นเจตนา

“กัญชา”นั่นน่ะ
จะพูดให้เห็นภาพ โดยเปรียบกับ “ข้าว”

ข้าวว่ามีประโยชน์ ซึ่งถูกต้อง แต่ก็นั่นแหละ ถ้าบริโภคเกินพอดี บริโภคไม่เป็นมื้อ-เป็นคราว
ข้าวก็เกิดโทษ นำสู่โรคได้หลายๆ อย่าง เป็นอันตรายได้เหมือนกัน

กัญชาก็เช่นนั้น ถ้าใช้เกินพอดี ใช้พร่ำเพรื่อ มันก็เกิดโทษ นำไปสู่อันตรายได้
ไม่มีอะไรในโลกมี “คุณหรือโทษ” ด้านเดียวหรอก

“บอน” ว่าคัน ถ้าทำเป็น ก็เอาไปแกงกินได้
“พิษงู” ทำให้คนตายได้ แต่พิษนั้น นำไปทำเซรุ่ม ก็ช่วยให้คนรอดตายจาก “งูพิษกัด” ได้

ฉะนั้น การพูดก็เหมือนการนำไปใช้ ขึ้นอยู่กับเจตนา ว่านำไปใช้ทางเป็นคุณ หรือนำไปใช้ทางเป็นโทษ

กัญชา ไม่ใช่เพิ่งนำมาใช้ผิด/ใช้ถูกกันตอนนี้
ใช้กันมาตั้งแต่นายอนุทิน นายชูวิทย์ รวมทั้งผม ยังไม่เกิด และตั้งแต่พรรคภูมิใจไทย ยังไม่มีในโลกการเมือง

เพียงแต่ภูมิใจไทยแยกคุณและโทษ “พืชกัญชา” แล้วผลักดันกัญชาด้านคุณ สู่การคิดค้น “วิจัย-พัฒนา” ทางอุตสาหกรรมยาและอาหาร

พูดชัดๆ “ภูมิใจไทย” โดยนายอนุทิน ผู้เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข
หยิบ “ด้านคุณ” กัญชาแยกออกจาก “ด้านโทษ” มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ทางเป็น “พืชเศรษฐกิจ” สร้างรายได้ให้ประเทศ

โดยลงทุนแค่วิสัยทัศน์ กับ “พูดแล้วทำ” เท่านั้น ก็สามารถพลิกกัญชาจากที่ไร้ค่า เป็นมากทั้งค่าและมูลค่า

ฝ่ายที่เห็นภูมิใจไทย ชักจะดี “เกินหน้า-เกินทางการเมือง” ก็หยิบเฉพาะ “ด้านโทษ” กัญชาขึ้นมาโพนทนา ทางฉุดดึง
มันก็เท่านั้น….

อย่างยาเคมี แพทย์สั่งตามโรงพยาบาล ส่วนใหญ่ เป็นทางระงับอาการเป็นพักๆ ไม่ได้รักษาโรคให้หาย กินนานไป เกิดสารสะสม

โรคที่เป็น นอกจากไม่หาย แล้วยังต้องตาย จากยาเข้าไปทำลายจุลินทรีย์ที่อยู่แบบพึ่งพาอาศัยกันในร่างกาย จนตายไปหมดด้วย

ยาไทยที่เรียก “ยาแผนโบราณ” ให้ผลช้า ต้องกินต่อเนื่อง มีผลทางรักษาโรคให้หาย ไม่ใช่ยาระงับ

แต่นั่นแหละ บางโรค เมื่อกินสะสมนานไป ก็อันตรายต่อ “ตับ-ไต” ซึ่งต้องทำงานหนัก ซ้ำเสี่ยงต่อเชื้อรา

สรุปแล้ว ไม่มี “อะไรผิด-อะไรถูก” ด้านเดียว มันขึ้นอยู่กับความพอดีและการเลือกใช้ที่เหมาะสมกับโรคและอาการของแต่ละคน

อย่างผมนี่ กัญชาเคยลองหนเดียว “เข็ดจนตาย” ปวดหัว ๗ วันไม่หาย แม้กัญชาสกัด ลองแตะลิ้น ก็หัวทิ่ม

แต่กับเพื่อนๆ บางคน
ใช้แล้ว ชีวิตสดใส “กินได้-นอนหลับ” บางโรคหายด้วยซ้ำ!

แล้วลองย้อนไปดูคนเป็นมะเร็งไปทำ “คีโม” ซิ
ร้อยละ ๙๙.๙๙ ไม่หาย มีแต่ตายแน่ กับตายช้าลงนิด!!!

เพราะฉะนั้น ถ้าผมเจอนายอนุทิน ก็จะบอกว่า…
“เรื่องกัญชา ท่านทำในสิ่งที่ควรทำได้ดีแล้ว อย่าหวั่นไหวกับโลกธรรม ๘ ประการ
มีลาภ-เสื่อมลาภ, มียศ-เสื่อมยศ, มีสรรเสริญ-มีนินทา และ มีสุข-ก็ย่อมมีทุกข์

ฉะนั้น เมื่อมีโอกาสได้ทำต่อ……
ท่านจงต่อยอดกัญชาสู่การ “วิจัย-พัฒนา” ทางยาและอาหาร ไปให้ถึงที่สุด เพื่อประโยชนน์รวมของประเทศชาติเถอะ”

การ “เตะตัดขา” ท่านตอนนี้ เป็นธรรมดา อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า ไหนมิตรแท้-ไหนมิตรซ่อนมีด?

ส่วนที่ปลุกระดมให้คนเกลียดชัง หวังโค่นล้มภูมิใจไทย ที่เป็นตัวสกัด “แลนด์สไลด์” เขาก็ดี
หวังทำลายภูมิใจไทย มิให้เป็นสะพานนำลุงตู่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาสู่ทำเนียบรัฐบาลเป็นสมัยที่ ๓ ก็ดี

ปฎิบัติการ “เห่าข้างกำแพง” เหล่านี้ ไม่มีความหมาย เพราะอะไรที่ผิดธรรมชาติและส่อในทาง “จงใจใส่ร้าย”
สังคมไทย เป็น “สังคมใจเป็นธรรม”
เห็นใครถูกกลั่นแกล้ง-ใส่ร้ายแล้ว จะสงสาร และให้กำลังใจเสมอ

ส่วนเรื่อง “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” เหมือนกัน
กับชาวบ้านอย่างเราๆ “ข้อเท็จจริง” มันเป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีใครบอกให้รู้

มีแต่เอาส่วน “เข้าข้างตัวเอง” มาพูด เราคนฟัง ก็ไม่ต่าง “ตาบอดคลำช้าง” ตามเขาไป
แล้ว “ช้างทั้งตัว” มันอยู่ที่ไหนล่ะ?
ที่ “ศาลปกครอง” ครับ!

เรื่องรถไฟฟสายสีส้ม ฟ้องร้องเป็นคดีอยู่ในศาลรวม ๓ คดี ตอนนี้ ตัดสินไปแล้ว ๑ คดี ยังเหลืออีก ๒ คดี
ฉะนั้น รอ “ฟังศาล” ตัดสินอีก ๒ คดีที่เหลือ ตอนนี้ ใครพูดอะไร ป่วยการฟัง!

แล้วเรื่อง “เขากระโดง” อะไรนั่นล่ะ?
อันนี้ เป็นเรื่องส่วนตระกูล “ชิดชอบ” เขา

มันครึ่ง-ค่อนศตวรรษมาแล้วมั้ง ถ้าไม่เข้ามาเล่นการเมือง ก็คงไม่มีการขุดคุ้ย ในเมื่อการเมืองมันมีเดิมพัน จึงถูกขุดคุ้ย
“ผิด-ถูก” ก็ว่ากันไป ผมไม่มีข้อมูล ดุ่ยๆ เข้าไปผสมโรง เกะกะตีนเขาเปล่าๆ

กรณีนี้ เหมือนเรื่อง “ตระกูลรัตนพันธ์” กับบริษัทเอสซี แอสเสท ของ “ตระกูลชินวัตร” ที่ต่างคน-ต่างฟ้อง นั่นแหละ
วิจารณ์เรื่องเปลือกได้…….
แต่เรื่องเนื้อใน ไม่มีข้อมูล ๒ ฝ่าย ที่จะใช้วิจัยทางให้ความเห็นได้

สรุป ก็คือ……….
“คุณอนุทิน” น่วมหน่อยนะ ช่วงนี้!

ท่านก็คล้ายนายกฯ ประยุทธ์แหละ อยู่ในตำแหน่งแชมป์ จึงมีคนอยากชิง หวังกระชากเข็มขัดแชมป์ไปครองบ้าง
แต่ “พูดแล้วทำ” ของท่าน
กับ “ทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อ” ของนายกฯ

มันเป็นการเมือง “ตระกูลทำ” เพื่อชาติ-ประชาชนด้วยกัน

ดังนั้น การวาง “ระเบิดการเมือง” ใส่ภูมิใจไทย
เพื่อ “ตัดทางเชื่อม” ลุงตู่ เปิดทางให้ฝ่ายประชาธิปไตยเคลื่อนพลเข้ายึด “ทำเนียบไทยคู่ฟ้า” นั้น

มันก็ไม่ต่างปฎิบัติการ “มาร์เกตการ์เดน”
ผลคือ…..”ตายเปล่า”!

เปลว สีเงิน
๒๐ มีนาคม ๒๕๖๖

 

Written By
More from plew
ชาติหน้า “ไทยก็ไม่ถังแตก”
เปลว สีเงิน โอ๊ะ…ท่าจะหนักจริง “ทั้งโลก” ยกเว้นไทยเรา ที่คิดกันว่า ซักปี-สองปี โควิด ก็คงไป ดูท่า มันไม่ไปง่ายๆ ซะแล้ว!...
Read More
0 replies on ““พูดแล้วทำ” กับ “ตู่ทำต่อ” – เปลว สีเงิน”