15 มีนาคม 2566 นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) และ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข ที่มอบหมายให้คณะทำงานวิชาการประเมินผลการทำงานของฝ่ายบริหาร สำหรับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่กำลังจะหมดวาระในเร็วๆ นี้ หลังจากดำรงตำแหน่งมาครบ 4 ปี
คณะทำงานวิชาการได้ทำการศึกษาประเมินผลงานแบบผสมผสานทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพตามมาตรฐานวิชาการ โดยสุ่มตัวอย่างบุคลากรกระทรวงฯ และประชาชน รวมถึงผลงานตลอดระยะเวลา ทั้งในประเทศและนานาชาติ ระยะเวลาศึกษาในช่วงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม 66 พบว่า
รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขมีผลงานโดดเด่นสูงสุดในรอบหลายสิบปี โดยเฉพาะการรับมือสถานการณ์การระบาดโควิด 19 ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์โรคระบาดที่รุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ได้รับการยอมรับอย่างสูง ทั้งภายในและต่างประเทศ มีความสามารถในการสร้างพลังความมือจากบุคลากรและทุกภาคส่วน ได้รับการยอมรับและร่วมมืออย่างดีในการพัฒนาระบบการแพทย์และสาธารณสุขจากผู้บริหารและบุคลากร ส่งผลให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นกระทรวงที่มีผลงานโดดเด่นในระดับต้นๆ ได้รับการยอมรับจากประชาชน
อาทิ การยกระดับระบบสุขภาพพื้นฐาน โดยระบบ 3 หมอ ดูแลประชาชน 33,432,465 ราย, 30 บาทรักษาทุกที่ ให้บริการแล้วครอบคลุมทั้งประเทศ, มะเร็งรักษาทุกที่ให้บริการแล้ว 246,444 คน และฟอกไตฟรีให้บริการแล้ว 82,463 คน พบว่าประชาชนมีความพึงพอใจสูงมาก ได้รับประโยชน์ในการดูแลผู้ป่วยที่ยากลำบาก สามารถลดการสูญเสียชีวิตและความพิการลงได้มาก อีกทั้งส่งผลลดค่าใช้จ่ายของประชาชน และความสูญเสียทางเศรษฐกิจ
การควบคุมโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 1 ด้านการฟื้นตัวจากโควิด 19, เป็นต้นแบบการควบคุมโควิด 19 อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเปิดประเทศได้เป็นชาติแรกๆ ในเอเชีย และช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว รวมทั้งสามารถควบคุมโรคฝีดาษลิงไม่ให้ลุกลาม เรื่องดังกล่าวได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติสูงมาก ได้รับการชื่มชมจากองค์การอนามัยโลก และทุกเวทีการประชุมด้านสาธารณสุขระดับนานาชาติ
การสร้างขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงาน โดยมีการบรรจุข้าราชการรุ่นโควิด 45,684 อัตรา เพิ่มค่าตอบแทนเสี่ยงภัยบุคลากร และเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษบุคลากรและ อสม. รวมถึงเพิ่มสวัสดิการ อสม. เช่น ฌาปนกิจสงเคราะห์ และห้องพิเศษ เป็นผลงานที่บุคลากรและ อสม. ประทับใจ พึงพอใจสูงสุด นอกจากนี้ ความประทับใจในบุคลิกความเป็นผู้นำ โดยเฉพาะในด้านการดูแลบุคลากร ใส่ใจ การให้เกียรติบุคลากรทุกระดับ มนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ความเป็นกันเอง ความห่วงใย เป็นแบบอย่างให้กับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขในการปฏิบัติตาม
รัฐมนตรีมีความโดดเด่น ในเวทีระดับนานาชาติ ทั้งในด้านการสื่อสาร การใช้ภาษา และการสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุขในระดับนานาชาติ โดยไทยได้รับการคัดเลือกจากประเทศในอาเซียน ให้จัดตั้งสำนักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียน ด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่
การยกระดับสมุนไพรไทย ใช้กัญชา กัญชง เพื่อการแพทย์และกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดและศึกษาวิจัยพัฒนายาจากกัญชา กัญชง, ให้บริการคลินิกกัญชา 1,005 แห่ง ดูแลผู้ป่วย 103,694 ราย, ออกใบรับจดแจ้งการปลูก 1,095,785 ใบ, สร้างเงิน สร้างงาน ให้ประชาชน มีเม็ดเงินสะพัดกว่า 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้มีข้อเสนอแนะสำคัญ ในการสร้างความเข้าใจเรื่อง นโยบายกระทรวงสาธารณสุข คือ “กัญชาทางการแพทย์” มิใช่ “กัญชาเสรี” ดังที่ผู้ไม่ประสงค์ดีออกมาโจมตี บิดเบือนข้อมูล ขอให้รัฐบาลและทุกภาคส่วน ดำเนินมาตรการควบคุมโทษของการนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด ทั้งเร่งการออกกฎหมาย ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย
“ตลอด 4 ปี ที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาระบบสุขภาพไทยยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 5 ของโลกในปี 2564 – 2565 นอกจากนั้น ไทยยังได้รับความไว้วางใจ จากองค์การอนามัยโลก ให้ เป็นหนึ่งในชาติต้นแบบการควบคุมโควิด 19
ขณะที่งานบริการประชาชนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการอัพเดทสิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค ให้เป็น 30 บาทรักษาทุกที่การเพิ่มบริการฟอกไตฟรีการจัดหาเครื่องจ่ายรังสีมาให้บริการประชาชนอำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งสิ่งเหล่านี้เกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจภายใต้การนำองค์กรของท่านรัฐมนตรี ที่สำคัญที่สุด ความสำเร็จเกิดที่เกิดขึ้นได้ เกิดจากจากพลังความร่วมมือ ความมุ่งมั้น ทุ่มเท เสียสละ ของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับ