“เพื่อไทย” ปราศรัยเวทีพิจิตร “วันนี้ประเทศไทยกำลังเดินเข้าสู่วิกฤต ถ้าไม่เปลี่ยนรัฐบาล ไม่เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนนี้ออกไป ประเทศจะตกต่ำจนยากแก้ไข”

พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัย พิจิตร ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ ณ วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร อ.เมือง จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2566 ท่ามกลางประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยเกือบ 20,000 คน
“พรรคเพื่อไทยมีความจำเป็นต้องจับมือกับพี่น้องประชาชน ขอให้พี่น้องมั่นใจกับคนที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย ถ้าไม่ได้ 310 เสียง เราจะไม่มีอำนาจ ถ้าทำได้จะได้นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย” โดยชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

“เราต้องกาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ เพื่อป้องกัน ส.ว.และพรรคเสียงข้างน้อยไปตั้งรัฐบาลแข่งกับเรา เราจึงต้องแลนด์สไลด์ เพื่อไทย 2 ใบ 310 เสียงขึ้นไปเท่านั้น” ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

“เกษตรกรต้องมีลดต้นทุนลง ราคาสินค้าเกษตรต้องดียกแผง ข้าวราคาดี ปุ๋ยราคาถูก เราเล็งเห็นปัญหาและพร้อมแล้วที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้กับพี่น้องประชาชนในทุกช่วงอายุ” แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

“วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ผม ในฐานะนักธุรกิจที่สั่งสมประสบการณ์มากว่า 30 ปี ต้องก้าวออกมาจากวงการธุรกิจ และมาทำเพื่อบ้านเมือง ทั้งนี้ในระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมายาวนานมาก สูญเสียโอกาส รายได้ลดลง รายจ่ายสูงขึ้น” เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

“ผมไม่เชื่อในอำนาจที่มาจากการแต่งตั้ง ไม่ยอมรับและให้เกียรติรัฐประหาร เชื่อมั่นและเคารพในอำนาจที่มาจากประชาชนเท่านั้น ดังนั้น ถ้าพลเอกประยุทธ์ตั้ง ส.ว. 250 คน คนไทยจะเลือกเพื่อไทย 310 เสียงชนะกันให้เด็ดขาด” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย

“หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะขยายกองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาท กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้กว้างขวาง ให้พี่น้องยากจนเข้าถึงแหล่งทุนประกอบอาชีพแก้จนได้” โดยสุธรรม แสงประทุม คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเพื่อไทย